เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 05:45:46 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟองสบู่แตกรอบใหม่  (อ่าน 6648 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #30 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 04:05:23 PM »

ไทยเป็นแหล่งผลิตฮาร์ดิสน่าจะราวๆ80%ของโลกหรือเปล่าผมจำตัวเลขไม่ได้

แต่อันนี้ไม่ได้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจหรอกครับ เขาอาจจะอ้างได้แต่ไม่น่าใช่ครับถ้าเป็นโรงงานผลิตมอเตอร์ฮาร์ดิสคอมพิวเตอร์ เพราะมันมีนวัตกรรมใหม่เป็นStorage Driveแบบใหม่ครับ มันคือSSD ทำงานคล้ายๆFlash Driveอันเล็กๆนั่นละ ความจำเป็นของชิ้นส่วนHDDเลยหมดไป  ตอนนี้สงครามราคาSSDกำลังเริ่มครับ

ต่อไปเราอาจจะเห็น Western Digitalและบริษัทเกี่ยวกับการผลิตHDDลดพนักงานลงเหมือนกันครับ
บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #31 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 07:50:07 PM »



55555  ยายมี  " คำเตือน "  สำหรับมนุษย์ เงินเดือน อ่ะ ฮา 5555  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

อย่าไปทำตัว   " ขัดแย้ง "  หรือ แสดงการกระทำ ที่เป็นผลลบ ต่อบริษัท  อ่ะ ฮา

สถานะการณ์  " การจ้างงาน " ตอนนี้  ง่อนแง่น  ลูกผีลูกคน อ่ะ ฮา

เงินบาท  " ร่วง ไปเกือบ 35 บาท / 1 เหรียญ ยูเอส " แล้ว อ่ะ ฮา

55555  ถ้า  " ไม่จำเป็น  " อย่าไปรับเงินชดเชย 10 เดือนน๊าา  อ่ะ ฮา 5555  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #32 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 11:53:45 PM »

บริษัทนายจ้าง มีทางเลือก หากจะเลิกจ้างโดยยอมจ่ายค่าชดเชย จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ครบถ้วนตามกฎหมาย ลูกจ้างก็ปฏิเสธหรือเรียกร้องใดๆไม่ได้ จะไม่รับก็ไม่ได้ครับ เพราะนายจ้างมีสิทธิที่จะเลิกจ้าง กรณีนี้ ไม่พูดถึงการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #33 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 12:21:54 AM »

ซัมซุงย้ายไปเวียดนามนี่ครับ ข่าวว่าจะไปๆ1-2ปีแล้ว  คงรอสร้างโรงงานที่เวียดนามเสร็จ

พวกประเทศเกิดใหม่หลายประเทศพวกนี้ เช่นอินเดีย,เวียดนาม,พม่า,อินโดนีเซีย(พม่าคงอีกนาน เพราะพัฒนาคนไม่ทันยังเป็นแรงงานราคาถูกซะมาก)

อินเดียคนเป็นพันล้าน กำลังซื้อสูงมาก  เวียดนามนี่สดใสมาก ดร.นิเวศไปดูงานตามนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนาม ยังบอก มันเหมือนย้อนอดีตเมืองไทยซัก10กว่าปีก่อน  คนวัยแรงงงานเยอะมาก(ประชากรมากกว่าไทย) แถมขยันสุดๆ  กำลังซื้อสูง เพราะยังไม่มีพร้อม บ้าน,รถ,เครื่องใช้ไฟฟ้า..ฯลฯ  ไทยนี่อิ่มตัวแล้วสินค้าพวกนี้ ขายได้น้อยละ บ้านไหนก็มีหมด 

ไม่แปลกที่บริษัทใหญ่ไปตั้งฐานการผลิต ทั้งขายในประเทศ(ซึ่งมีกำลังซื้อสูง) +ส่งออกมีสิทธิพิเศษทางการค้าที่ได้สิทธิพิเศษอีก ไม่แปลกที่เค้าย้ายฐานครับ

จริงๆการย้ายฐานนี่ไปมาหลายปีแล้วนะ ไทยนี่ค่อนข้างจะปวดหัว พวกองค์กรการค้าโลก ยุโรป เมกา มันก็จัดชั้นไทยขึ้นเป็นประเทศรายได้ปานกลางละ  พากันตัดสิทธิพิเศษต่างๆที่ไทยเคยมีไป 

