55555 วู้ พวก " วิปริต ทางเพศ " สมองไปหมด แล้วอ่ะ ฮา 555555
มันเปง " โคงการ ทดสอบ นำล่อง " ยกเลิกไปแล้ว อ่ะ ฮา 4444
55555 นักแปะ ใช้ " กาว " เปลือง อ่ะ ฮา 555555
http://pantip.com/topic/31038851ไทยปลดตรวนนักโทษ แอมเนสตี้หนุน พร้อมเรียกร้องรัฐยกเลิกโทษประหาร
Thu, 2013-05-16 02:35
15 พ.ค. 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี
วันประกาศถอดตรวนผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และนายก่อแก้ว พิกุลกอง สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเพื่อไทย และแกนนำเสื้อแดงที่เคยถูกคุมขังในเรือนจำ
ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างหลักประกันความมั่นคงในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยการ ขจัดการเลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ
โดยมอบนโยบายให้กระทรวงยุติธรรมดูแลสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลตามรัฐธรรมนูญใน
ส่วนของกรมราชทัณฑ์ มอบหมายให้ศึกษาข้อกฎหมายและความเป็นไปได้
ในการผ่อนปรนหรือปลดเปลื้องเครื่องพันธนาการโดยเฉพาะตรวนให้กับผู้ต้องขัง
ที่ต้องจำตรวนตลอดเวลาภายในเรือนจำพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า
ได้มอบหมายให้นายวสันต์ สิงคเสลิต ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง
รับไปดำเนินการนำร่องโครงการปลดตรวน
เนื่องจากเรือนจำกลางบางขวางเป็นเรือนจำ ความมั่นคงสูง
รับควบคุมผู้ต้องขังโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตจึงเป็นเรือนจำเดียวที่มีแดน ประหารชีวิต
โดยเรือนจำลางบางขวางได้เริ่มทดลองถอดตรวนให้กับผู้ต้องขังตั้งแต่เมื่อวัน ที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยมีผู้ต้องขังที่ได้รับการถอดตรวนจำนวน 563 ราย
แยกเป็น ผู้ต้องขังที่มีกำหนดโทษาต่ำกว่า 50 ปี จำนวน 16 ราย
ผู้ต้องขังที่มีโทษจำคุกตลอดชีวิต จำนวน 34 ราย
และผู้ต้องขังประหารชีวิต จำนวน 513 รายโดยการถอดตรวนทำให้ผู้ต้องขังมีอิสรภาพในการเคลื่อนไหวร่าง
กายและพบว่าหลังจากถอดตรวนผู้ต้องขังไม่ทำผิดทางวินัยเรือนจำ
หากในอนาคตกรมราชทัณฑ์ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือมาทด แทน
การจำตรวนได้ก็จะยกเลิกหรือปลดตรวนให้กับผู้ต้องขังอื่น ๆ
ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี
สนับสนุนรัฐบาลต่อโครงการนำร่องในการถอดตรวนผู้ต้องขังจำนวน 500 คน
ที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ในการปฏิบัติตามหลักมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล
และเรียกร้องให้รัฐบาลควรกำหนดให้เป็นนโยบายที่ชัดเจนในการยกเลิกการใส่โซ่ตรวนผู้ต้องขังทั่วประเทศต่อไป
รวมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต เพื่อแสดงถึงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
และการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ทุกคน
นายสมชาย หอมลออ ประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
เปิดเผยว่า การรณรงค์เรียกร้องให้ถอดโซ่ตรวนผู้ต้องขังในเรือนจำมีการดำเนินการมาอย่างยาวนาน
จากนักสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
เพราะถือว่าเป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในร่างกายและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
และมีลักษณะเป็นการทรมานซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
การใช้เครื่องพันธนาการประเภทตรวนแก่ผู้ต้องขัง เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักปฏิญญาสากล
ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ การจำตรวนไว้ตลอด24 ชั่วโมงทั้งๆ
ที่ผู้ต้องขังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำถือเป็นทรมาน
และเป็นการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เขาระบุว่า การที่รัฐบาลและกรมราชทัณฑ์จัดให้มีการถอดโซ่ตรวนนักโทษ 500 คนในวันนี้
ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ
สำหรับปฏิบัติต่อผู้ต้องขังขององค์การสหประชาชาติ ที่กำหนดว่าบรรดาเครื่องพันธนาการ
เช่น กุญแจมือ โซ่ ตรวน และสายรัดแขน จะต้องไม่ถูกนำมาใช้เพื่อการลงโทษ
รวมทั้งไม่ใช้โซ่ตรวนในระหว่างการจองจำนักโทษ
เครื่องพันธนาการอาจจะใช้ได้เพียงเฉพาะระยะเวลาที่จำกัดและเท่าที่จำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น
เราหวังว่าโครงการนำร่องนี้จะพัฒนาให้เป็นนโยบายที่ประกาศยกเลิกการใช้โซ่ตรวนกับผู้ต้องขัง
ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศและในห้องพิจารณาของศาลในที่สุด
และเรียกร้องให้ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง
ขององค์การสหประชาชาติ ด้วย เช่น แก้ไขปัญหาความแออัดในเรือนจำ
การจำแนกผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี กับผู้ต้องขังที่มีคำพิพากษาแล้ว
การเพิ่มช่องทางเพื่อการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและทันท่วงที สมชายกล่าว
นางสาวปริญญา บุญฤทธิ์ฤทัยกุล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนินการให้การศึกษา สร้างความเข้าใจในการเคารพสิทธิมนุษยชนมากว่า 50 ปี ปัจจุบันมี 140 ประเทศทั่วโลกหรือมากกว่า 2 ใน 3 ของทุกประเทศที่ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าทัศนคติและความเชื่อดั้งเดิมสามารถเปลี่ยนแปลงได้
รัฐบาลไทยควรพิจารณาสนับสนุนแนวโน้มระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นในทางที่ยกเลิกโทษประหาร เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิต และโทษดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการมีชีวิตตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน รวมทั้งงานวิจัยมากมายจากนานาประเทศได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโทษประหารชีวิตไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของอาชญากรรม
จดหมายระบุด้วยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์อันดีในการยกระดับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยจึงเรียกร้องรัฐบาลพิจารณาสนับสนุน ดังนี้
1. ประกาศพักการประหารชีวิตในทางปฏิบัติอย่างเป็นทางการโดยทันที เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ฉบับที่ 2 โดยมีเจตจำนงที่จะออกกฎหมายให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในท้ายที่สุด
2. เสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อลดจำนวนความผิดทางอาญาที่มีบทลงโทษประหารชีวิต
3. บรรจุวาระการเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตเป็นโทษจำคุกไว้ในแผนแม่บทว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ฉบับที่ 3
4. ลงนามและให้สัตยาบันรับรองพิธีสารเลือกรับฉบับที่สองของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Second Optional Protocol to the International Covenant on Civil and Political Rights) ที่มุ่งยกเลิกโทษประหารชีวิต
ที่มา : prachatai.com
http://www.dailynews.co.th/crime/204761http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhOakV4TURVMU5nPT0=