โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2548 13:28 น.
ราคาน้ำมันดิบโลกเมื่อคืนนี้พุ่งสูงสุดอีกครั้งในรอบ 3 เดือน แตะ 51.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดราคามีสิทธิขึ้นต่อเนื่อง หลังดอลลาร์ยังระทวย แถมอากาศหนาวเยือนยุโรป-ลุงแซมอีกรอบ ขณะที่ยังมีความวุ่นวายในหลายส่วนของโลก แถมเฮดจ์ ฟันด์ (Hedge Funds) ผสมโรง ดันราคาน้ำมันพุ่งต่อ แถมประเทศไทยปรับราคาขึ้นทั้งดีเซล-เบนซินไปแล้ว ขณะที่ หมอมิ้ง น.พ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีพลังงาน เผยเตรียมปรับลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มในไทยอีก พ.ค.
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ (NYMEX) ที่นิวยอร์ก งวดส่งมอบ มี.ค. ปรับตัวขึ้นถึง 2.80 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 51.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อคืนนี้ (ตามเวลาในไทย) เป็นผลจากดอลลาร์มะกันอ่อนค่าลงเทียบเงินสกุลหลักอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยูโร หรือเงินเยน รวมทั้งอากาศหนาวเย็นลง ทั้งในยุโรปและอเมริกา
ขณะที่ในประเทศไทย ปตท. (PTT) ปรับราคาน้ำมันเบนซินขายปลีกหน้าปั๊มวันนี้ (23 ก.พ.) อีกลิตรละ 40 สตางค์ หลังปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นพรวดเดียวลิตรละ 60 ส.ค. วันอังคาร ตามคำสั่งของรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน น.พ. พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ย้ำวันนี้ ว่าจะไม่ลอยตัวน้ำมันดีเซลแน่
แต่เขากล่าวว่าจะปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มในไทย พ.ค. นี้ หลังจากราคามีแนวโน้มลดลง
ยังเป็นไปได้ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบโอเปก (OPEC) อาจลดกำลังผลิตน้ำมันต่อวัน แม้ประธานโอเปกให้คำมั่น ว่าจะยังไม่มีการลดกำลังผลิตเดือนหน้า นอกจากนี้ เหตุการณ์รุนแรงในอิรัก และความวุ่นวายแรงงานในไนจีเรีย เป็นปัจจัยจะส่งผลราคาน้ำมันดิบตลาดโลกขยับตัวสูงขึ้นด้วย
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันเคยขึ้นสูงสุดถึง 51.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์คาดราคาน้ำมันดิบจะยังคงสูงต่อไป เนื่องจากกลุ่มโอเปก และประเทศผู้นำเศรษฐกิจต่างๆ คาดราคาน้ำมันที่สูงเกิน 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างที่กำลังวิตกกังวลกัน
ตายๆสถานเดียวประชาชนตาดำๆๆรายรับเท่าเดินและบางรายลดลงแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น
ยังไงเราก็ไปทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกะราคาน้ำมันและกาซหุงต้มเรามาเน้นประหยัดกันดีกว่านะคับ