เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 16, 2024, 04:40:40 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 ... 17
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวไทยจะซื้อเรือดำน้ำจีน2ลำ 36000ล้าน  (อ่าน 32966 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 30 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
araki-รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน -561
ออฟไลน์

กระทู้: 699



« ตอบ #45 เมื่อ: มีนาคม 30, 2015, 10:23:01 PM »

    สมัยก่อนเคยได้ยินว่าอาวุธต่อสู้รถถังที่ดีที่สุดคือรถถัง
ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังเป็นแบบนี้อยู่มั๊ย การรบแบบ 3 มิติ
   เรือดำน้ำเราถ้ามีมันสามารถไปใกลได้ถึงไหน  ต่อรอบภารกิจกี่วัน
ใครจะเข้ามาต้องคิดก่อน หาเรือดำน้ำเราให้เจอก่อน 
 
บันทึกการเข้า

"อำนาจ"
 มันเป็นเช่นนี้เอง
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #46 เมื่อ: มีนาคม 30, 2015, 10:47:44 PM »



โผล่ที่สัตหีบ .. เรือดำน้ำนิวเคลียร์สหรัฐฯ เข้าถึงก้นอ่าวไทย
http://www.manager.co.th/indochina/viewnews.aspx?NewsID=9560000030705


บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #47 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 08:11:07 AM »

ไปซื้อระบบต่อสู้รถถัง/อากาศยานดีๆดีกว่า  นอกนั้นก็พวกปราบเรือดำน้ำ/ต่อสู้จรวดโจมตี  กลัวดำไม่โผล่มีF16ก็มาชนกันให้ฮุนเซนมันแซว
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #48 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 08:15:15 AM »

   สมัยก่อนเคยได้ยินว่าอาวุธต่อสู้รถถังที่ดีที่สุดคือรถถัง
ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังเป็นแบบนี้อยู่มั๊ย การรบแบบ 3 มิติ
   เรือดำน้ำเราถ้ามีมันสามารถไปใกลได้ถึงไหน  ต่อรอบภารกิจกี่วัน
ใครจะเข้ามาต้องคิดก่อน หาเรือดำน้ำเราให้เจอก่อน  
 

ผมเห็นคลิปโฆษณา Kornet-Eบอกเชือดรถถังไป200+ลำแล้วครับ Abram Merkavaก็ไม่รอด
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #49 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 08:48:52 AM »

ไปซื้อระบบต่อสู้รถถัง/อากาศยานดีๆดีกว่า  นอกนั้นก็พวกปราบเรือดำน้ำ/ต่อสู้จรวดโจมตี  กลัวดำไม่โผล่มีF16ก็มาชนกันให้ฮุนเซนมันแซว

มันต้องมีทุกแบบแหละครับ  จะมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้  แม้แต่ประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง ๆ

มีเรือปราบเรือดำน้ำดี ๆ ก็ไม่ใช่จะหาเรือดำน้ำเจอง่าย ๆ ครับ  สวีเดนยังปวดหัวกับเรือดำน้ำรัสเซียเลยครับ   Grin

สวีเดนระดมกำลังครั้งใหญ่ ตามล่าเรือดำน้ำรัสเซียแอบสอดแนม
http://www.thairath.co.th/content/458034

กองทัพสวีเดนกร้าว!! พร้อมใช้อาวุธบังคับให้ “เรือดำน้ำรัสเซียโผล่”
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121848

บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10809



« ตอบ #50 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 08:55:03 AM »

สนับสนุนให้กองทัพไทย มีเรือดำน้ำ ครับ ถ้าเป็น ของ เยอรมัน หรือสายพันธุใกล้เคียง
บันทึกการเข้า

~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #51 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 08:55:45 AM »

   สมัยก่อนเคยได้ยินว่าอาวุธต่อสู้รถถังที่ดีที่สุดคือรถถัง
ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังเป็นแบบนี้อยู่มั๊ย การรบแบบ 3 มิติ
   เรือดำน้ำเราถ้ามีมันสามารถไปใกลได้ถึงไหน  ต่อรอบภารกิจกี่วัน
ใครจะเข้ามาต้องคิดก่อน หาเรือดำน้ำเราให้เจอก่อน  
 

ผมเห็นคลิปโฆษณา Kornet-Eบอกเชือดรถถังไป200+ลำแล้วครับ Abram Merkavaก็ไม่รอด

ดักยิงในเขตเมือง  ยิงจากซอกตึก  ช่องตึก  รถถังแบบไหนก็ไม่รอดหรอกครับ  Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
น้าเสก คนเดิม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 712
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14502


รับแขก...แจกเหล้า...เฝ้าสำนักงาน


« ตอบ #52 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 09:01:05 AM »



555555  ชายสวิงกิ้งแมน  " ผู้ไม่ประสงค์ ออกนาม คนหนึ่ง "  เดินเข้าบาร์ อ่ะ ฮา 55555  งอน

พร้อมเหน็บ  "  US. Army  " ข้างเอว   และ กระสุน สำรอง อีก หนึ่งแม็ก อ่ะ ฮา   จูบบบบ

พอถึง  หน้าเคาน์เตอร์   เขาตะโกนเสียงดังว่า    " ใครเป็นชู้   กับเมียกู "    อ่ะ ฮา  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน

ทั้งบาร์   " เงียกกริ๊บ " เหมือนตอนจะประกาศ  มอ.. 444  อ่ะ ฮา   เศร้า เศร้า เศร้า

55555  มีเสียง   ลอดออกมาเบาๆ ว่า  " กระสุน มึงไม่พอ " ร๊อกส์ อ่ะ ฮา 555555   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

สงสัยไปรบนาน...... ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #53 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 09:52:19 AM »

5555555  ยายฮา  พวก  " ซื้อเลย  ๆ " อ่ะ ฮา 5555

มันจะเอา  กะตางค์ ที่ไหนมาซื้อ  นอกจากกก   " กู้  กู้  แอนด์ กู้ " อ่ะ ฮา

( ตอนนี้  เป็น  " รัฏฐาธิปัตย์ "  เป็นผู้บริหาร จากปลายกระบอกปืน ใครจะให้กู้ อ่ะ ฮา )

ข่าวล่าสุด   "  สายการบิน สัญชาติไทย "  โดนจำกัดสิทธิ์  ห้ามบินเข้า ประเทศต่างๆ อ่ะ ฮา
โดน  ห้ามเพิ่ม  ห้ามเปลี่ยนแปลง เส้นทางบิน  ห้าม  ห้าม  ห้าม  ห้าม  อ่ะ ฮา