พูดละก็ไม่รู้สิ.....จะไปทางไหนดีพี่น้อง รอระดับบนเค้าคิดละกัน ช่วงนี้เราเองก็กรอบๆ  หัวเราะร่าน้ำตาริน

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #34 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 12:24:26 AM »

 ผมเพิ่งกลับจากการไปสำรวจภาวะการลงทุนและเยี่ยมเยียนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียตนามที่เมืองโฮจิมินซิตี้  การไปเวียตนามในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองของผมหลังจากครั้งแรกที่ผมไปกับทางมันนีแชนแนลเมื่อซักหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา  การไปครั้งนี้  เป็นการ “ไปกันเอง” ของกลุ่ม VI “อาวุโส” ประมาณเกือบ 20 คน  หลายคนมีเงินลงทุนในเวียตนามบ้างแล้ว และเกือบทุกคนกำลังดูว่าอาจจะไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามหลังจากที่เห็นว่าโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ คุณภาพของบริษัทจดทะเบียน  และราคาหุ้นอาจจะแพงเกินไป  และต่อไปนี้ก็คือข้อสังเกตของผมซึ่งก็อิงจากการได้ไปเห็นบ้านเมืองและพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งได้ศึกษาข้อมูลและประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ

    ข้อสรุปหลัก ๆ ของผมก็คือ  เศรษฐกิจ สังคม และสภาวะแวดล้อมหรือภาพใหญ่ของเวียตนามในขณะนี้คล้าย ๆ  กับของประเทศไทยเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว  และเวียตนามกำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็วแบบเดียวกับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา  แม้แต่ฉายาของการเป็น  “เสือแห่งเอเซีย” ที่ไทยเคยได้รับเราก็อาจจะได้เห็นว่าเวียตนามก็จะได้รับฉายาในทำนองคล้าย ๆ  กัน  พูดอีกแบบหนึ่ง  ผมคิดว่าเวียตนามก็คือ  “The Next Thailand” หรือจะเป็นประเทศไทยรายต่อไป  เพียงแต่ผมคิดว่า  เวียตนามในอนาคตอาจจะโตจนเท่าและ  “ผ่าน”  ประเทศไทยได้ถ้าเวียตนามยังรักษานโยบายและแนวทางที่ดีต่อการเติบโตในปัจจุบันต่อไปได้เรื่อย ๆ  ในขณะที่ไทยไม่แก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่ในขณะนี้

    ถ้ามองย้อนกลับไปซัก 40 ปี ซึ่งเป็นปีที่โฮจิมินแตกเวียตนามใต้กลายเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์  ระดับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียโดยเฉพาะในอาเซียนนั้นน่าจะพอ ๆ  กัน  แต่หลังจากนั้น  สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งใช้นโยบาย  “เปิดประเทศ” และระบบเศรษฐกิจเป็นแบบตลาดเสรีในขณะที่การเมืองนั้นแม้ไมใช่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลไปเรื่อย ๆ  สลับไปมาระหว่างกลุ่มอำนาจหลัก ๆ   ก็สามารถพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างน่าประทับใจ  เหตุผลหรือปัจจัยที่ทำให้ไทยรวมถึงมาเลเซียเติบโตเร็วมากนั้น  ผมคิดว่าเป็นเพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงและมีกระแสโลกานุวัตรสูง  ญี่ปุ่นซึ่งได้เปรียบดุลการค้ากับโลกตะวันตกมหาศาลถูกบังคับให้เพิ่มค่าเงินเยนซึ่งทำให้สินค้าราคาถูกที่ใช้แรงงานสูงไม่สามารถแข่งขันได้จึง  “ย้ายฐานการผลิต”  จากญี่ปุ่นไปสู่ประเทศที่มีค่าแรงถูกและมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน  และประเทศที่ว่าก็คือ  มาเลเซียกับไทย


