1911a1 กับ 1991a1 ต่างกันยังไงท่านผู้รู้ช่วยให้คําตอบด้วยครับสงใสจัง ขอบคุณครับ
มาแล้วครับ...นักเพ้อเจ้อ...จอมบ้าน้ำลายมาแล้วจ้า........ เชิญปวดสายตากับข้อความของผมได้ ณ บัดนี้
บทนำ......คำถามแบบนี้ มักจะนำไปสู่การตอบแบบละเอียดได้ดีเสมอ เพราะเป็นการถามในลักษณะกว้าง และสร้างความรู้ครับ
1.ประวัติที่มา
เอ็ม 1911 เอ1 ก็คือ ปืน สิบเอ็ม มม.นั่นเอง แบบเดิมของ เอ็ม 1911 เอ1 คือ เอ็ม 1911 เฉยๆ ซึ่งผลิต ในปี 1911 ส่งเข้าใช้ในกองทัพยูเอสเอ จริงๆ คือ ปี 1912 เข้าไปแล้วครับ
พอใช้งานในกองทัพสหรัฐ ในช่วงปี 1912-1922 ในช่วงนั้น เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พอจะซาๆ ไปหน่อยๆ ถึงปี 1923 ทางวิศวะกร รวมถึงผู้ใช้งานจริงในสนามรบ ลงความเห็นกันว่า เห็นควรปรับปรุงเจ้า เอ็ม 1911 เสียหน่อย เนื่องจากมีบางอย่างไม่ถูกใจคนใช้ (จริงๆ ก็แจ๋วอยู่แล้ว) จึงมีการปรับปรุงคือ
1.ขยายศูนย์หน้าให้ใหญ่ขึ้น กว่าเดิม
2.ขยายบากศูนย์หลังให้กว้างกว่าเดิม แต่เดิม เป็นตัวยูตูดโค้ง มาเป็นตัวยู ตูดเหลี่ยมๆ
3.ตัดหน้าไกปืนให้สั้นลงหน่อย จะได้ยิงง่ายขึ้นสำหรับคนนิ้วสั้น ๆ และจะได้สวมถุงมือยิงได้ ด้วย เพราะของเดิมหน้าไกยาว พอใส่ถุงมือนิ้วชี้จะโตขึ้น ล้วงเข้าโกร่งไกปืนลำบาก
ถุงมือกันหนาวในยุโรปมันหนาเอาเรื่องนะครับ
4.ด้านข้างโกร่งไกปาดเว้านิดหน่อย เขาว่า จะได้สวมถุงมือยิงให้ถนัดอีกนั่นแหละ
5.นกปืนทำให้เรียวเล็กลง แต่เดิมเป็นแบบบานๆ คงคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องง้างนกแล้วกระมัง
6.เหล็กปิดท้ายโครงปืน เสริมให้โค้ง รับกับอุ้งมือของคนยิง (แต่เห็นตอนหลังก็ย้อนยุคเหมือนเดิมกันเป็นแถว)
7.หางหลังอ่อน ทีแหลมๆ ออกมา ทำให้มันยาวขึ้น เพราะของเก่ามันสั้น
.....ก็แก้ไขประมาณนี้แหละ ในปี 1923 จากนั้นเมื่อแก้ไข ก็เลยเพิ่มชื่อเสียหน่อย
จาก เอ็ม 1911 ก็เปลี่ยนชื่อเป็น เอ็ม 1911 เอ1 (เอ1 คงแปลว่า พัฒนา/แก้ไขให้ดีขึ้น ครั้งที่ 1 เหมือนเอ็ม 16 เอ1 เอ2 นั่นกระมัง)
......จากนั้น ก็กระโจนเข้าสงครามต่างๆ ไปทั่วโลก ตั้งแต่สงครามย่อยต่างๆ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ว่า จีไอ จะไปไหน ก็จะนำมันใส่ซองพก หนัง คาดเอวด้วยเข็มขัดผ้าใบถักสีเขียว มีฝาปิด สีดำ สีน้ำตาลแล้วแต่สภาพภูมิประเทศ ที่ฝาซองพก มีตรา ยูเอส ปั้มเป็นตัวนูนด้วย ซองนี้ ถ้าใครมีของแท้ ก็เก็บไว้เถอะครับ เป็นของมีค่าไปแล้ว
กระโจนเข้าสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุโรป สงครามมหาเอเซียบูรพา เอเซียแปซิฟิก
เกาหลี ลาว เวียตนาม เขมร ฯลฯ จะปาถิ จนมาจบชีวิตตอนปี 1985 ตอนเขาปลดชราภาพจากกองทัพนั่นแหละ แต่ไม่เคยชราภาพสำหรับพวกเราเลย มันเป็นของมีค่าที่สุดเลยครับ เจ้า 1911 เอ1 เนี่ย
จบที่มาทาง เอ็ม 1911 เอ1 แล้วครับ
ทีนี้ มาเรื่อง เอ็ม 1991 เอ1 บ้าง มันเป็นยังไงหว่า???