" สารขัณฑ์ "  ไม่ยุบตอนนี้  แล้วจะไปพัง ตอนไหน อ่ะ ฮา

เงินเดือน  ใหม่ ของ  " ข้าราชการ " โดนเบรก อีกแล้วอ่ะ ฮา   เยี่ยม


ไอ้เรื่อง  " ซับมารีน  ฟอร์ม  เบ - จิง "  ยายว่า  แห้ว แล้ว อ่ ะ  ฮา   ขำก๊าก

เอ้า  ถ้ามีคน  " ซื่อบื้อ "  ลงนามซื้อ  ฮา  เยาะเย้ย

แล้วระบบ  อาวุธ  ท่าทาง  จะใช้  "  โท มาฮอก " ของอเมริกัน อ่ะ ฮา   งอน

เครื่องยนต์  " รัสเชีย "    ระบบปืน ของ  " เวียดนาม "  อ่ะ ฮา   เยาะเย้ย

นำร่อง ของ  " เขมร "   กระสุนของ  " ปาปัวนิวกีนี " อ่ะ ฮา  จูบบบบ


5555  ท้ายสุด  เอาไปทำเรือ  ดำน้ำ  ดู " ปะการัง  "   ที่ ภูเก็ต  อ่ะ ฮา 555555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #54 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 09:55:14 AM »




ไปซื้อระบบต่อสู้รถถัง/อากาศยานดีๆดีกว่า

นอกนั้นก็พวกปราบเรือดำน้ำ/ต่อสู้จรวดโจมตี  กลัวดำไม่โผล่

มีF16  ก็มาชนกัน    ให้ฮุนเซนมันแซว



บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #55 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 10:01:05 AM »

ไปซื้อระบบต่อสู้รถถัง/อากาศยานดีๆดีกว่า  นอกนั้นก็พวกปราบเรือดำน้ำ/ต่อสู้จรวดโจมตี  กลัวดำไม่โผล่มีF16ก็มาชนกันให้ฮุนเซนมันแซว

มันต้องมีทุกแบบแหละครับ  จะมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้  แม้แต่ประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง ๆ

มีเรือปราบเรือดำน้ำดี ๆ ก็ไม่ใช่จะหาเรือดำน้ำเจอง่าย ๆ ครับ  สวีเดนยังปวดหัวกับเรือดำน้ำรัสเซียเลยครับ   Grin

สวีเดนระดมกำลังครั้งใหญ่ ตามล่าเรือดำน้ำรัสเซียแอบสอดแนม
http://www.thairath.co.th/content/458034

กองทัพสวีเดนกร้าว!! พร้อมใช้อาวุธบังคับให้ “เรือดำน้ำรัสเซียโผล่”
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121848




555555   ว๊ายยยย   ไปไกลถึง  " สวีเดน "  เลยเชียว   อ่ะ ฮา 5555555

โอ้ย  ยกเอา  " สวีเดน " มาเป็นเคส  จูงใจว่า เยี่ยม  ว่าดี อ่ะ ฮา

โถพ่อคู๊ณ  ระดับ  " ความลึก " ของ  คาบสมุทร   มันแตกต่างจาก  ทะเล อ่ะ ฮา
เอออ  ยายอุตส่าห์ เรียกว่า  ทะเล   ดีที่ไม่เรียกว่า  " คะแนล "  อ่ะ ฮา

55555  โอ้ยๆๆๆๆ  ยาย  " ปวด ตับ " อ่ะ ฮา 555555   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก



บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #56 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 10:15:52 AM »

เรือดำน้ำเข้าอ่าวไทยได้หรือไม่ได้ มาดูบทเรียนจากประวัติศาสตร์กัน

March 30, 2015 at 9:59pm

สืบเนื่องจากบทความของคนแก่แล้วแก่เลย ไม่พัฒนาตามยุคสมัยที่กล่าวว่า อ่าวไทยน้ำลึก 80 เมตร ตื้น เรือดำน้ำไม่สามารถปฏิบัติได้ แต่ในความเป็นจริง อ่าวไทยน้ำลึกเฉลี่ย ประมาณ 50 เมตร ส่วนที่ลึกที่สุดประมาณ 80 เมตร .... ซึ่งลึกน้อยกว่าที่นายลมเปลี่ยนทิศกล่าวมาอีก แต่มาดูกันว่า เรือดำน้ำสามารถปฏิบัติการในอ่าวไทยได้หรือไม่
 
เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะเขียนบทความ หรือเรียบเรียงขึ้นใหม่ จึงได้นำข้อมูลดิบที่ผมเขียนขึ้นเพื่อทำสารคดี สงครามโลกครั้งที่ 2 มาเผยแพร่เป็นการเร่งด่วน เพราะเห็นความจำเป็นว่าจะต้องรีบนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชน อย่างน้อยๆ ก็เพื่อนในเฟซ และคนที่สนใจได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าไปหลงเชื่อลมปาก ของนายลมเปลี่ยนทิศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ลมของหมอนี่ มีไว้เปลี่ยนทิศ บิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างร้ายกาจ
 
ดังนั้น บทความนี้จึงเจาะจงไปที่การปฏิบัติการของเรือดำน้ำในทะเลอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพียงเท่านั้น แต่ก็เยอะพอที่จะบอกได้ว่าเรือดำน้ำจะปฏิบัติการได้หรือไม่ ส่วนในแง่อื่นๆ ผมแนะนำให้ไปอ่านในหนังสือเรื่อง "เส้นทางเกียรติศักดิ์ นักรบแห่งราชนาวี" ตอน เรือดำน้ำ ซึ่งผมได้เขียนถึงความสำคัญของเรือดำน้ำ และการปฏิบัติการของเรือดำน้ำในอ่าวไทยว่าได้หรือไม่ได้ ในแง่มุมต่างๆ กัน
 
บทความที่อ้างถึง http://www.thairath.co.th/content/489841
 
การวางทุ่นระเบิดของเรือดำน้ำสัมพันธมิตร
ในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 1942 กลุ่มวิจัยปฏิบัติการสงครามทุ่นระเบิด (Mine Warfare Operational Research Group) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้แนะนำให้กองทัพเรือวางทุ่นระเบิดในน่านน้ำที่ญี่ปุ่นควบคุมอยู่ และสนามทุ่นระเบิดที่วางทางเรือเป็นที่แรกเกิดขึ้นที่บริเวณพัทยา บริเวณเกาะล้าน และเกาะไผ่ โดยเรือดำน้ำ USS Thresher (SS-200) ได้เข้ามาวางทุ่นระเบิดเป็น 2 แนว แนวละ 16 ลูก รวมเป็นจำนวน 32 ลูก เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 1942 (ในช่วงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 15 ต.ค.)
 