    ประเทศเวียตนาม  กัมพูชา ลาว นั้นเป็นสังคมนิยมที่เข้มข้น ดังนั้น ไม่สามารถที่จะรองรับการลงทุนได้  พม่าเองปกครองโดยเผด็จการทหารที่กองทัพคุมรัฐบาล  อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์นั้นอยู่ภายใต้เผด็จการซูฮาร์โตและมาร์คอสยาวนาน  ทั้งหมดนั้นญี่ปุ่นหรือโลกตะวันตกไม่อยากเข้ามาลงทุนและทำให้ประเทศไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร  พูดง่าย ๆ  ประเทศที่ระบบการปกครองเป็นแบบ “ปิด” นั้น  โตยาก  ประเทศที่จะเจริญเติบโตได้ดีนั้น  ผมคิดว่าต้องมีปัจจัยสำคัญ 3-4 ประการก็คือ  หนึ่ง ระบบต้องเอื้ออำนวยนั่นก็คือเป็นระบบเปิดที่ต้อนรับต่างชาติหรือเปิดให้คนสามารถแสดงความสามารถได้เต็มที่ซึ่งระบบที่ดีที่สุดน่าจะเป็นระบบเสรีประชาธิปไตย  สอง คนต้องมีคุณภาพหรือมี IQ สูงพอ  สาม จำนวนคนและอายุของประชากรในวัยทำงาน  และสี่ก็คือ  ทรัพยากรภายในประเทศ  ดังนั้น  ประเทศที่กล่าวถึงทั้งหมดจึงเริ่ม  “ล้าหลัง”  มาเลเซียและไทยกลายเป็น  “เสือแห่งเอเซีย”  จากการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตะวันตกและญี่ปุ่นโดยมีคู่แข่งน้อยเนื่องจากประเทศอื่นไม่พร้อม

    เวลาผ่านไปเกือบ 10-20 ปี  ประเทศต่าง ๆ  ในเอเซียเริ่มตระหนักว่าระบบการปกครองที่ผิดพลาดทำให้ประเทศล้าหลัง  ประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการ  ไม่ว่าจะเป็นสังคมนิยมหรือแบบอื่นเริ่มเปลี่ยนแปลง  ระบบเศรษฐกิจกลายเป็นทุนนิยมและเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ  นำโดยจีน  ต่อมาเวียตนาม ลาวกัมพูชาก็ตาม  หลังจากนั้นระบบเผด็จการมาร์คอสและซูฮาร์โตก็ “ล่มสลาย”  และสุดท้ายระบบทหารแบบเมียนมาร์ก็กำลังผ่อนคลายลง  นักลงทุนจากตะวันตกและประเทศที่ก้าวหน้าอย่างญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน จึงเริ่มมีตัวเลือกมากขึ้น  และด้วยการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ  รวมถึงคุณภาพของคน ค่าแรง และสาธารณูปโภค และตลาดท้องถิ่น  พวกเขาก็เริ่มเข้าไปลงทุนในประเทศที่ “ล้าหลัง” เหล่านั้นเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศดังกล่าวนั้นรู้ว่าตนเองยังด้อยกว่าก็เสนอเงื่อนไขในการลงทุนที่ดีกว่าประเทศที่เจริญมาก่อน  ผลก็คือ  เศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นก็เริ่ม  “เดินหน้า” การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะหลัง ๆ  นี้เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจปีละ 5-7% เป็นอย่างต่ำ ในขณะที่ของไทยช้าลงมากโดยเฉพาะในช่วง 5-10 หลังนี้

    ระดับการพัฒนาของเวียตนามเวลานี้อยู่ที่ประมาณเท่ากับเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนหรือประมาณช่วงที่เศรษฐกิจไทยเกิดวิกฤตในปี 2540  ตัวเลขการมีเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี  พัดลม  ตู้เย็น เครื่องซักผ้าต่อครอบครัวของเขาเวลานี้พอ ๆ  กับตัวเลขที่คนไทยมีเมื่อ 20 ปีก่อน  รถยนต์และแอร์อาจจะเท่ากับ 25-30 ปีแต่ผมคิดว่าจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก  ส่วนมอเตอร์ไซต์นั้น  เวลานี้เขาน่าจะมีมากกว่าของเราในเวลานี้ด้วยซ้ำเนื่องจากมันเป็นพาหนะหลักในการเดินทางของทุกคนในเวียตนาม  ในส่วนของการผลิตซึ่งเน้นที่การส่งออกนั้น  เวียตนามก็ใช้กลยุทธเดียวกับของไทยเมื่อ 20 ปีก่อนนั่นก็คือ  ส่งเสริมให้ต่างชาติมาลงทุนและผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก  ตัวเลขการส่งออกนั้นเติบโตเร็วมากปีละหลายสิบเปอร์เซ็นต์จนเวลานี้คิดแล้วการส่งออกน่าจะไม่ต่ำกว่า 80% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าของไทย  ว่าที่จริงปริมาณการส่งออกไปอเมริกาของเวียตนามนั้นสูงกว่าของไทยไปแล้ว  แม้แต่ในยามที่การส่งออกกำลังชะลอตัวทั่วโลกในช่วงนี้  การส่งออกของเวียตนามก็ยังโตเป็นเลขสองหลัก  กระแสนี้น่าจะยังดำเนินต่อไปเพราะการลงทุนโดยตรงของเวียตนามยังมาแรงมาก  บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกเช่นซัมซุงเลือกเวียตนามมากกว่าไทยแล้ว

