ส่วนอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กระทรวงการคลังจะเสนอเป็นอัตราเพดานสูงสุด โดยพื้นที่ทำกินเพื่อการเกษตรจะจัดเก็บไม่เกิน 0.5% ที่ดินเพื่ออยู่อาศัยเก็บไม่เกิน 1% ส่วนที่ดินว่างเปล่าและเพื่อการพาณิชย์ เก็บไม่เกิน 4% ส่วนอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริงก็จะผ่อนคลายให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นต้องดูต่อไปครับ ถ้าเยอะมากก็ขายทิ้ง ไม่ต้องทำงานรอ รัฐบาลเลี้ยงดู
ตามข่าวหลังสุด ที่ดินเพือการพานิช จะเก็บที่ 2 % ครับพี่เบิม ต้องดูว่า ตารางราคาประเมิณ จะเป็นยังไง ถ้าคิดตาม กรมธนารักษ์ก็ยังพอไหวคือ ตามราคาประเมิณ กรมที่ดิน ซึ่งไม่สูงมาก
แต่ ถ้าตาม ราคาตลาด ตายห่า กันเป็นแถบ สิ่งแรกที่จะเกิดคือ ขึ้นค่าเช่า ครับ
พวกที่มีห้องจำนวนมากในรูปแบบ บ. คงต้องผลักภาระให้ผู้บริโภครับไป รวมถึง vat ด้วย
คนเช่าถ้าแพงมากก็ย้ายออก / ผู้ให้เช่า หาคนมาเช่าไม่ได้ แต่ต้องจ่ายภาษี คงขายกิจการส่งต่อให้คนที่พร้อมเข้ามาดูแล
สุดท้าย ถ้าหาคนมารับไม่ได้ก็แจ้งเลิก กิจการ กลับไปเสียฐานอยู่อาศัย
คนที่ไม่เคย จ่าย ภาษีโรงเรือนจะไม่เข้าใจจุดนี้ ว่า มันหนักขนาดไหน ปรกติเสียกัน จะเป็นบ้านที่ ใหญ่เกิน 100วา ซึ่งส่วนมากมีอันจะกิน
ส่วนคนที่ทำบ้านเช่า เคยเสีย เร็ต 12.5 มาแล้ว คงจะสดุ้งบ้าง แต่พอรับมือได้
ภาษีโรงเรือนตรงนี้ไม่น้อยนะครับ 12.5%ต่อปี(ยังไม่รวมที่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลอีก) อยากรู้ว่าจะเลิกตรงส่วนภาษีโรงเรือนนี้ใช่มั้ย? แล้วไปเก็บภาษีที่ดินเพื่อการพานิชแทน แล้วจะไปเก็บอัตราเท่าไหร่แทน? รอดูครับ....ตรงนี้มีผลกับค่าเช่า ถ้าต้องจ่ายสูงขึ้นมาก คงไม่มีทางเลี่ยงต้องขึ้นค่าเช่าครับ เฮ้อ........
สมมุติที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง3ล้าน เสีย1%=3หมื่น 2%=6หมื่นต่อปี
เอาแค่1-2%ก็อ๊วกแล้วครับ เก็บค่าเช่าหลายเดือน-ครึ่งปีบางราย กว่าจะได้6หมื่น