เรือซิดนีย์มารู (Sydney Maru) ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรกับประเทศไทยในเวลานั้น บรรทุกข้าวสารที่เกาะสีชังแล้วเดินทางไปสิงคโปร์ ได้ถูกทุ่นระเบิดสนามนี้ในวันที่ 16 ตุลาคม (วันรุ่งขึ้น) ที่บริเวณท้ายเรือและกลางลำต้องจูงไปเกยตื้นที่เกาะไผ่  ทำให้เรือสินค้าและเรือประมง ไม่กล้าที่จะออกทะเล (หมายเหตุ : นอกจากข้อมูลฝั่งไทยแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานอื่นใดว่าเรือซิดนีย์มารู โดนทุ่นระเบิดในน่านน้ำไทย อีกทั้งเรือชื่อนี้ ซึ่งมีอยู่ 2 ลำในยุคนั้น ลำหนึ่ง ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดนอกชายฝั่งเวียดนาม อีกลำถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดที่กัวดาคานาล ดังนั้นข้อมูลนี้จึงถือว่ามีหลักฐานอ่อนมาก)
 
ทัพเรือ (หน่วยสนามของราชนาวีในขณะนั้น) จึงได้ลงคำสั่งยุทธการให้ ร.ล.จวง(ลำเก่า) ร่วมกับเรือประมงจำนวนหนึ่งเป็นหมู่เรือกวาดทุ่นระเบิด ออกปฏิบัติการระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2485-22 มกราคม 2486 นับเป็นการ "ปฏิบัติการกวาดทุ่นระเบิดครั้งแรก" ที่มีการบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน (แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ)
 
ต่อมาประเทศพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาวางทุ่นระเบิดในแม่น้ำเจ้าพระยา ทัพเรือจึงได้ลงคำสั่งจัดตั้งกองกวาดทุ่นระเบิดในแม่น้ำขึ้นเมื่อ 25 มกราคม 2487 และในวันที่ 29 มิถุนายน 2494 ชื่อของ "กองเรือทุ่นระเบิด" ได้ปรากฏเป็นครั้งแรกเมื่อมีการย้ายกองเรือจากกรุงเทพฯ ไปรวมอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในชื่อใหม่ว่า “กองเรือยุทธการ”
 
การปฏิบัติการของเรือดำน้ำสหรัฐฯชื่อ USS Gar หมายเลข SS-206 ในการวางทุ่นระเบิดในอ่าวไทย
 
-  การลาดตระเวนครั้งที่ 3 USS Gar ได้รับคำสั่งให้ทำการลาดตระเวนบริเวณทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย บริเวณ L 8๐ 30’ N (ช่วง จ.นครศรีธรรมราช) ช่วงระหว่าง 18 ก.ค. – 8 ส.ค. ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) โดยได้รับข้อมูลการข่าวว่าจะมีเรือขนส่งข้าวของญี่ปุ่นจะเดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือนของเดือน ส.ค. ซึ่งถ้าพบให้ทำการจมเรือนั้น ถ้าโอกาสอำนวย
- 30 ก.ค. – 3 ส.ค. ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) ลาดตระเวนอ่าวไทย ห่างจากเกาะ  Pulo Wai (ในประเทศกัมพูชา L 9๐ 55’ N , 102° 55' E ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 50 ไมล์ทะเล
-  การลาดตระเวนครั้งที่ 4 USS Gar ได้เข้ามาวางทุ่นระเบิดในอ่าวไทย
-  17 ก.ย. ค.ศ. 1942 เรือออกเดินทางเพื่อทำภารกิจลาดตระเวน จากท่าเรือ Fremantle
-  14 ต.ค. ค.ศ.1942 ออกเดินทางจากบริเวณเกาะ pulo kambir-varella (Lat 13๐ 54’ N , Long 109๐ 29’ E ชายฝั่งตะวันออกของเวียดนาม) ลงใต้เพื่อไปยังอ่าวไทย
-  19 ต.ค. ค.ศ.1942 เวลา 2000 เรือเดินทางถึงอ่าวไทยตอนบน (ประมาณ Lat 12๐ 20 N , Long 100๐ 34 E ห่างจากสัตหีบไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 25 ไมล์ทะเล)
-  ดวงจันทร์ขึ้นเวลา 0230 (LZT) จันทร์สว่าง ทัศนวิสัยดีมาก ทะเลเรียบ ความลึกน้ำในระยะที่ห่างจากฝั่งราว 45 ไมล์ มีความลึกอยู่ระหว่าง 72 -132 ฟุต (22-40 เมตร) ไม่มีข้อมูลกระแสน้ำที่แน่นอน แต่คาดว่ากระแสน้ำจะพัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งข้อมูลจากแผนที่ในบริเวณนี้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ , ลิ้นป๊อปเป็ตไม่สามารถเปลี่ยนจากตำแหน่งธรรมดาไปยังตำแหน่งยิงตอร์ปิโดได้ ต้องทำการเอียงเรือไปยังห้องเก็บทุ่นระเบิด , ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการวางทุ่นระเบิดมาก่อนเลย
-  การเข้าไปยังพื้นที่วางทุ่นระเบิด ใช้การแล่นบนผิวน้ำก่อนเข้าพื้นที่ 30 ไมล์ เพื่อชาร์จแบตเตอร์รี่ และระบายอากาศ
-  เวลา 2241 ดำลงระยะห่างจากพื้นที่เป้าหมาย 3 ไมล์ไปทางตะวันตก
-  2250 เริ่มทำการล้างอำนาจสนามแม่เหล็กตัวเรือ
-  2338 เข้าพื้นที่เป้าหมาย และเริ่มวางทุ่นระเบิด
-  ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการวางทุ่นระเบิดทุกๆ 300 หลา หรือในการควบคุมความลึก จากการแก้ค่าแบริ่งบ่อยๆ ด้วยกล้องตาเรือ ทำให้รู้ว่ากระแสน้ำในบริเวณนี้ทำให้แนวการวางระเบิดเปลี่ยนไป จากที่ตั้งใจจะวางทุ่นระเบิดด้านซ้ายและขวาในแนว 70 – 250 ด้านละ 16 ลูก กระแสน้ำความเร็วประมาณ 3 น็อต ทำให้ทุ่นระเบิดเปลี่ยนแนวไปเป็น 171 – 349
-  20 ต.ค. เวลา 0112 วางทุ่นระเบิดจำนวน 32 ลูกเสร็จสิ้น หลังจากนั้นได้ถอนตัวลงมาทางใต้ ซึ่งมีความยุ่งยากตรงที่แผนที่ไม่ชัดเจน และไม่รู้การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในพื้นที่
-  0148 ทุ่นระเบิดจำนวน 4 ลูกเกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบสาเหตุ
 
ร.ล.รัตนโกสินทร์ ได้ถูกทุ่นระเบิดสนามนี้ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2487 เรือชำรุด แต่แล่นเข้าอ่าวสัตหีบได้
 
