ภาษีบ้าน....แฮ่ๆ เสียเท่าไหร่

ทีดีอาร์ไอแนะรัฐบาลขึ้นภาษีน้ำอัดลม ชี้ไม่กระทบประชาชนมากนัก

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า รัฐบาลปรับลดการจัดเก็บรายได้ลงจำนวน 1.5 แสนล้านบาท เนื่องจากกรมสรรพากรจัดเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต ลดลงนั้น สะท้อนว่ามีการชะลอตัวของการบริโภค เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้คนมีรายได้ลดลง จากการส่งออกที่ชะลอตัวและปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูง ทิศทางดังกล่าวเป็นไปตามที่ทางทีดีอาร์ไอคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดด้วยการช่วยชะลอการใช้หนี้สินของเกษตรกร มาตรการการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งการเร่งรัดเบิกใช้งบประมาณ

ส่วนการจัดหารายได้เพิ่มเติมของภาครัฐอาจดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลได้บ้าง แต่ไม่ควรมาก ควรนำมาใช้กับนโยบายลงไปถึงมือประชาชนได้ตรงจุด หรืออาจจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม แต่ควรทำด้วยความระมัดระวัง เช่น ภาษีน้ำอัดลม และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ควรขึ้นภาษีแวตเพราะจะส่งผลกระทบต่อประชาชน

อืมมม..........ถ้าคิดได้แค่นี้ ใครๆก็เป็นนักวิชาการได้ละ ไม่กระทบเล้ยยย.........ให้ตายสิ ขึ้นภาษีสิ่งปลูกสร้าง2% ค่าเช่าขึ้นระนาวแน่ๆ ข้าวของแพงชิบหายวายป่วงแน่นอน ที่5ล้านเสียแสนกว่ารวมภาษีเงินได้ ที่มูลค่า10ล้าน 2%=ปีละ2แสน ห้าง100ล้าน=2ล้าน โดนชก

ยกตัวอย่างนาย ก. ซื้ออาคารพานิช10กว่าปีที่แล้วราคา 4m. กว่าจะผ่อนหมด ดอกเบี้ยกินไปอีกเกือบ3ล้าน รวมต้นทุน7m. ราคาตลาดปัจจุบัน8ล้าน นาย ก. ให้เช่าเดือน2หมื่น เสียภาษีราวปี4-5หมื่น นาย ก.เสียภาษีที่ปล่อยเช่าเดือนละ4-5พัน เหลือถึงมือนาย ก.เดือนละ14-15k นาย ก. มีรายได้เดือนละหมื่นกว่าๆ เก็บออม ผ่อนมาทั้งชีวิต ตอนแก่ไม่มีแรงทำงาน คงพอประหยัดได้กินวัน4-5ร้อย

ถ้าคิดอัตราใหม่2% ราคาประเมินสมมุติ7ล้าน=140,000 +ภาษีเงินได้อีกราว3-4หมื่น รวมเป็น170,000-180,000บาท ตกแล้วภาษีต่อเดือน=15,000บาท หมายถึงภาษีพุ่งขึ้นอีกเดือนละ10,000กว่าบาท แน่นอนว่านาย ก. บอกว่าชิบหายสิ หมดพอดี ไม่ต้องเหลือกินซักบาท นาย ก.จึงเอาภาระที่เพิ่มเดือน10,000กว่าบาท โยนไปให้คนเช่า ค่าเช่าจาก2หมื่น จะกลายเป็น3หมื่นกว่าต่อเดือน

ที่นี่หันมามองคนเช่า จากเช่าอยู่2หมื่น กลายเป็น3หมื่นกว่า คนเช่าก็บอก ชิบหายแล้ว จะเอาไรมาจ่ายค่าเช่า บางธุรกิจขึ้นราคาได้ บางธุรกิจที่บีบรัดตึงเปรี๊ยะอยู่แล้ว ขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ บอกว่างั้นไม่ไหว ปิดดีกว่า ไปตายเอาดาบหน้า ทำไปก็ไม่ไหว จะหาพอค่าเช่ามั้ย...แพงขนาดนั้น ทำไปทำไม โดดแม่น้ำ โดดทะเลตายดีกว่า...

แล้วผลก็มาตกที่นาย ก. บ้านว่าง นาย ก.ต้องจ่ายภาษีปีละเกือบ2แสน นาย ก.ก็ทำไงละ เก็บ2หมื่นก็ไม่ได้อะไร เก็บแพง3หมื่นกว่าก็ไม่มีคนเช่า

สรุปคนนึงไปโดดทะเล คนนึงไปโดดแม่น้ำ ไม่ก็ขายทิ้ง เผื่อมีเจ้าสัวมาซื้อ เผอิญเจ้าสัวบอกมีเยอะแล้ว อั๊วจะซื้อไปทำไมล่ะ ตึกแถว ร้านรวงเล็กๆพวกนี้ทำไรไม่ได้ อั๊วมีห้าง มีธุรกิจใหญ่โตหมื่นล้านแสนล้าน ไม่เอาหรอก ห้องแถวพวกนี้ กระจอก..

ก็ไม่รู้สินะ......ทางแก้พอมี ขั้นบันไดไง ต่ำกว่า 3m เรตนึง 5m.เรตนึง 10m.เรตนึง .....ก็ว่ากันไป 0.3% .05% .08% ...ฯ ยังพอบรรเทาผลกระทบได้ ถ้าเอาทีเดียว2% ชิหายแน่นอน คนส่วนใหญ่จะเอาที่ไหนมาจ่ายค่าเช่าเพิ่มอีกกว่าครึ่ง ที่ยกตัวอย่างแค่ร้านค้าขายนะครับ ของจริงมันกระทบบ้านเช่า หอพัก คนจนหลายสิบล้านคนกระอักแน่ๆ คนส่วนใหญ่ไม่มีเงินเดือนขึ้นทุกปี ไม่มีสวัสดิการเลี้ยงจนตายนะครับ หากินไปวันๆ อย่าเอาความคิดแบบคนอยู่บนหอคอยงาช้าง เงินเดือนเป็นแสนๆ ร่ำรวยร้อยๆล้านมาคิดครับ ไปเดินถามชาวบ้านบ้าง วันๆเค้าหาได้วันกี่ร้อย พอกินมั้ย ?

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ภาษีบ้าน....แฮ่ๆ เสียเท่าไหร่ (อ่าน 12366 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้