เล่ามาเลยครับท่านพี่ 51 และพี่เต๋าบางเขน หรือท่านอื่นๆ ก็ได้
อยากรู้ประวัติความครับ
เอาแบบย่อๆ แล้วกันนะครับ ก่อน 4 โมง
จอน์ห เอ็ม บราวนิง แท้จริงแล้ว ก็เป็นนักออกแบบปืน คนหนึ่งนี่เอง ไม่ได้เริ่มต้น มีกิจกรรมใหญ่โตอะไรมากมายเลยครับ ....เห็นว่าที่บ้าน มีธุรกิจครอบครัว ขายจักรยาน หรือของชำ ทั่วไปแหละครับ เขาเป็นชาว ยูเอสเอ โดยกำเนิดครับ ไม่ใช่เป็นชาวยุโรปแม้สักนิด
ชีวิตของเขา ก็ชอบออกแบบกลไกปืน ออกแบบปืน เป็นอาชีพนักออกแบบปืนทั่วไป
พอคิดแบบอะไรได้ ก็หอบพิมพ์เขียว วิ่งโร่ ไปขายให้โรงงานอาวุธใหญ่ ๆ ในขณะนั้น
เช่น วินเชสเตอร์ อะไรทำนองนั้น .....
....มีอยู่ครั้งหนึ่ง จอน์หฯ ออกแบบปืนลูกซองอัจฉริยะ เป็นปืนลูกซองออโต้ที่ออกแบบใช้แก็ส มาบริหารกลไกการสลัดปลอก การบรรจุ สามารถยิงได้แบบเซมิออโต
....อุตส่าห์หอบเอาแบบพิมพ์เขียวไปขายให้วินเชสเตอร์ ....แต่กลับถูกปฏิเสธ
.....จอน์หฯ น้อยใจมาก หอบแบบพิมพ์เขียว เดินทางข้ามแอตแลนติก ไปสู่ยุโรป
เบลเยี่ยม ณ ที่นั้น จอนห์ ได้รับการต้อนรับจากเบลเยี่ยม ราวกับพระราชาแห่งโลกอาวุธปืนเลยทีเดียว แล้วก็ที่บริษัท เอฟเอ็น นี่แหละ จอนห์ฯได้ขายแบบพิมพ์เขียว ลูกซองออโต ให้ไว้ และผลิตที่นี่ ข้ามกลับไปขายในสหรัฐ เล่นเอาวินเชสเตอร์ ตกใจไปเลย
....และก็ที่เบลเยี่ยมนี่แหละ เขาเป็นฝรั่งยุโรป เขาให้เกียรติผู้ออกแบบเสมอ
แม้บริษัท จะเป็นเอฟเอ็น แต่เขาก็ตั้งชื่อปืนที่ออกแบบโดยจอนห์ว่า บราวน์นิง เสมอๆ
เช่นมี ปืนออโต นกในอยู่รุ่นหนึ่ง ขนาด.32 ออโต ผลิตในราว 1908 ออกแบบโดยจอน์หฯ
ผลิตขายในสหรัฐ ประทับตราโคลท์ ผลิตขายในยุโรป ประทับตรา เอฟเอ็น หน้าตาเหมือนกันยังกับแพะ กับแพะ ก็จอน์หฯนั่นแหละ เป็นคนออกแบบ
...มาเข้าเรื่อง เอฟเอ็น พี 35
ชื่อก็บอกว่า พี่ 35 ก็แสดงว่า ออกตัวประมาณ 1935 แต่เริ่มออกแบบกันเมื่อไหร่ จำไม่ได้
รู้แต่ว่า ปืนยังไม่ทันเป็นกระบอกเลย จอน์หฯ ไม่ทันได้เห็นปืนของตน ตายเสียก่อนครับ
.....มรดก ตกทอด จากเอ็ม 1911 ซึ่งเป็นการยืนยันประวัติศาสตร์ตรงนี้ ว่า
1911 และ พี 35 เป็นพี่น้อง คลานตามกันมาคือ
1.ขอรั้งปลอกกระสุน ที่สอดจากทางด้านหลัง เป็นแนวคิดของจอน์หฯ
2.ปุ่มปลดแม็กกาซีน มีขั้นตอนการออกแบบ เหมือนกันทุกประการ
พอผลิตได้ในปี 1935 ก็จำไม่ได้แล้วว่าขายประเทศไหนบ้าง แต่ก็น่าจะขายประเทศเบล