 
การเข้ามาของเรือดำน้ำอื่นๆ
ทางด้านฝั่งทะเลอันดามัน อังกฤษ ใช้เรือดำน้ำแบบ S (ระวางขับน้ำเหนือน้ำ 830 ตัน ความเร็ว 14 นอต มีปืนใหญ่ 3 นิ้ว 1 กระบอก ตอร์ปิโดขนาด 53 ซม. 7 ท่อ) และเรือดำน้ำแบบ T (ระวางขับน้ำเหนือน้ำ 1,300  ตัน ความเร็ว 15.5 นอต มีปืนใหญ่ 4 นิ้ว 1 กระบอก ตอร์ปิโดขนาด 53 ซม. 11 ท่อ) ปฏิบัติการจากฐานทัพที่ทริงโคมาลีในลังกา รายการสำคัญ ๆ ที่ควรกล่าวถึงคือ ได้วางทุ่นระเบิดทั้งชนิดทอดประจำที่และชนิดแม่เหล็กที่บริเวณเกาะตะรุเตา บริเวณนอกฝั่งสตูล บริเวณใกล้เกาะลันตาและนอกแหลมปากพระ ภูเก็ต ได้ยิงและชนเรือสินค้าและเรือใบทั้งของญี่ปุ่นและไทยจมหลายลำ เช่น เรือบันไตมารู โฮเรมารู ซิกิมารู ของญี่ปุ่น เรือกลไฟถ่องโหของไทย เป็นต้น
ในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2487 ได้ยิงเรือยนต์จูงเรือฉลอมขนย้ายครอบครัวของพันตำรวจตรี ขีด ศิริศักดิ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธร จังหวัดพังงา จมที่บริเวณแหลมนาค ห่างฝั่งประมาณ 2 กม. พันตำรวจตรี ขีด ฯ ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจตาย 1 คน หายไป 3 คน
 
ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2487 เรือดำน้ำ Trenchant ของอังกฤษได้บรรทุกตอร์ปิโดคนและมนุษย์กบมาทำลายเรือสินค้าอิตาลีสองลำในอ่าวภูเก็ต เรือสองลำนี้ได้จมตัวเองเมื่อเกิดสงคราม ญี่ปุ่นกำลังกู้ขึ้นเพื่อจะนำไปใช้และต้องถูกมนุษย์กบ เข้าทำลายจนจมอีกครั้งหนึ่ง
 
ทางด้านอ่าวไทย อังกฤษใช้เรือดำน้ำแบบ T ซึ่งมีฐานทัพที่ฟรีแมนเติล ในออสเตรเลีย อเมริกาใช้เรือดำน้ำแบบ Balao หรือ Fleet Type (ระวางขับน้ำเหนือน้ำ 1,525 ตัน ความเร็วสูงสุดเหนือน้ำ 20 นอต มีปืนใหญ่ขนาด 5 นิ้ว 1 กระบอก ตอร์ปิโด ขนาด 53 ซม. 10 ท่อ) บริเวณที่เข้ามาปฏิบัติการคือ ทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย หน้าอ่าวระยองทางฝั่งตะวันตกของอ่าวไทยตั้งแต่ใต้ประจวบคีรีขันธ์ลงไปจนถึงตรังกานู ได้ยิงเรือลำเลียงและเรือใบที่เดินชายฝั่งทั้งของไทยและของญี่ปุ่นจมหลายลำ ส่วนใหญ่ใช้ปืนใหญ่ประจำเรือยิงทำลาย ที่ใช้ตอร์ปิโดก็มีบ้างที่สมควรกล่าวถึง คือ
 
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2488 เรือดำน้ำอเมริกา Sealion II ยิง ร.ล.สมุย (ลำแรก) ด้วยตอร์ปิโดจมที่ฝั่งตรังกานู วันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2488
เรือดำน้ำ 4 ลำโผล่ขึ้นยิงเรือลำเลียงญี่ปุ่น 9 ลำนอกฝั่งอำเภอปะนาเระ ปัตตานี ทั้ง ๆ ที่มีเครื่องบินคุ้มกัน 3 เครื่อง เรือลำเลียงถูกยิงจมและไฟไหม้ 5 ลำ ตอร์ปิโดของเรือดำน้ำที่ผิดเป้าเกยฝั่งหาดทรายบ้านท่าสูง 1 ลูก
 
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2488 เรือดำน้ำยิงเรือไทยนาวา 3 ของบริษัทไทยเดินเรือทะเลจมที่บริเวณหน้าอ่าวชุมพร ร้อยโท กมเลศ จันทร์เรือง นายทหารติดต่อกองพลที่ 6 ที่มากับเรือเสียชีวิต
 
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2488 เรือดำน้ำอังกฤษชื่อ Tradewind ยิงเรือยนต์สหประมง 5 และเรือใบแข็งที่มาจากตรังกานูจมที่บริเวณเกาะทะลุ บางเบิด คนตาย 6 คน และได้จับนายเดช ประกิตตเดช ไปเป็นเชลยร่วมกับนายเพียง แซ่เจียว ซึ่งถูกสะเก็ดกระสุนบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองคนถูกคุมขังอยู่ในออสเตรเลียจนสงครามยุติลงจึงถูกส่งกลับประเทศไทย
 
ในวันสุดท้ายของสงครามคือ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2488 เรือดำน้ำอเมริกาได้ยิงเรือประมงชื่อปวยเองจมที่บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะจวง เรือลำนี้เป็นเรือของเอกชนที่กองทัพเรือเกณฑ์เช่ามากวาดทุ่นระเบิดแม่เหล็กและใช้งานอื่น ๆ ด้วย
 
ในเวลานั้น กองทัพเรือมีอาวุธปราบเรือดำน้ำอย่างเดียวคือ ลูกระเบิดลึกที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นก่อนสงคราม และไม่มีเครื่องมือค้นหาเรือดำน้ำ เช่น โซนาร์หรือเครื่องฟังเสียงเลย การค้นหาเรือดำน้ำใช้การตรวจการณ์ด้วยสายตาอย่างเดียว จึงไม่ได้ผล เพราะส่วนมากเรือดำน้ำจะดำอยู่ใต้น้ำในเวลากลางวัน จะโผล่ขึ้นมายิงทำลายเรืออื่น เมื่อเห็นว่าไม่มีเครื่องบินหรือเรือรบอยู่ใกล้ ๆ
 
- 6 พ.ค. ค.ศ. 1945 USS Hammerhead จมเรือน้ำมันญี่ปุ่น Kinrei Maru ที่มีเรือคุ้มกัน 2 ลำลง และจมเรือสินค้าไม่ทราบสัญชาติลงอีกหนึ่งลำ ใน 14 พ.ค.
 
- 24 ก.ค. - 7 ส.ค. 1945 เรือ USS Bugara จมเรือขนาดเล็กถึง 57 ลำ ระวางขับน้ำรวมกัน 5,284 ตัน ด้วยปืนบนดาดฟ้าเรือ ในจำนวนนี้ มีอยู่ 2ลำ ที่ถูกขึ้นตรวจค้น และลูกเรือถูกส่งขึ้นบกพร้อมสัมภาระอย่างปลอดภัย
 
-  วันที่ 12 พ.ค. ค.ศ.1945 เรือดำน้ำ USS Bergall (SS-320) ได้เข้ามาลาดตระเวณบริเวณอ่าวไทย พร้อมด้วยเรือดำน้ำอื่นๆ อีก 4 ลำคือ USS Cobia , USS Bullhead , USS Hawkbill , USS Kraken เพื่อประกอบกำลังกันเป็นหมู่เรือดำน้ำโจมตี ซึ่งเป็นยุทธวิธีของเรือดำน้ำในยุคนั้น ที่เรียกกันว่า Wolfpack หรือยุทธวิธี ฝูงหมาป่า ในระหว่างที่ลาดตระเวณอยู่นั้น USS Bergall  ได้จมเรือ barges 5 ลำ เรือลากจูง 2 ลำ ในวันที่ 30 พ.ค. ด้วยปืนเรือ ส่วนเรือ USS Cobia จมเรือสินค้าญี่ปุ่นได้ 2 ลำ ด้วยตอร์ปิโด
 
