อเมริกาเดือดอีก! หลังตำรวจรุมยิง คนผิวสี ดับคารถเข็น อ้างไม่ยอมวางอาวุธ (ชมคลิป)
เอเอฟพี - คลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งยิงชายผิวสีรายหนึ่งเสียชีวิต ขณะที่อยู่บนรถเข็นได้ก่อให้เกิดกระแสถกเถียงไปทั่วสหรัฐฯ
คลิปวิดีโอจากมือถือของเหตุการณ์เมื่อวันพุธ (23) ในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งตะโกนซ้ำหลายครั้งว่า ยกมือขึ้นให้ผมเห็น! กับ เจเรมี แม็คโดล วัย 28 ปี ที่นั่งบนรถเข็นบนถนนด้านหลังรถยนต์คันหนึ่งในช่วงกลางวัน
ตำรวจรายนี้ยิงปืนออกไปนัดหนึ่ง หลังจากที่ตะโกนย้ำว่า ยกมือให้ผมเห็น! และเสริมว่า วางปืนลง!
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ ก็รุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมตะโกนว่า ยกมือ ยกมือ ยกมือขึ้น! หลายวินาทีต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ทำให้เหยื่อรายนี้ล้มลงไปด้านข้างและตกจากรถเข็น
จากคลิปวิดีโอดังกล่าวไม่เป็นที่แน่ชัดว่าชายผิวสีคนนี้ ซึ่งไม่ได้ยกมือขึ้นตามคำสั่ง มีอาวุธปืนในครอบครองจริงๆ หรือไม่ เขาถูกประกาศว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
เมื่อวันศุกร์ (25) กระทรวงยุติธรรมรัฐเดลาแวร์ประกาศว่า พวกเขากำลังสืบสวนเหตุยิงดังกล่าวเพื่อ ตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐเดลาแวร์หรือไม่
รายงานข่าวอ้างจาก บ็อบบี คัมมิง ผู้กำกับการตำรวจเมืองวิลมิงตันระบุว่า ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนนึ่งยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บ
ในการแถลงข่าวเมือสัปดาห์ที่แล้ว คัมมิง กล่าวว่า แม็คโดล ไม่ยกมือขึ้นตามที่ตำรวจสั่ง และเขายังไม่ยอมวางปืนของเขาลงบนพื้น รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุ
รายงานข่าวระบุว่า คัมมิง กล่าวว่า แม็คโดลถูกสังหารเมื่อเขาเอื้อมหยิบอาวุธปืน แต่แม่ของเขา ฟิลลิส แม็คโดล โต้แย้งว่า เขาไม่มีทั้งอาวุธหรืออันตราย
คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ได้หยิบปืน เขาวางมืออยู่บนหน้าตักตอนที่พวกตำรวจเริ่มยิงใส่เขา เธอกล่าว
แจ็ค มาเคล ผู้ว่าการรัฐเดลาแวร์เรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น เรื่องยุ่งยากอย่างยิ่ง ในความคิดเห็นของเขาที่ถูกรายงานโดยสื่อท้องถิ่น
สมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสีแห่งชาติ องค์กรสิทธิพลเมืองอันโด่งดังที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า NAACP เรียกร้องให้มีการแต่งตั้ง อัยการพิเศษ ขึ้นเพื่อดำเนินการสืบสวนเหตุการณ์นี้โดยอิสระ
คดีความโหดร้ายต่าง ๆ ของตำรวจ โดยเฉพาะที่ตำรวจผิวขาวทำกับชนกลุ่มน้อย ได้ยึดพื้นที่พาดหัวข่าวทั่วทั้งสหรัฐฯในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บางคดีก่อให้เกิดการจลาจลวุ่นวาย
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000108748