    เมื่อดูไป  เวียตนามนั้นเหมือนไทยมาก  เราอยู่ในเขตภูมิอากาศเขตร้อนใกล้เคียงกัน  ขนาดของประเทศก็พอ ๆ  กัน  ความสมบูรณ์ของที่ดินก็น่าจะใกล้กันและอุดมไปด้วยน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูก  คนเวียตนามเองก็เป็นคนที่ “ยืดหยุ่น” ไม่ “สุดโต่ง”  วัฒนธรรมและเชื้อชาติก็น่าจะเป็น  “2 ใน 3 จีน” ในขณะที่คนไทยก็อาจจะเป็น  “ครึ่งจีน”  ด้านศาสนาเองก็คงคล้าย ๆ  คนไทยที่บางทีผมก็งง ๆ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวทางเศรษฐกิจ  ว่าที่จริง  ถ้ามาเดินในห้างร่วมกันเราก็คงไม่สามารถแยกได้ว่าคนไหนเป็นไทยหรือเวียตนามทั้งด้านหน้าตา ความสูงและรูปร่างรวมถึงอากับกริยาต่าง ๆ

    มีจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าเวียตนามจะได้เปรียบไทยในระยะยาวก็คือ  คนเวียตนามมี IQ สูงกว่าไทยในการศึกษาเรื่อง IQ ระดับสากลทุกครั้ง  นอกจากนั้น  เวียตนามมีประชากรถึง 90 ล้านคนและยังเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วในขณะที่ไทยมี 67 ล้านคนและเพิ่มขึ้นน้อยและอาจจะลดลงในอนาคต  ส่วนจุดอ่อนก็คือ  ระบบสาธารณูปโภคในปัจจุบันยังไม่ดีนัก  การเดินทางด้วยรถยนต์ในเมืองและต่างจังหวัดช้ามากประมาณไม่เกิน 30-40 ก.ม. ต่อชั่วโมง  อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้น่าจะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

    ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ  ระดับการพัฒนาของเวียตนามจะไล่กวดไทยอย่างรวดเร็วมาก  เพราะปัจจัยในการแข่งขันของเวียตนามกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ  ในขณะที่ไทยกลับด้อยลง  เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกำลังคนที่แก่ตัวลงอย่างรวดเร็วและระบบการปกครองและภาพใหญ่อื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะ  “ถอยหลัง” ในช่วงเร็ว ๆ  นี้  ความรู้สึกจากทริปเวียตนามครั้งนี้ในด้านของร่างกายก็คือร้อนมาก  เพราะมันเป็นกลางฤดูร้อน  แต่ในใจในฐานะที่เป็นคนไทยและจะต้องแข่งกับเวียตนามนั้น  ผมรู้สึก  “หนาว” อย่างบอกไม่ถูก
 
https://www.settrade.com/blog/nivate/2015/05/11/1565
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2015, 12:27:00 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #35 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 10:18:47 AM »

ในแง่คิดส่วนตัวของผมนะ
ผมว่า ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
นี่จะเป็นตัวทำให้ไทยแข็งแกร่งในเนื้อใน
ถ้า ทำได้จริง ปฏิบัติได้ตามแก่น ที่ในหลวงสอนไว้ ไหว้
เราจะไม่หนาว ในการต้องไปแข่งกับใคร เยี่ยม

ผมกำลังนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของผม
เอาตัวของผมให้รอดก่อน
ใน... สภาวะบ้านเมืองไทย
และเศรษฐกิจของโลก แบบ ในปัจจุบันนี้ ไหว้
บันทึกการเข้า
TakeFive
Sr. Member
****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 794


