ถามอีกนะ อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ ทำไมเค้าถึงไม่ผลิตปืนที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันได้ล่ะครับ อย่างอ้าก้าใช้กระสุนเอ็ม16
คนผลิตปืนมีเหตุผลใดหรือครับ???แบบนี้ถ้ายึดปืนได้แล้วไม่มีลูกก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้สิครับ..
ผลิตให้ใช้กระสุนเหมือนกัน ข้าศึกก็เอาไปใช้ได้ซิครับ
ปืน AK47 ที่ยิงลูก 5.56 มม มีขายครับในเมกา แต่เป็นเพราะทำออกมาขายเอาใจลูกค้าในเมกา ไม่ใช่ปืนที่นำไปใช้จริงในสงคราม
ขออนุญาตเสริมคุณXD40 เพิ่มเติมนะครับ.........
ในสมับก่อนขนาดกระสุนปืนที่ใช้ในสงครามของแต่ละประเทศนั้น(เฉพาะประเทศที่ผลิตอาวุธเอง)............เปรียบเสมือนงานวิจัยเฉพาะ ที่แต่ละประเทศจะกำหนดขนาดกระสุนที่ใช้..........รวมทั้งการกำหนดขนาดกระสุนให้ใช้งานร่วมกันในเครือพันธมิตร(ปัจจุบัน)............
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง..........มาจนกระทั่งสงครามเกาหลี มาถึงสงครามเวียดนาม........เข้าสู่ยุคสงครามเย็น...............การออกแบบและผลิตทั้งอาวุธและกระสุนของแต่ละประเทศ ทำแบบ ของใครของมัน ...เช่น(คร่าวๆในสงครามโลกครั้งที่สอง)....--เยอรมัน นิยมใช้กระสุนขนาด 7.92 มม.( 8 มม.) ในปืนยาวและปืนกล..........30 Luger ในปืนพก และให้กำเนิดกระสุน 9มม.พาราฯ ในปืนพกและปืนกลมือหลายรุ่น......
--อังกฤษ ใช้เอกลักษณ์เฉพาะ ใช้กระสุน .303 บริติช ในปืนยาว ลีเอนฟิลด์ ปืนกลเบาเบรน.........กระสุน .455 ในปืนพกลูกโม่เวปเล่ ............ขโมยแบบกระสุน 9 มม. พาราฯจากเยอรมันมาใช้ในปืนกลมือสเตน
--สหรัฐอเมริกา นิยมกระสุนขนาด .30..........เริ่มแรกใช้กระสุน .30-30 แคร็ก แล้วแรงน้อยไปก็เอาปลอกกระสุน 7.92x57มม. ( 8mm Mauser) มายืดปลอกยืดคอ แล้วบีบปาก เป็นกระสุน 7.62ป63 มม. ซึ่งก็คือกระสุน .30-06 สปริงฟิลด์.........ใช้ในปืน M1 Garand ปืนกล .30 M 1919 ปืนกลเบา BAR ........... ออกแบบกระสุน .30 Carbine ใช้กับปืน M1 Carbine ............ใช้กระสุน .45 ในปืนพก 1911 ที่ออกแบบโดย จอห์น โมเสส เบาร์นิ่ง และใช้ในปืนกลมือหลายรุ่น..........ใช้กระสนุ .50 BMG ในปืนกล M2
-- รัสเซีย นิยมกระสุน 7.62 มม. (.30) เช่นกัน...........ใช้กระสุน 7.62x54 มม. ในปืนยาวโมแซง นากัง ปืนกลเบาต่างๆ ไปถึงปืนกลประจำหน่วย...........ใช้กระสุน .30 ที่ซีลแก๊สได้ ในปืนพกลูกโม่ นากัง............ใช้กระสุน 7.62x25 มม. (7.62 โตกาเรฟ) ในปืนพกโตการเรฟ ปืนกล PPSH PPH 42 ............ใช้กระสุน 12.7x102 มม. ในปืนกลหนัก DHSK
--ญี่ปุ่น นิยมกระสุน 8 มม. ใช้ในปืนพกนัมบุ............กระสุน 6.5 มม. ในปืนยาวArisaka Type 38 ...........และปรับเป็น 7.7 มม. ในรุ่น Tpye 99 .......
นี่เฉพาะประเทศคู่สงครามหลักๆ
อาวุธและกระสุนขนาดนี้ ใช้งานต่อมาจนถึงในสงครามเกาหลี.............และมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ...........--ช่วงนี้ สหรัฐอเมริกา เอากระสุน .30-06 มาตัดปลอกตัดคอ เป็นกระสุน 7.62x51 มม. (.308 Win)..........มาใช้กับปืนยาว M14 ที่ทดแทน M 1 Garand ...........ต่อมาเห็นว่าปืน M14 ใช้งานในลักษณะไรเฟิลโจมตีได้ไม่เต็มที่ ก็เลยกำหนดขนาดกระสุนใหม่ เอาแค่ให้มีอำนาจเพียงพอในการสังหารมนุษย์ รีคอยเบา น้ำหนักน้อย ทหารสามารถนำติดตัวไปได้มาก..........เริ่มแรกทำการวิจัย กระสุนขนาด .222 ............แล้วนายสโตนเนอร์ ก็ไปเอากระสุนพาณิชย์ .223 Rem ซึ่งใช้ในไรเฟิลยิงกวาง มาออกแบบเป็น M16 ..........เลยกำหนดกระสุนขนาดนี้เป็นชื่อทางทหารว่า 5.56x45 มม.
--ในส่วนอังกฤษและเยอรมัน ก็ปรับขนาดกระสุนของตน มาเป็น 7.62x51 มม. ตามอเมริกา........จะเห็นว่าทางภาถพื้นยุโรป ขณะนั้น ใช้ปืนยาวขนาดนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น FN FAL HK G3 ฯลฯ
--ในรัสเซีย ยังคงกระสุนขนาด .30 ต่างๆไว้อย่างเหนียวแน่น.........โดยออกแบบปืนใหม่ๆมาแทน ซึ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปืน AK47 จึงถือกำเนิด ใช้กระสุน 7.62 เช่นเคย แต่ย่อปลอกให้สั้นลง เป็น 7.62x39 มม. ............และมีการใช้กระสุนขนาด 9x18มม.( 9 มาคารอฟ) ในปืนพกมาคารอฟ
ต่อมาในช่วงสงครามเย็น..........ประเทศโลกเสรีกลัวภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ เลยรวมตัวกันเป็นเครือพันธมิตรนาโต้.........ให้อเมริกาเป็นหัวเรือใหญ่.........ประกอบกับอาวุธต่างๆที่ใช้เริ่มต้องมีการปรับปรุงกันใหม่...........เครือประเทศเหล่านี้จึงใช้กระสุนร่วมกันเพื่อง่ายต่อการส่งกำลังบำรุง คือ..... 5.56x45 มม. 7.62x51 มม. และ 9x19 มม. กระสุนเหล่านี้เลยมีชื่อเรียกเพิ่มว่า 5.56 นาโต้ 7.62 นาโต้ 9 มม. นาโต้..........
คร่าวๆพอได้ไหมครับ