5555 นายพลโท ก็ ปราบโกงเหมือนกัน ค่ะ 5555
http://www.matichon.co.th/news/520628ฝากขังพล.ท.นอกราชการ เอี่ยวค้ากัญชา 3,000 กก. ค่า 32 ล.
ไร้คนประกันส่งนอนคุก โดนรวบหลังเยี่ยมพวกถูกจับปส.3
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 5 เมษายน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.ประเสริฐ แตงอ่อน
พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้ควบคุมตัว พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร
นายทหารนอกราชการ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง
เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ,สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
มาฝากขังต่อศาลอาญาครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 16 เมษายน 2560 ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
คำร้องฝากขังระบุว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2559 ระหว่างเวลา 10.00 น.- 16.00 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 และเจ้าพนักงานป.ป.ส.กับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัว นาย สี เจ ซัน
อายุ 64 ปี สัญชาติไต้หวัน และนายสุพรชัย หรือ โก๋ ชูแก้ว อายุ 45 ปี พร้อมของกลาง กัญชาแห้งอัดแท่ง
บรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 3,155 แท่ง น้ำหนัก 3,155 กิโลกรัม มูลค่าซื้อขายราคา 32 ล้านบาท พร้อมของกลางอื่นรวม 17 รายการ
ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ตำรวจชุดจับกุมได้ทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวลาว จะลำเลียงกัญชาส่งต่อให้กับพ่อค้ากัญชาชาวไทย
ไม่ทราบชื่อในเขตพื้นที่ จ.ปทุมธานี หรือ จ.ชลบุรี ต่อมาจึงมีการลำเลียงกัญชามาส่งมอบกันที่บริเวณป่าหญ้า
ริมถนนเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ข้างสวนยางพารา ใกล้ท่าทรายเซ็นจูรี ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ
เมื่อคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2559 เวลาระหว่าง 21.00-23.00 น. เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบพบเป็นกัญชาอัดแท่ง 3,200 กิโลกรัม
ดังกล่าว บรรจุในกระสอบปุ๋ยสีขาว วางซุกซ่อนอยู่จึงได้ตรวจยึดไว้
ต่อมาวันที่ 23 สิงหาคม 2559 เวลา 20.00 น.จึงให้เจ้าหน้าที่อำพรางลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งดังกล่าวใส่รถบรรทุก
ออกเดินทางจากจังหวัดบึงกาฬ ระหว่างทาง ท้าวบูน ไม่ทราบนามสกุลจริง ชาวเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว
เจ้าของยาเสพติด ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่อำพรางและสายลับ โดยแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ที่จะมารับมอบยาเสพติดกัญชาอัดแท่ง
เจ้าหน้าที่อำพรางจึงได้ติดต่อชายผู้จะมารับกัญชา และนัดพบกันบริเวณที่พักรถยนต์ทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7
ซึ่งในวันต่อมา วันที่ 24 สิงหาคม 2559 เวลา 16.00 น.มีนายจีระยุทธ วาณิชย์ เครือข่ายผู้ค้ากัญชาชาวไทย
เป็นผู้ขับรถยนต์นำเจ้าหน้าที่อำพรางลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งดังกล่าวมาเก็บไว้ยังโกดังเก็บสินค้า
บริษัท ฟอร์โมซา ปิโตรเคมีคอล จำกัด ที่ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โดยมีนายสี เจ ซัน ซึ่งเป็นเจ้าของโกดัง
เป็นผู้มาเปิดประตูโกดัง จากนั้นนายจีระยุทธ และเจ้าหน้าที่อำพรางจึงขนกัญชาลงจากรถบรรทุก
ไปเก็บไว้ในโกดังเสร็จสิ้นแล้วเวลา ประมาณ 18.00 น. หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ชุดจับกุม
จึงได้จัดวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณรอบๆโกดัง ที่เกิดเหตุ และสังเกตกลุ่มบุคคลเครือข่ายของผู้ค้ายาเสพติดกัญชาชาวไทยและชาวต่างชาติ
จากการสืบสวนสังเกตการณ์พบว่า นายสี เจ ซัน และนาย สุพรชัย หรือโก๋ ชูแก้ว ซึ่งเป็นลูกน้อง
ทำหน้าที่ เฝ้าดูแลและเปิด-ปิด ประตูโกดัง ที่เกิดเหตุซึ่งเก็บกัญชา และตรวจไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในโกดัง
ต่อมาวันที่ 4 กันยายน2559 เวลา 10.00 น.เจ้าหน้าที่พบว่า นายสี เจ ซัน กับพวกเริ่มไหวตัวและเตรียมจะหลบหนี
จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและแสดงตัวของตรวจค้นและจับกุมนาย สี เจ ซัน และ นายสุพรชัย หรือโก๋ ชูแก้ว
ผู้ต้องหาจากนั้นให้นำตรวจค้นภายในโกดัง พบกัญชาอัดแท่งรวม 3,150 แท่ง ซุกซ่อนอยู่โดยมีผ้าเต้นท์สีดำคลุมปิดอยู่
จึงนำผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
และจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ ในช่วงวันเวลาระหว่างเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ
ซึ่งซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณโกดัง พบว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 เวลา 17.15 น. พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร
ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถยนต์เบนซ์ สีดำ ทะเบียน ฐง -8789 กทม.เข้ามาตรวจดูกัญชาภายในโกดังร่วมกับนายสี เจ ซัน
จากนั้นได้เรียกโทรศัพท์เรียกชายอีก 2 คน ขับรถยนต์เก๋ง เข้ามาตรวจดูกัญชาในโกดังร่วมกัน จากนั้นทั้ง 4 คน จึงกลับออกไป
โดยพบว่ามีบุคคลซึ่งน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในคดีนี้ จำนวนหลายราย
ร่วมกันกระทำความผิดลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ รวมทั้ง พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร ผู้ต้องหานี้ด้วย
จึงขอออกหมายจับ พล.ท.เกรียงไกรกับพวกรวม 7 คน ตามหมายจับเลขที่ 349/2559 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559
กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เวลา 15.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจปส.ได้จับกุม พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร ผู้ต้องหาได้
ขณะเดินทางมาปรากฏตัวและเยี่ยมพวกผู้ต้องหา ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถ.วิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่ กทม.จึงจับกุมและแจ้งข้อหาดังกล่าว
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จ ,รอสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก
และตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือ จึงขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา
เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและ การกระทำของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นเครือข่าย และเป็นภัยต่อสังคม
หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงจะหลบหนี และกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ โดยวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาติมายื่นประกันตัว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวผู้ต้องหาไปคุมตัวยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