« ตอบ #36 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 02:53:25 PM »

เศรฐษกิจไม่ดีๆ แต่ทำไมตัวเลขการว่างงานยังต่ำอยู่เลย
ตลาดนัดคนยังเดินกันแน่น ห้างก็แทบไม่มีที่ว่าง
ร้านอาหาร ราคาขึ้นเอาๆคนก็นยังแย่งกันกิน
คนเงินเหลือเสียจนไม่อยากฟากแบงค์ แห่กันซื้อกองทุ้นบ้าง หุ้นบ้าง
รถยนต์ออกใหม่กี่รุ่นๆก็แย่งกันจอง

อ่านกระทู้พันทิพ ผมก็เจอคนบ่นแบบนี้กันทุกปี ปีละเป็นสิบรอบๆ
เล่าเรื่องโรงงานต่างๆ ยอดตกบ้าง ปิดกิจการ กังวัลว่าหายนะกำลังจะมา
บางทีมันอาจจะเป็นแค่เฉพาะธุรกิจเป็นกลุ่มๆหรือเปล่า


อันนี้มุมมองส่วนตัวครับ
บันทึกการเข้า
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #37 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 06:58:50 PM »

ในภาวะวิกฤติด้านหนึ่ง ก็จะมีคนอีกส่วนหนึ่งที่มีโอกาสได้ประโยชน์ เช่น ในภาวะน้ำท่วม รถราใช้ไม่ได้ คนทำเรือพลาสติกและอุปกรณ์กันน้ำก็ทำส่งขายกันไม่ทัน,ในภาวะประสบภัยจากโรคระบาด ผู้ผลิตยาวัคซีน และแม้แต่หน้ากากปิดจมูก ก็รวยไป อย่างเวลานี้ มีภาวะขาดแคลนน้ำ คนขายถังและอุปกรณ์กักเก็บน้ำก็ผลิตกันไม่ทัน
บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #38 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 11:46:33 PM »

+1 ครูแหง ท่าน take five และพี่ยุทธการ ครับ... เยี่ยม

แต่ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจแย่ลงจริงๆครับ มีภาวะเงินฝืดมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว...

คนรู้จักถูกเชิญออก ถูกบีบให้ออกจากงานก็หลายคน...

ยอดการผลิตรถยนตร์ห้าเดือนแรกของปีนี้ก็ต่ำกว่าปีก่อนนะครับ...

ตัวเลขที่เห็นว่าดีขึ้นคือรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น...

แต่ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไร เพราะไม่มีหนี้สินอะไรให้ผ่อนแล้ว...

ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่จ่ายเกินตัว หมั่นเก็บออม พอจะผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้ครับ... Smiley
บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #39 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 11:48:09 PM »

อีกนิด...ปืนผมก็หยุดซื้อ...

ยิงก็สามสี่เดือนไปยิงที...

รายจ่ายกับของเล่นน้อยลงมากๆครับ... คิก คิก
บันทึกการเข้า
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #40 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 11:55:26 PM »

อีกนิด...ปืนผมก็หยุดซื้อ...

ยิงก็สามสี่เดือนไปยิงที...

รายจ่ายกับของเล่นน้อยลงมากๆครับ... คิก คิก

เช่นกัน ครับ หยุดซื้อปืนแล้ว และนี่ก็ไม่ได้ไปสนามหลายเดือนแล้วเช่นกันครับ ได้เข้ามาพูดคุยในเวปปืนช่วยได้มาก ไม่ได้ซื้อ แต่ได้คุยเรื่องปืนก็ยังดี พออยู่ได้ครับ
+ 1 คืนให้คุณหมอรุธครับ
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #41 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 12:09:45 AM »

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=936331623091963&set=pcb.936332713091854&type=1&theater

http://www.thairath.co.th/clip/22476

เคยพูดเกรินๆ เรื่องการดึงราคาอาหารพร้อมทานลงมา จัดที่หน่วยราชการ วันนี้มีคนทำแล้ว หลายหน่วยทหาร  เยี่ยม

ราคาวัตถุดิบไม่สูงครับ ข้าวสารถุง5กิโล ข้าวเกรดธรรมดาถุงร้อยกว่าบาท ไก่โล60 ไข่ไก่ฟองต่ำกว่า3บาท น้ำมันพืชลิตรละ35-45 ทำอาหารราคาถูกขายได้แน่นอน

