ผมก็อยู่เชียงใหม่ครับ การขออนุญาตฯ ผมว่าขึ้นอยู่กับนายทะเบียนนะครับ ต่างคนก็แตกต่างกันไป อีกอย่างเราอยู่ภูธรอย่างนี้ควรถ้อยทีถ้อยอาศัยกันครับ ลองเจรจาดูอีกที หาผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยเจรจาด้วยน่าจะดีครับ
การฟ้องศาลขอให้เป็นขั้นตอนสุดท้ายจริง ๆ ดีกว่าครับ
การฟ้องศาล(ปกครอง)ต้องเป็นขั้นตอนสุดท้ายจริงๆอยู่แล้วครับ ถ้านายทะเบียนฯไม่อนุญาตก็ต้องมีคำสั่งไม่อนุญาตเป็นหนังสือมา
ซึ่งต้องระบุข้อเท็จจริง ข้อพิจารณาและข้อกฎหมาย ในการประกอบการใช้ดุลยพินิจ
ถ้าเราเห็นว่าประเด็นใดไม่ถูกต้อง ก็ทำเป็นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งไปยังมท.1 โดยยื่นผ่านที่นายทะเบียนฯนั่นแหละครับ
นายทะเบียนฯอาจทบทวนใหม่แล้วสั่งอนุญาตก็ได้ หรือไม่งั้นก็ต้องส่งเรื่องผ่านให้มท.1วินิจฉัย
นายทะเบียนฯบางที่ก็เข้าใจว่า ระเบียบ/คำสั่งกระทรวงมหาดไทยนั้นถูกต้อง-เป็นกฎหมาย
แต่จริงๆแล้วหลายส่วนไม่ชอบด้วยกฎหมายหลักคือตัวพ.ร.บ.ฯเอง หรือบางส่วนก็ผิดหลักการสิทธิพื้นฐานของประชาชน
ดังนั้นฝ่ายกฎหมายของมท.1ก็จะกรองเรื่องนี้อีกที จึงมีไม่กี่กรณีที่จะได้ไปถึงศาลปกครอง
ซึ่งผมเห็นว่าผู้ที่สู้เรื่องอาวุธปืนถึงศาลปกครองก็ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัว แต่มุ่งหวังเพื่อให้มีบรรทัดฐานเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะครับ
กรณีที่จะฟ้องศาลปกครองได้เลย ก็คือเรื่องล่าช้า.....ถ้ามีการดองเรื่อง...ทำเฉยไม่หือไม่อือ....อันนี้ฟ้องปฎิบัติหน้าที่ล่าช้าได้
ตามระเบียบ(ทุกจังหวัดมีระเบียบในต้นร่างเดียวกัน)...นายทะเบียนฯ(ภูมิภาค)ต้องสั่งภายใน 15 วัน (ส่วนนายทะเบียนกทม.ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าภูมิภาค)
ไปถึงอำเภอแล้ว ลองถาม/ลองขอดู "ระเบียบจังหวัด....ว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนเกี่ยวกับงานทะเบียนอาวุธปืน" ดูซีครับ
ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ
ตอนไปยื่นขอกระบอกที่สอง เขียนในช่องที่เขาถามว่า.....ท่านเคยมีอาวุธปืนมาก่อนหรือไม่........เขามีให้เลือกสองข้อครับระหว่าง มี หรือ ไม่มี.....
ผมเลือกเขียนไปว่า ไม่เคยมี ณ ตอนนี้ก็ได้มาเรียบร้อยแล้วครับ
ด้วยความเคารพครับ
ขอเตือนว่ารอดมาได้ดีแล้ว....อย่าทำอีก......เป็นการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน...มีความผิดทางอาญา
แถมการอนุญาตที่ได้รับมาแล้วนั้น....อาจถูกเพิกถอนก็ได้
ผมไม่โกหก....เพราะคนโกหกต้องจำว่าโกหกอะไรไว้บ้าง ยิ่งโกหกมากยิ่งเปลืองสมองต้องจำมาก.....สมองผมมีน้อย
ส่วนผบ.ทบ. ผมก็ไม่โกหก.........ใช้วิธีบอกไม่หมดแทน....