-  หลังจากนั้น วันที่ 12 มิ.ย. 1945 เรือ USS Bergall ได้ตรวจพบเป้าใหม่ เป็นเรือน้ำมัน 2 ลำ เรือสินค้า 1 ลำ คุ้มกันด้วยเรือผิวน้ำ 1 ลำ และอากาศยาน 1 ลำ ขบวนเรือแล่นไปด้วยความเร็วต่ำ และอยู่ในเขตน้ำตื่น ซึ่งเรือไม่สามารถที่จะดำน้ำเข้าไปโจมตีได้ อีกทั่งยังเป็นเวลากลางวัน USS Bergall จึงได้เฝ้าติดตามเป้าเพื่อจะหาจังหวะลอยลำขึ้นมาโจมตีด้วยตอร์ปิโด และปืนเรือในเวลากลางคืน โดยทิ้งระยะห่างอยู่ที่ประมาณ 5,000 หลา (2.4 ไมล์) และในเวลา 2010 ของวันที่ 13 มิ.ย. USS Bergall ได้ลอยลำขึ้นมาเพื่อค้นหากองเรือข้าศึกอีกครั้ง ซึ่งเมื่อลอยลำขึ้นมาได้พบว่าเรืออยู่ในอ่าวใกล้กับเขาแหลม (Lat 11°45'N,long 99°50'E) เนื่องต้องถูกแรงระเบิดจากทุ่นระเบิดอิทธิพล ที่ระเบิดขึ้นมาใกล้ๆ กับเรือ (Lat 11°45'N,Long 99°50'E)เรือเสียหายค่อนข้างหนัก คือพลังงานดับไปชั่วขณะ และเกียร์ทดของระบบขับเคลื่อนเสียหายทั้งสองเครื่อง
 
 
เรือดำน้ำที่เข้ามาปฏิบัติการในอ่าวไทย ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
-  สหรัฐฯ : USS Thresher , USS Gar , USS Bergall , USS Lamprey , USS Cobia , USS Baya , USS Sealion , USS Hardhead , USS Besugo , USS Pampanito , USS Bullhead , USS Hawkbill , USS Kraken
-  อังกฤษ : HMS Tradewind
-  เนเธอร์แลนด์ : O-19 , O-20 , O-16 , K XII, K XIII, K XI, K XVII. K XII
-  ญี่ปุ่น : I-60



เครดิตThaiArmedForce.com shared K.c. Shai's note.
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
น้าเสก คนเดิม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 712
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14502


รับแขก...แจกเหล้า...เฝ้าสำนักงาน


« ตอบ #57 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 10:21:11 AM »

5555555  ยายฮา  พวก  " ซื้อเลย  ๆ " อ่ะ ฮา 5555

มันจะเอา  กะตางค์ ที่ไหนมาซื้อ  นอกจากกก   " กู้  กู้  แอนด์ กู้ " อ่ะ ฮา

( ตอนนี้  เป็น  " รัฏฐาธิปัตย์ "  เป็นผู้บริหาร จากปลายกระบอกปืน ใครจะให้กู้ อ่ะ ฮา )

ข่าวล่าสุด   "  สายการบิน สัญชาติไทย "  โดนจำกัดสิทธิ์  ห้ามบินเข้า ประเทศต่างๆ อ่ะ ฮา
โดน  ห้ามเพิ่ม  ห้ามเปลี่ยนแปลง เส้นทางบิน  ห้าม  ห้าม  ห้าม  ห้าม  อ่ะ ฮา

" สารขัณฑ์ "  ไม่ยุบตอนนี้  แล้วจะไปพัง ตอนไหน อ่ะ ฮา

เงินเดือน  ใหม่ ของ  " ข้าราชการ " โดนเบรก อีกแล้วอ่ะ ฮา   เยี่ยม


ไอ้เรื่อง  " ซับมารีน  ฟอร์ม  เบ - จิง "  ยายว่า  แห้ว แล้ว อ่ ะ  ฮา   ขำก๊าก

เอ้า  ถ้ามีคน  " ซื่อบื้อ "  ลงนามซื้อ  ฮา  เยาะเย้ย

แล้วระบบ  อาวุธ  ท่าทาง  จะใช้  "  โท มาฮอก " ของอเมริกัน อ่ะ ฮา   งอน

เครื่องยนต์  " รัสเชีย "    ระบบปืน ของ  " เวียดนาม "  อ่ะ ฮา   เยาะเย้ย

นำร่อง ของ  " เขมร "   กระสุนของ  " ปาปัวนิวกีนี " อ่ะ ฮา  จูบบบบ


5555  ท้ายสุด  เอาไปทำเรือ  ดำน้ำ  ดู " ปะการัง  "   ที่ ภูเก็ต  อ่ะ ฮา 555555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

ยายไปไกลแล้ว....จากเรื่องเรือดำน้ำ...ไปเครื่องบินเครื่องบิน...สุดท้ายพาโทมาฮอคออกทะเลไปเลย...อีกอย่างเรื่องเงินเดือนชั้นผู้น้อยอย่างผมเขาไม่ได้เบรคที่ไหนเล่ายาย...รับราชการมาจนหัวหงอกไปข้างหนึ่งแล้วได้ขึ้นนิดหน่อย...ก็ยังดี  พอได้ซื้อข้าวให้ลูกหลานกิน... งอน
บันทึกการเข้า

ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #58 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 10:24:11 AM »

เรือดำน้ำเข้าอ่าวไทยได้หรือไม่ได้ มาดูบทเรียนจากประวัติศาสตร์กัน

March 30, 2015 at 9:59pm

สืบเนื่องจากบทความของคนแก่แล้วแก่เลย ไม่พัฒนาตามยุคสมัยที่กล่าวว่า อ่าวไทยน้ำลึก 80 เมตร ตื้น เรือดำน้ำไม่สามารถปฏิบัติได้ แต่ในความเป็นจริง อ่าวไทยน้ำลึกเฉลี่ย ประมาณ 50 เมตร ส่วนที่ลึกที่สุดประมาณ 80 เมตร .... ซึ่งลึกน้อยกว่าที่นายลมเปลี่ยนทิศกล่าวมาอีก แต่มาดูกันว่า เรือดำน้ำสามารถปฏิบัติการในอ่าวไทยได้หรือไม่
 
เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะเขียนบทความ หรือเรียบเรียงขึ้นใหม่ จึงได้นำข้อมูลดิบที่ผมเขียนขึ้นเพื่อทำสารคดี สงครามโลกครั้งที่ 2 มาเผยแพร่เป็นการเร่งด่วน เพราะเห็นความจำเป็นว่าจะต้องรีบนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชน อย่างน้อยๆ ก็เพื่อนในเฟซ และคนที่สนใจได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าไปหลงเชื่อลมปาก ของนายลมเปลี่ยนทิศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ลมของหมอนี่ มีไว้เปลี่ยนทิศ บิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างร้ายกาจ
 
ดังนั้น บทความนี้จึงเจาะจงไปที่การปฏิบัติการของเรือดำน้ำในทะเลอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพียงเท่านั้น แต่ก็เยอะพอที่จะบอกได้ว่าเรือดำน้ำจะปฏิบัติการได้หรือไม่ ส่วนในแง่อื่นๆ ผมแนะนำให้ไปอ่านในหนังสือเรื่อง "เส้นทางเกียรติศักดิ์ นักรบแห่งราชนาวี" ตอน เรือดำน้ำ ซึ่งผมได้เขียนถึงความสำคัญของเรือดำน้ำ และการปฏิบัติการของเรือดำน้ำในอ่าวไทยว่าได้หรือไม่ได้ ในแง่มุมต่างๆ กัน
 
บทความที่อ้างถึง http://www.thairath.co.th/content/489841
 
การวางทุ่นระเบิดของเรือดำน้ำสัมพันธมิตร
ในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 1942 กลุ่มวิจัยปฏิบัติการสงครามทุ่นระเบิด (Mine Warfare Operational Research Group) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้แนะนำให้กองทัพเรือวางทุ่นระเบิดในน่านน้ำที่ญี่ปุ่นควบคุมอยู่ และสนามทุ่นระเบิดที่วางทางเรือเป็นที่แรกเกิดขึ้นที่บริเวณพัทยา บริเวณเกาะล้าน และเกาะไผ่ โดยเรือดำน้ำ USS Thresher (SS-200) ได้เข้ามาวางทุ่นระเบิดเป็น 2 แนว แนวละ 16 ลูก รวมเป็นจำนวน 32 ลูก เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 1942 (ในช่วงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 15 ต.ค.)
 
เรือซิดนีย์มารู (Sydney Maru) ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรกับประเทศไทยในเวลานั้น บรรทุกข้าวสารที่เกาะสีชังแล้วเดินทางไปสิงคโปร์ ได้ถูกทุ่นระเบิดสนามนี้ในวันที่ 16 ตุลาคม (วันรุ่งขึ้น) ที่บริเวณท้ายเรือและกลางลำต้องจูงไปเกยตื้นที่เกาะไผ่  ทำให้เรือสินค้าและเรือประมง ไม่กล้าที่จะออกทะเล (หมายเหตุ : นอกจากข้อมูลฝั่งไทยแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานอื่นใดว่าเรือซิดนีย์มารู โดนทุ่นระเบิดในน่านน้ำไทย อีกทั้งเรือชื่อนี้ ซึ่งมีอยู่ 2 ลำในยุคนั้น ลำหนึ่ง ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดนอกชายฝั่งเวียดนาม อีกลำถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดที่กัวดาคานาล ดังนั้นข้อมูลนี้จึงถือว่ามีหลักฐานอ่อนมาก)
 
ทัพเรือ (หน่วยสนามของราชนาวีในขณะนั้น) จึงได้ลงคำสั่งยุทธการให้ ร.ล.จวง(ลำเก่า) ร่วมกับเรือประมงจำนวนหนึ่งเป็นหมู่เรือกวาดทุ่นระเบิด ออกปฏิบัติการระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2485-22 มกราคม 2486 นับเป็นการ "ปฏิบัติการกวาดทุ่นระเบิดครั้งแรก" ที่มีการบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน (แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ)
 
ต่อมาประเทศพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาวางทุ่นระเบิดในแม่น้ำเจ้าพระยา ทัพเรือจึงได้ลงคำสั่งจัดตั้งกองกวาดทุ่นระเบิดในแม่น้ำขึ้นเมื่อ 25 มกราคม 2487 และในวันที่ 29 มิถุนายน 2494 ชื่อของ "กองเรือทุ่นระเบิด" ได้ปรากฏเป็นครั้งแรกเมื่อมีการย้ายกองเรือจากกรุงเทพฯ ไปรวมอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในชื่อใหม่ว่า “กองเรือยุทธการ”
 
การปฏิบัติการของเรือดำน้ำสหรัฐฯชื่อ USS Gar หมายเลข SS-206 ในการวางทุ่นระเบิดในอ่าวไทย
 
-  การลาดตระเวนครั้งที่ 3 USS Gar ได้รับคำสั่งให้ทำการลาดตระเวนบริเวณทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย บริเวณ L 8๐ 30’ N (ช่วง จ.นครศรีธรรมราช) ช่วงระหว่าง 18 ก.ค. – 8 ส.ค. ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) โดยได้รับข้อมูลการข่าวว่าจะมีเรือขนส่งข้าวของญี่ปุ่นจะเดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือนของเดือน ส.ค. ซึ่งถ้าพบให้ทำการจมเรือนั้น ถ้าโอกาสอำนวย
- 30 ก.ค. – 3 ส.ค. ค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) ลาดตระเวนอ่าวไทย ห่างจากเกาะ  Pulo Wai (ในประเทศกัมพูชา L 9๐ 55’ N , 102° 55' E ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 50 ไมล์ทะเล
-  การลาดตระเวนครั้งที่ 4 USS Gar ได้เข้ามาวางทุ่นระเบิดในอ่าวไทย
-  17 ก.ย. ค.ศ. 1942 เรือออกเดินทางเพื่อทำภารกิจลาดตระเวน จากท่าเรือ Fremantle
-  14 ต.ค. ค.ศ.1942 ออกเดินทางจากบริเวณเกาะ pulo kambir-varella (Lat 13๐ 54’ N , Long 109๐ 29’ E ชายฝั่งตะวันออกของเวียดนาม) ลงใต้เพื่อไปยังอ่าวไทย
-  19 ต.ค. ค.ศ.1942 เวลา 2000 เรือเดินทางถึงอ่าวไทยตอนบน (ประมาณ Lat 12๐ 20 N , Long 100๐ 34 E ห่างจากสัตหีบไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 25 ไมล์ทะเล)
-  ดวงจันทร์ขึ้นเวลา 0230 (LZT) จันทร์สว่าง ทัศนวิสัยดีมาก ทะเลเรียบ ความลึกน้ำในระยะที่ห่างจากฝั่งราว 45 ไมล์ มีความลึกอยู่ระหว่าง 72 -132 ฟุต (22-40 เมตร) ไม่มีข้อมูลกระแสน้ำที่แน่นอน แต่คาดว่ากระแสน้ำจะพัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งข้อมูลจากแผนที่ในบริเวณนี้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ , ลิ้นป๊อปเป็ตไม่สามารถเปลี่ยนจากตำแหน่งธรรมดาไปยังตำแหน่งยิงตอร์ปิโดได้ ต้องทำการเอียงเรือไปยังห้องเก็บทุ่นระเบิด , ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการวางทุ่นระเบิดมาก่อนเลย
-  การเข้าไปยังพื้นที่วางทุ่นระเบิด ใช้การแล่นบนผิวน้ำก่อนเข้าพื้นที่ 30 ไมล์ เพื่อชาร์จแบตเตอร์รี่ และระบายอากาศ
-  เวลา 2241 ดำลงระยะห่างจากพื้นที่เป้าหมาย 3 ไมล์ไปทางตะวันตก
-  2250 เริ่มทำการล้างอำนาจสนามแม่เหล็กตัวเรือ
-  2338 เข้าพื้นที่เป้าหมาย และเริ่มวางทุ่นระเบิด
-  ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการวางทุ่นระเบิดทุกๆ 300 หลา หรือในการควบคุมความลึก จากการแก้ค่าแบริ่งบ่อยๆ ด้วยกล้องตาเรือ ทำให้รู้ว่ากระแสน้ำในบริเวณนี้ทำให้แนวการวางระเบิดเปลี่ยนไป จากที่ตั้งใจจะวางทุ่นระเบิดด้านซ้ายและขวาในแนว 70 – 250 ด้านละ 16 ลูก กระแสน้ำความเร็วประมาณ 3 น็อต ทำให้ทุ่นระเบิดเปลี่ยนแนวไปเป็น 171 – 349
-  20 ต.ค. เวลา 0112 วางทุ่นระเบิดจำนวน 32 ลูกเสร็จสิ้น หลังจากนั้นได้ถอนตัวลงมาทางใต้ ซึ่งมีความยุ่งยากตรงที่แผนที่ไม่ชัดเจน และไม่รู้การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในพื้นที่
-  0148 ทุ่นระเบิดจำนวน 4 ลูกเกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบสาเหตุ
 