ภายหลังปี 1980 เป็นต้นมา กิจการของบริษัท โคลท์ เริ่มถดถอยลงทุกทีทุกที เป็นไปตามคำกล่าวของพระพุทธองค์ว่า ทุกสิ่งในโลก มีเกิด มีดับ เสมอ เป็นธรรมดาของโลกนี้ แลครับ
โคลท์ก็เช่นกัน รุ่งเรืองมาแต่ 1836 ทะลุมาถึง 1985 ชื่อปืนของบริษัทฯนี้ ถูกการันตีให้เป็นปืนประจำกองทัพทหารที่เกรียงไกรที่สุดในโลก ในยุค 100 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุดสำหรับกิจการธุรกิจแล้วละครับ
หลังปี 1985 หรือก่อนหน้านั้นเสียด้วยซ้ำ ประมาณ ยุค 80 ทุกอย่างของบริษัทโคลท์เริ่มถึงจุดดับ ฝีมือการผลิต แย่มากๆ ไม่ได้เรื่องเลย
ถึงแม้ โคลท์ ที่ผลิต ในปี 1980 จะมีระบบล็อคเข็มแทงชนวนติดมาด้วยตามมาตรฐานของอเมริกันยุคใหม่ แต่ก็ไม่ทำให้ฐานะของปืนพกโคลท์ โด่งดังขึ้นเหมือนเดิมเลยซักนิด มีแต่ถอยลงทุกวัน
.......เหตุการซ้ำร้าย มีคนซื้อปืนของโคลท์ ไปเป็นล็อทๆ แล้วไปแต่งให้แจ๋วแล้วขายเป็นกระบอกๆ เช่น วิลสัน คอมแบ็ท ไปโดยตีตราใหม่ของตนเข้าไป ทำให้ได้ราคาดีกว่าเจ้าของบริษัท ที่ผลิตเองเสียอีก ถึงแม้จะมีศูนย์แต่ง แต่ก็แต่งสู้วิลสัน ไม่ได้ ไม่เว้อร์ ตามเคย
.......พอมาถึงปี 1985 โคลท์ก็ยังคงยึดติดกับการขายปืน เอ็ม 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ในราคาสูงอยู่ดี (หลงตัวเองมั้ง) ขายแพงอยู่ได้ ในช่วงนี้ สิทธิ์คุ้มครองตามสิทธิบัตร เอ็ม 1911 ที่จดไว้โดย จอนห์ บราวนิง หมดลง ......จึงมีบริษัท มากหน้า หลายตา ทุกค่าย ทุกทวีป เอาแบบไปผลิต เอ็ม 1911 ออกมาขาย แถมทำได้สวยกว่า ฟิตกว่า เนียนกว่า
ที่สำมะคัญ ....ถูกกว่าโคลท์ เมื่อเจอสภาพแบบนี้ โคลท์ มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
....สถานะการณ์เอ็ม 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ของโคลท์ แย่ลงทุกวัน...ทุกวัน
ถึงประมาณ ปี 1990 โดยประมาณ โคลท์ หันกลับมามองตัวเอง ว่าทำไม ไม่ขายปืนให้ถูกลงบ้าง มาทำตลาดปืนราคาถูกบ้าง เพื่อจะได้พยุง ฐานะของตนให้รอดได้ หลังๆ แม้แต่ปืนสงคราม ก็โดนบริษัทอื่นแบ่งไปทำด้วยซ้ำ
คำถามก็คือ แล้วจะเอาปืนอะไรดี มาเป็นตัวชูโรงในการผลิตปืนเกรด ตลาดราคาถูก
....มองไป มองมาก็ เจ้า 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 นี่แหละ เจ้าเก่านั่นแหละ เอามาทำใหม่ดีกว่า
......ก็เลยเอาซีรีส์ 80 1911 เอ1 นั่นแหละมาทำแบบหยาบๆ ลดขั้นตอนการผลิต ลดวัสดุให้ราคาถูกลง ดังนี้
1.ทำแบบหยาบ ฝรั่ง เป็นโรคแปลกอย่างหนึ่ง อะไรที่ออกจากเครื่องจักรฯ เขาจะขายราคาถูก ...แต่ถ้ามาผ่านฝีมือคนเสียหน่อย ....ไอ้ค่าฝีมือขัดๆ ถูๆ นี่แหละ ราคาตรงนี้ จะแพงขึ้นมากเลย
ดังนั้น เอ็ม 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ตัวนี้ จึงมีความหยายมากๆ ออกจากเครื่องจักรมายังไง ก็พ่นทราย รมดำ เอามาขายเลย ไม่ต้องผ่านมือช่างเลย เพื่อลดราคาต้นทุน
2.ลดต้นทุนด้านวัสดุ เช่น หน้าไกปืน แต่ก่อนเป็นเหล็ก เป็นโลหะ พอมาลดต้นทุน ก็ทำเป็น โพลิเมอร์ เหล็กปิดท้ายโครงปืน (เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง ) ก็เป็นโพลิเมอร์