ถ้าผมว่างงานนะ จะขายข้าวจาน20เลย ยังกำไรเลย  Grin

สงสารคนที่ต้องกินอาหารจานเดียว ข้าวแกงกินทุกมื้อ จาน40-70บาท ผลจากการขึ้นเอาๆหลายปีมานี้ จนมันดูเกินไปนะ ทั้งที่วัตถุดิบราคาถูก  แต่ร้านอาหารขึ้นทุกครั้ง แก๊ซขึ้นโล2-3บาท ปรับข้าวจาน5บาท ช่วงน้ำมันพืชขึ้น4-5ปีก่อนแป๊บเดียวก็ขึ้น ปรับค่าแรงก็ขึ้น คือขึ้นทุกที ที่มีโอกาส จนราคาอาหารกำไรสูงมาก200-300%ไปแล้ว  โดนชก

เสี่ยโก๊ะตี๋เคยขายข้าวมันไก่ในห้างจานเล็กๆ จาน91บาทเลยปีก่อน มั่นมากหนูไม่แคร์ ไม่กินก็อย่ากิน ได้ข่าวปิดไปหลายสาขาในห้างละ ขายแพงเกินไป  โดนชก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 19, 2015, 12:15:34 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
seiya-รักในหลวง
"ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 206
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1134


to make a friend, be a friend...


« ตอบ #42 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 12:57:16 AM »

พวกองค์กรแรงงานต่างๆ พากันเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 360 บาท .. ถ้าขึ้นตามนั้น..
กิจการคงจบเห่เป็นแถว  เผาจริงพร้อมป่นกระดูกไปด้วยเลย ..
คนที่รวยคงเป็นชาติเพื่อนบ้านที่แรงงานมาทำงานในบ้านเรา ส่งเงินกลับไปเพียบ..  เศร้า
บันทึกการเข้า

"Protection" is much better than "Correction".
กรุณารักษา"สิทธิ" ในการปกป้องตนเองและคนที่เรารัก
http://youtu.be/KYGScnPo8HQ
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #43 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 09:24:26 AM »



พวกองค์กรแรงงานต่างๆ พากันเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 360 บาท ..

ถ้าขึ้นตามนั้น.. กิจการคงจบเห่เป็นแถว  เผาจริงพร้อมป่นกระดูกไปด้วยเลย ..

คนที่รวยคงเป็นชาติเพื่อนบ้านที่แรงงานมาทำงานในบ้านเรา ส่งเงินกลับไปเพียบ..  เศร้า





บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #44 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 10:36:10 AM »

+1 ครูแหง ท่าน take five และพี่ยุทธการ ครับ... เยี่ยม

แต่ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจแย่ลงจริงๆครับ มีภาวะเงินฝืดมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว...

คนรู้จักถูกเชิญออก ถูกบีบให้ออกจากงานก็หลายคน...

ยอดการผลิตรถยนตร์ห้าเดือนแรกของปีนี้ก็ต่ำกว่าปีก่อนนะครับ...

ตัวเลขที่เห็นว่าดีขึ้นคือรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น...

แต่ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไร เพราะไม่มีหนี้สินอะไรให้ผ่อนแล้ว...

ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่จ่ายเกินตัว หมั่นเก็บออม พอจะผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้ครับ... Smiley

เศรษฐกิจมันมีวัฏจักรของมันครับ  มี 4 ระยะ คือ ระยะตกต่ำ, ระยะฟื้นตัว, ระยะรุ่งเรือง  และระยะถดถอย
เมื่อตกต่ำถึงขีดสุด  ก็จะมีการระบายสินค้าค้างสต๊อค เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ขึ้นมาทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว  พอถึงระยะที่การคาดคะเนผลกำไรไปในทางบวกอย่างแน่ชัด  การลงทุน การจ้างงานจะขยายตัวขึ้น จูงใจให้คนใช้เงินออมมาลงทุนมากขึ้น  พอเศรษฐกิจเติบโตสูงขึ้น  คนมีรายได้มากขึ้น สินค้าจะปรับราคาสูงขึ้นทำให้เกิดเงินเฟ้อตามมา ทำให้เข้าสู่ระยะถดถอย
รอบนี้ที่เราเจอหนักหน่อย  เพราะมีนโยบายประชานิยมไปกระตุ้นให้คนใช้จ่ายเงินเกินตัว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 22 คำสั่ง