ร.ล.รัตนโกสินทร์ ได้ถูกทุ่นระเบิดสนามนี้ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2487 เรือชำรุด แต่แล่นเข้าอ่าวสัตหีบได้
 
 
การเข้ามาของเรือดำน้ำอื่นๆ
ทางด้านฝั่งทะเลอันดามัน อังกฤษ ใช้เรือดำน้ำแบบ S (ระวางขับน้ำเหนือน้ำ 830 ตัน ความเร็ว 14 นอต มีปืนใหญ่ 3 นิ้ว 1 กระบอก ตอร์ปิโดขนาด 53 ซม. 7 ท่อ) และเรือดำน้ำแบบ T (ระวางขับน้ำเหนือน้ำ 1,300  ตัน ความเร็ว 15.5 นอต มีปืนใหญ่ 4 นิ้ว 1 กระบอก ตอร์ปิโดขนาด 53 ซม. 11 ท่อ) ปฏิบัติการจากฐานทัพที่ทริงโคมาลีในลังกา รายการสำคัญ ๆ ที่ควรกล่าวถึงคือ ได้วางทุ่นระเบิดทั้งชนิดทอดประจำที่และชนิดแม่เหล็กที่บริเวณเกาะตะรุเตา บริเวณนอกฝั่งสตูล บริเวณใกล้เกาะลันตาและนอกแหลมปากพระ ภูเก็ต ได้ยิงและชนเรือสินค้าและเรือใบทั้งของญี่ปุ่นและไทยจมหลายลำ เช่น เรือบันไตมารู โฮเรมารู ซิกิมารู ของญี่ปุ่น เรือกลไฟถ่องโหของไทย เป็นต้น
ในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2487 ได้ยิงเรือยนต์จูงเรือฉลอมขนย้ายครอบครัวของพันตำรวจตรี ขีด ศิริศักดิ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธร จังหวัดพังงา จมที่บริเวณแหลมนาค ห่างฝั่งประมาณ 2 กม. พันตำรวจตรี ขีด ฯ ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจตาย 1 คน หายไป 3 คน
 
ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2487 เรือดำน้ำ Trenchant ของอังกฤษได้บรรทุกตอร์ปิโดคนและมนุษย์กบมาทำลายเรือสินค้าอิตาลีสองลำในอ่าวภูเก็ต เรือสองลำนี้ได้จมตัวเองเมื่อเกิดสงคราม ญี่ปุ่นกำลังกู้ขึ้นเพื่อจะนำไปใช้และต้องถูกมนุษย์กบ เข้าทำลายจนจมอีกครั้งหนึ่ง
 
ทางด้านอ่าวไทย อังกฤษใช้เรือดำน้ำแบบ T ซึ่งมีฐานทัพที่ฟรีแมนเติล ในออสเตรเลีย อเมริกาใช้เรือดำน้ำแบบ Balao หรือ Fleet Type (ระวางขับน้ำเหนือน้ำ 1,525 ตัน ความเร็วสูงสุดเหนือน้ำ 20 นอต มีปืนใหญ่ขนาด 5 นิ้ว 1 กระบอก ตอร์ปิโด ขนาด 53 ซม. 10 ท่อ) บริเวณที่เข้ามาปฏิบัติการคือ ทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย หน้าอ่าวระยองทางฝั่งตะวันตกของอ่าวไทยตั้งแต่ใต้ประจวบคีรีขันธ์ลงไปจนถึงตรังกานู ได้ยิงเรือลำเลียงและเรือใบที่เดินชายฝั่งทั้งของไทยและของญี่ปุ่นจมหลายลำ ส่วนใหญ่ใช้ปืนใหญ่ประจำเรือยิงทำลาย ที่ใช้ตอร์ปิโดก็มีบ้างที่สมควรกล่าวถึง คือ
 
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2488 เรือดำน้ำอเมริกา Sealion II ยิง ร.ล.สมุย (ลำแรก) ด้วยตอร์ปิโดจมที่ฝั่งตรังกานู วันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2488
เรือดำน้ำ 4 ลำโผล่ขึ้นยิงเรือลำเลียงญี่ปุ่น 9 ลำนอกฝั่งอำเภอปะนาเระ ปัตตานี ทั้ง ๆ ที่มีเครื่องบินคุ้มกัน 3 เครื่อง เรือลำเลียงถูกยิงจมและไฟไหม้ 5 ลำ ตอร์ปิโดของเรือดำน้ำที่ผิดเป้าเกยฝั่งหาดทรายบ้านท่าสูง 1 ลูก
 
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2488 เรือดำน้ำยิงเรือไทยนาวา 3 ของบริษัทไทยเดินเรือทะเลจมที่บริเวณหน้าอ่าวชุมพร ร้อยโท กมเลศ จันทร์เรือง นายทหารติดต่อกองพลที่ 6 ที่มากับเรือเสียชีวิต
 
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2488 เรือดำน้ำอังกฤษชื่อ Tradewind ยิงเรือยนต์สหประมง 5 และเรือใบแข็งที่มาจากตรังกานูจมที่บริเวณเกาะทะลุ บางเบิด คนตาย 6 คน และได้จับนายเดช ประกิตตเดช ไปเป็นเชลยร่วมกับนายเพียง แซ่เจียว ซึ่งถูกสะเก็ดกระสุนบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองคนถูกคุมขังอยู่ในออสเตรเลียจนสงครามยุติลงจึงถูกส่งกลับประเทศไทย
 