ด้ามปืน จากเป็นไม้วอลนัท ฝังหมุดตราม้าคาบศรที่กลางด้าม ก็กลายเป็นด้ามยางแข็งๆ
นอกจากจะลดต้นทุนแล้ว ยังได้แก้ไข คุณลักษณะบางอย่างเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ตามยุคสมัยดังนี้คือ
1.ขยายใบศูนย์หน้าให้ใหญ่ขึ้นอีกมากๆ ทั้งความสูง และความหนา เล็งชัดขึ้นอีกเยอะเลย แต่ไม่ทำจุดขาวมาให้ เพราะจุดขาว จะไว้ไปใส่กับปืน ซีรีส์ 80 เกรดราคาแพงกว่านี้
2.ใบศูนย์หลังก็เพิ่มความสูง ความหนา ความกว้าง กว่าเดิมอีกมาก เล็งง่ายขึ้นอีกเยอะเลย แต่ไม่มีจุดขาวเหมือนกัน เหตุผล ก็เหมือนที่กล่าวมาแล้ว คือ แบบจุดขาวจะใช้กับ ซีรีส์ 80 ที่ราคาแพงกว่านี้
3.หน้าไกโพลิเมอร์ มีความยาว ย้อนยุคกลับไปเหมือนรุ่น 1911 เดิม เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว
4.เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง โพลิเมอร์ ก็ทำแบบแบนๆ ย้อนยุคไปเหมือนรุ่นเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว แต่ทำลายกันลื่นแนวตรงให้หน่อย
5.ช่องคายปลอกกระสุนที่สไลด์ ถูกปาดให้ต่ำลงกว่ารุ่น 1911 เอ1 เดิมเพื่อการสลัดปลอกกระสุนได้สมบูรณ์กว่าเดิม
6.ตัวเตะปลอกกระสุน เปลี่ยนจุดสัมผัส จากการสัมผัสด้านล่าง มาเป็นสัมผัสด้านบน
เพื่อเปลี่ยนทิศทางการเตะปลอก จากแต่เดิม 1911 เอ1 เตะออก ด้านบน ประมาณ 60 องศา เฉียงไปทางขวา แต่พอแก้ไขใหม่ เป็นการเตะปลอกออกแนว ด้านข้างขวา เกือบเป็นแนวราบประมาณ 30-45 องศา แล้วแต่กระบอกๆๆไป
และการทำงานของอีเจคเตอร์ จะปฏิบัติต่อจานท้ายปลอกกระสุนในขณะที่ปลอกถอยหลัง พ้นแนวแม็กกาซีนใหม่ๆ จึงทำให้ลดปัญหาเรื่องการติดขัดภายหลังจุดระเบิดได้ดีกว่า เอ็ม 1911 เอ1
7.มีระบบล็อคเข็มแทงชนวนตามแบบซีรีส์ 80 คือ ถ้าไม่เหนี่ยวไก ปืนไม่ลั่นอย่างเด็ดขาด แม้ขึ้นลำแล้วเควี้ยงปืนทิ้งไปก็ตาม
8.เมื่อทำล็อคเข็มแทงชนวนแล้ว โคลท์ จึงตัดระบบเซฟปืนด้วยการง้างนกครึ่งทางออกไป คือ ฮาฟล็อคออกไป เหลือแต่ ฮาฟได้ แต่ไม่ล็อคนะครับ
คือแต่เดิม คนใช้ปืน เอ็ม 1911 รุ่นก่อน 80 ทุกรุ่น จะขึ้นลำแล้วลดนกลงครึ่งทาง เรียกว่า ฮาฟล็อค เป็นการเซฟไปในตัวคือ นกไม่ตก เหนี่ยวไม่ได้
แต่พอมาทำเป็น ซีรีส์ 80 ง้างนกครึ่งทาง นกไม่ตก แต่เหนี่ยวไกได้ลั่นดังแฉะ เบาๆ
(ผมเลยเสียว ต้องหานกซีรีส์ 70 มาใส่แทน )
......เรื่องอักขระ....รุ่นนี้ เป็นรุ่นประหยัด ไม่มีการตอกม้าคาบศร มีแต่ตอกว่า เอ็ม 1991 เอ1 เป็นร่องใหญ่ๆ ลึก อีกด้านหนึ่ง ตอกซีรีส์ 80 เพื่อยืนยันระบบล็อคเข็มแทงชนวน
เมื่อแก้ไขทุกอย่างเสร็จดังว่าแล้ว ก็ตามประเพณี ทำอะไรใหม่ที ก็เปลี่ยนชื่อที
จึงกำเนิดชื่อว่า เอ็ม 1991 เอ1 นั่นเอง และนี่ คือที่มาของความแตกต่าง ระหว่าง เอ็ม 1911 เอ1 กับ เอ็ม 1991 เอ1 ขอรับท่าน
......ท่านเจ้าของกระทู้ พอเข้าใจไหมครับ....ไม่เข้าใจถามมาใหม่ได้
1911 คือแบบของปืน 1911 เอ1 คือการแก้แบบครั้งแรก เพื่อสะดวกในการใช้ในทางทหาร 1991 เอ1 คือการเอา แบบ 1911 เอ1 มาทำเป็นปืนราคาประหยัด ขายแข่งกับชาวบ้านเขา ....สรุปสั้นๆแค่นี้ครับ