เยี่ยมนั่นแหละ เพราะเป็นปืนออโต ที่น่าสนใจที่สุดในยุคนั้น
1911 ใส่ได้แค่ 7-8 นัด พาราเบลลั่ม ใส่ได้แค่ ไม่เกิน 10 นัด เมาเซอร์ ก็ได้ไม่มากนัก(จำไม่ได้ ) แถมไม่มีแม็กกาซีน นอกตัวอีก
แต่ พี 35 ใส่ลูกได้ตั้ง 13-14 นัด ก็ถือว่าทันสมัยที่สุดแล้ว ครับ
พอมาถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาบอกว่าเยอรมันบุกเบลเยี่ยมด้วย ยึดโรงงาน เอฟเอ็น แล้วผลิต ปืน พี35 ตีตรา อินทรีย์เหล็ก ตราอินทรีย์เหล็ก สวยมาก แต่เขาว่า งานหยาบ สไตล์ปืนทหาร
พวกวิศวะกร เอฟเอ็น หนีกองทัพนาซี ไปแคนาดา ก็หอบเอาแบบปืนไปด้วย
ก็ไปผลิตที่แคนาดา ส่งขายชาวบ้านทั่วโลก ทำสงครามในช่วงนั้นได้อีก
ที่แน่แน่ ผลิตส่งมาขาย ขุนศึกอัจฉริยะ จอมพลเจียงไขเช็ค แห่งจีนแผ่นดินใหญ่
ก่อนที่จะถูกท่านประธาน เหมา เจ๋อ ตง ไล่ตกทะเล ไปอยู่เกาะฟอโมซา (ไต้หวัน)
ในเมืองไทย แถวดอยแม่สลอง กองพล 93 นำโดย นายพล ต้วน ซี เหวิน เป็นทหารของเจียง ไข เช็ค ในมลฑล ทางด้านล่าง ของจีน หนี กองทัพแดง ของเหมา เจ๋อ ตง เข้ามาที่แม่สลอง เชียงราย ก็หอบหิ้วเอา พี 35 ที่มีศูนย์หลังปรับได้แบบปืนไรเฟิล เข้ามาจำนวนมากเลย เคยไปเที่ยวเชียงราย แล้วไปขอตำรวจเขาดู เป็นปืนจากบนดอยแม่สลอง เอามาขึ้นทะเบียน ปี 18 แล้วตกทอดมาถึงตำรวจ นายนี้
ที่ อาร์เจนตินา ก็มี พี 35 เหมือนกัน หน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ เลยไม่รู้ว่า สืบทอดไปตอนไหน
ต่อมาช่วง ปี 1960 ฝรั่ง อังกฤษ เริ่มรับผลกรรมที่ก่อไว้ ในช่วงไปล่าอาณานิคม แล้วเอาคนต่างชาติไปอยู่ในอังกฤษ การก่อการร้าย เริ่มแพร่ขยาย เข้าไปในชุมชน
ไอ้ที่เขาเรียกว่า หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ก็เกิดขึ้น
อังกฤษ เป็นเจ้าแรกๆ ที่เปิดตัวในโลก ของการต่อต้านการก่อการร้าย
ภาพที่ ชุดปฏิบัติการ ใส่หน้ากาก กันแก็ส มือหนึ่งถือ แก็สน้ำตา อีกมือหนึ่งกำ พี 35 ไว้ในมือ เป็นภาพที่ถูกอก ถูกใจ หน่วยรบพิเศษ หลายหน่วย ที่จะเลียนแบบเอาไว้ในกิจการประเทศของตน
ที่แน่ๆ ทอ.ของเราก็ไปเอาแบบเขามาด้วยแหละ (บอกได้แค่นี้)
หน่วยพยัคฆ์บิน (สวาท) ของฮ่องกง ก็ใช้เป็นปืนพกหลักในหน่วย เช่นกัน
เรื่องปฏิบัติการ ........มักจะผ่านกับลูกจริง เป็นหลัก เพราะเขาออกแบบมาใช้งาน
ลูกซ้อม ผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง ไม่ต้องไปสนใจ เพราะปืนใช้งาน ไม่ใช่ ปืนแข่ง