ในวันสุดท้ายของสงครามคือ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2488 เรือดำน้ำอเมริกาได้ยิงเรือประมงชื่อปวยเองจมที่บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะจวง เรือลำนี้เป็นเรือของเอกชนที่กองทัพเรือเกณฑ์เช่ามากวาดทุ่นระเบิดแม่เหล็กและใช้งานอื่น ๆ ด้วย
 
ในเวลานั้น กองทัพเรือมีอาวุธปราบเรือดำน้ำอย่างเดียวคือ ลูกระเบิดลึกที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นก่อนสงคราม และไม่มีเครื่องมือค้นหาเรือดำน้ำ เช่น โซนาร์หรือเครื่องฟังเสียงเลย การค้นหาเรือดำน้ำใช้การตรวจการณ์ด้วยสายตาอย่างเดียว จึงไม่ได้ผล เพราะส่วนมากเรือดำน้ำจะดำอยู่ใต้น้ำในเวลากลางวัน จะโผล่ขึ้นมายิงทำลายเรืออื่น เมื่อเห็นว่าไม่มีเครื่องบินหรือเรือรบอยู่ใกล้ ๆ
 
- 6 พ.ค. ค.ศ. 1945 USS Hammerhead จมเรือน้ำมันญี่ปุ่น Kinrei Maru ที่มีเรือคุ้มกัน 2 ลำลง และจมเรือสินค้าไม่ทราบสัญชาติลงอีกหนึ่งลำ ใน 14 พ.ค.
 
- 24 ก.ค. - 7 ส.ค. 1945 เรือ USS Bugara จมเรือขนาดเล็กถึง 57 ลำ ระวางขับน้ำรวมกัน 5,284 ตัน ด้วยปืนบนดาดฟ้าเรือ ในจำนวนนี้ มีอยู่ 2ลำ ที่ถูกขึ้นตรวจค้น และลูกเรือถูกส่งขึ้นบกพร้อมสัมภาระอย่างปลอดภัย
 
-  วันที่ 12 พ.ค. ค.ศ.1945 เรือดำน้ำ USS Bergall (SS-320) ได้เข้ามาลาดตระเวณบริเวณอ่าวไทย พร้อมด้วยเรือดำน้ำอื่นๆ อีก 4 ลำคือ USS Cobia , USS Bullhead , USS Hawkbill , USS Kraken เพื่อประกอบกำลังกันเป็นหมู่เรือดำน้ำโจมตี ซึ่งเป็นยุทธวิธีของเรือดำน้ำในยุคนั้น ที่เรียกกันว่า Wolfpack หรือยุทธวิธี ฝูงหมาป่า ในระหว่างที่ลาดตระเวณอยู่นั้น USS Bergall  ได้จมเรือ barges 5 ลำ เรือลากจูง 2 ลำ ในวันที่ 30 พ.ค. ด้วยปืนเรือ ส่วนเรือ USS Cobia จมเรือสินค้าญี่ปุ่นได้ 2 ลำ ด้วยตอร์ปิโด
 
-  หลังจากนั้น วันที่ 12 มิ.ย. 1945 เรือ USS Bergall ได้ตรวจพบเป้าใหม่ เป็นเรือน้ำมัน 2 ลำ เรือสินค้า 1 ลำ คุ้มกันด้วยเรือผิวน้ำ 1 ลำ และอากาศยาน 1 ลำ ขบวนเรือแล่นไปด้วยความเร็วต่ำ และอยู่ในเขตน้ำตื่น ซึ่งเรือไม่สามารถที่จะดำน้ำเข้าไปโจมตีได้ อีกทั่งยังเป็นเวลากลางวัน USS Bergall จึงได้เฝ้าติดตามเป้าเพื่อจะหาจังหวะลอยลำขึ้นมาโจมตีด้วยตอร์ปิโด และปืนเรือในเวลากลางคืน โดยทิ้งระยะห่างอยู่ที่ประมาณ 5,000 หลา (2.4 ไมล์) และในเวลา 2010 ของวันที่ 13 มิ.ย. USS Bergall ได้ลอยลำขึ้นมาเพื่อค้นหากองเรือข้าศึกอีกครั้ง ซึ่งเมื่อลอยลำขึ้นมาได้พบว่าเรืออยู่ในอ่าวใกล้กับเขาแหลม (Lat 11°45'N,long 99°50'E) เนื่องต้องถูกแรงระเบิดจากทุ่นระเบิดอิทธิพล ที่ระเบิดขึ้นมาใกล้ๆ กับเรือ (Lat 11°45'N,Long 99°50'E)เรือเสียหายค่อนข้างหนัก คือพลังงานดับไปชั่วขณะ และเกียร์ทดของระบบขับเคลื่อนเสียหายทั้งสองเครื่อง
 
 
เรือดำน้ำที่เข้ามาปฏิบัติการในอ่าวไทย ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
-  สหรัฐฯ : USS Thresher , USS Gar , USS Bergall , USS Lamprey , USS Cobia , USS Baya , USS Sealion , USS Hardhead , USS Besugo , USS Pampanito , USS Bullhead , USS Hawkbill , USS Kraken
-  อังกฤษ : HMS Tradewind
-  เนเธอร์แลนด์ : O-19 , O-20 , O-16 , K XII, K XIII, K XI, K XVII. K XII
-  ญี่ปุ่น : I-60



เครดิตThaiArmedForce.com shared K.c. Shai's note.


555555  ยาย ฮา  พี่  " เบเกอร์รี่ แมน " อ่ะ ฮา 555555

ยกอดีต  ปี  1950  มาเขียน  ฮาหนัก  เลยอ่ะ ฮา

โถพี่  เมื่อก่อนมันใช้อะไร  ใช้  สัญญานมือ  สัญญานไฟ  ใช้โทรเลข อ่ะ ฮา

เดี๋ยวนี้  " ดาวเทียม " มันส่อง  จากนอกโลก  ทะลุไปถึง  ก้นทะเลแล้ว อ่ะ ฮา

55555555   อาการ  " หนักมาก " อ่ะ ฮา 555555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #59 เมื่อ: มีนาคม 31, 2015, 10:27:19 AM »

รบกวนเบิ่งอันนี้หน่อยครับ





โผล่ที่สัตหีบ .. เรือดำน้ำนิวเคลียร์สหรัฐฯ เข้าถึงก้นอ่าวไทย
http://www.manager.co.th/indochina/viewnews.aspx?NewsID=9560000030705





ล่าสุดไม่กี่สัปดาห์ที่ทะเลบอลติค เรือดำน้ำรัสเซียก็ไปป่วนจนนาโตกระเจิงมาแหม็บๆ

ปากยายวิเศษกว่าเรดาห์นาโตว่างั้นเหอะ  Tongue
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 ... 17
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.196 วินาที กับ 22 คำสั่ง