คือแบบว่า
เบื้องหลังว่าทำไมเขาจึงไปทำงานในเรือ
ฉากชีวิตสองตังเกที่ราบสูง โดดทะเลหนีตายเรือนรก !
เพราะแรงบีบคั้นชนิดใดที่เป็นสาเหตุให้สองตังเกจากที่ราบสูง ตัดสินใจกระโดดทะเลหนีไปตายเอาดาบหน้า ความทุกข์ยากทุรเข็ญเฉกเช่นละครชีวิตฉากสำคัญ คือคำตอบของพวกเขา !?!
ชีวิตลูกเรือประมง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเล ว่ายากแค้นลำเค็ญแล้ว ชีวิตของคนที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นตังเกยิ่งแสนทุรเข็ญยิ่งกว่า
สายวันที่ 20 ธันวาคม 2549 ร.อ.สมศักดิ์ สิโยแก้ว ผู้บังคับเรือตรวจการณ์ หมายเลข 29 กองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ นำเรือออกลาดตระเวนในน่านน้ำอ่าวไทย ท่ามกลางคลื่นลมค่อนข้างแรง จู่ๆ ก็พบเห็นสิ่งผิดปกติบนผิวน้ำ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นมนุษย์ ร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อบังคับเรือไปใกล้ๆ จึงเริ่มมั่นใจขึ้นเป็นลำดับ
ชาย 2 คน คนหนึ่งสูงวัย ผิวกร้านแดดจนคล้ำ ร่างสูงโปร่ง แต่ก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่สวมเสื้อ อีกคนสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน เกาะประคองแกลลอนน้ำมันขนาด 30 ลิตรแนบอก ผลุบโผล่ขึ้นลงตามระลอกคลื่น ปฏิบัติการกู้ชีวิตสองตังเกจึงเริ่มขึ้นทันที ลูกประดู่โยนห่วงชูชีพที่ติดประจำอยู่กับเรือลาดตระเวนให้ทั้งสองยึดเหนี่ยว ก่อนจะลากขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือได้เป็นผลสำเร็จในชั่วเวลาอันสั้น !!!
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สองตังเกพร่ำขอบคุณทหารเรือผู้เปรียบเสมือนชุบชีวิตใหม่ให้พวกเขา ทั้งสองได้รับอาหาร น้ำดื่ม และเปลื่อนเครื่องแต่งตัว จนรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยแล้ว จึงบอก ร.อ.สมศักดิ์ ว่า ยังมีเพื่อนอีกหนึ่งคนลอยคออยู่กลางทะเล แต่ไม่รู้ว่าถูกคลื่นซัดหายไปไหน ร.อ.สมศักดิ์ จึงรายงานให้ น.อ.รัษฏางค์ ธีรเนตร ผอ.กองยุทธการ ก่อนจะรายงานต่อไปยัง พล.ร.ท.จำนงค์ กิตติพีรชล ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ
เรือตรวจการณ์ หมายเลข 219 ได้รับคำสั่งให้ไปรับตัวสองตังเกเข้าฝั่ง ส่วนเรือตรวจการณ์ หมายเลข 29 ออกปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีกหนึ่งชีวิตที่ยังไม่ทราบชะตากรรม
และแล้วที่มาที่ไปของชีวิตทั้งสองก็ถูกเล่าให้ทหารเรือลูกประดู่ฟัง ยุน เหมือนรักษ์ มาจาก อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ส่วน คำพัน วงค์ดวงตา มาจาก อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ส่วนเพื่อนอีกคนที่สูญหายชื่ออะไรไม่ทราบ รู้แต่เพียงเป็นคนมาจาก จ.เลย ทั้งสามมีชะตากรรมร่วมกันบนเรือประมงลำหนึ่ง ที่ออกทะเลมานานกว่า 4 เดือน โดยไม่ได้กลับขึ้นฝั่ง ตรงกันข้ามชีวิตบนเรือกลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ
"คม ชัด ลึก" มีโอกาสได้พูดคุยกับตังเกทั้งสอง แล้วฉากชีวิตบนเรือนรกก็พรั่งพรูออกจากปากของทั้งสอง !!!
เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ยุนขึ้นรถไฟสายอีสานมุ่งหน้าเข้า กทม.ตั้งใจว่าจะทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) หาเงินส่งให้ลูกๆ ที่สุรินทร์ บังเอิญได้พบกับนายหน้าจัดหางานในสถานีรถไฟหัวลำโพง แนะนำให้ไปเป็น รปภ.โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ได้เงินเดือนเกือบหมื่นบาท เขาตัดสินใจรับข้อเสนอทันที
ไม่นาน ยุนก็ถูกส่งไปที่บ้านหลังใหญ่ในมหาชัย แต่ไม่ได้ทำงานเป็น รปภ.อย่างที่ตั้งใจไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นเขาถูกพาไปที่ท่าเทียบเรือ ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่า มันคือที่ไหน ที่นั่นเขาถูกบังคับให้แกะปลาลงกระชัง
ยุนถูกทารุณครั้งแรกก็ที่นี่เอง ครั้งใดก็ตามที่ทำงานได้ไม่ดี เพราะความไม่คุ้นชินกับงานที่ทำ จะถูกหัวหน้าคนงานชาวพม่าใช้ไม้ตีที่มือและนิ้ว เจ็บปวดอย่างทารุณ ไม่นานนักเขาก็ถูกบังคับให้ลงเรือประมงออกทะเลหาปลาในอ่าวไทย บนเรือเขาได้พบกับลูกเรือประมงหลากหลายชาติ ทั้งคนไทยและคนต่างด้าว โดยเฉพาะคนพม่าและเขมรดูจะมีสัดส่วนมากเป็นพิเศษ
ชีวิตบนเรือเต็มไปด้วยความแออัดยัดเยียด แต่นั่นไม่สำคัญ ในเมื่อเขาและคนงานไทยอีกหลายคนถูกบังคับให้ทำงานตลอดเวลา ทั้งกลางวัน กลางคืน ไม่ว่าคืนเดือนมืดหรือคืนเดือนหงาย ไม่มีวันหยุด อย่างดีก็ได้นอนพักไม่ถึง 4 ชั่วโมง ก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานต่อ หากเถียงหรือขัดขืนจะถูกหัวหน้าคนงานทุบตี
หรือถ้าเถียงมากๆ เข้า บทลงโทษที่ดูจะศักดิ์สิทธิ์เหนือสิ่งอื่นใดคือ การจับมัดมือ มัดเท้า และมัดปาก พร้อมกับคำขู่ที่แม้ไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้ว่า หัวหน้าคนงานสามารถทำได้จริงๆ นั่นก็คือ การจับโยนลงทะเลทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการ !!!
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์ล่วงเข้าสู่ขวบเดือน 2 เดือน 3 เดือน และ 4 เดือน ยุน กับ คำพัน และเพื่อนตังเกไทยอีกหลายชีวิต ไม่ได้กลับขึ้นฝั่งแม้แต่ครั้งเดียว อย่าว่าแต่ขึ้นฝั่งเลย แม้แต่เห็นยังไม่ได้เห็น ทุกครั้งที่ได้ของทะเลครบ หัวหน้าคนงานชาวพม่าจะเกณฑ์ลูกเรือไทยไปฝากไว้กับเรือประมงอีกลำหนึ่ง เพื่อนำของทะเลที่หาได้กลับขึ้นฝั่ง จากนั้นจึงกลับมารับเขาและเพื่อนๆ มาประจำอยู่บนเรือตามเดิม
เงินเดือนที่นายหน้าหางานรับปากว่าจะได้เหยียบหมื่นบาท มาบัดนี้พวกเขาไม่เคยได้หยิบจับเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว ยามใดที่เรือลำอื่นนำของมาขาย อยากกิน หรืออยากได้อะไร หัวหน้าคนงานจะบอกให้ซื้อได้คนละ 500 บาท และต้องซื้อให้หมด แต่ก็จนใจเมื่อพวกเขาไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว
จากความทุกข์ยากแสนเข็ญ บวกกับความกดดันอัดอั้น ยุนถวิลหาลูกชายกับลูกสาวเป็นทวีคูณ !!!
"ทำไมชีวิตมันรันทดอย่างนี้ ผมคิดถึงลูกมาก" ยุน รำพึงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เหมือนห้วงฝันร้าย
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ยุนเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ เขามีความคิดที่จะกระโดดทะเลไปตายเอาดาบหน้าหลายครั้ง แต่ก็กลัวว่าจะหนีไม่พ้น แล้วถูกหัวหน้าคนงานชาวพม่าฆ่าตาย ด้วยไม่รู้ว่าจุดที่เรือลอยลำอยู่นั้นห่างไกลจากฝั่งเท่าไร อยู่ตรงไหน เพราะหลายครั้งมาแล้วที่มีคนต่อปากต่อคำ หัวหน้าคนงานชาวพม่าจะทำร้ายจนสลบ ก่อนจับโยนลงทะเล
แล้วโอกาสก็มาถึงในคืนวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระหว่างที่หัวหน้าคนงานและแรงงานต่างด้าวดื่มเหล้า ยุน คำพัน และเพื่อนจาก จ.เลย ฉวยแกลลอนน้ำมันขนาด 30 ลิตร มาซ่อนไว้ เป็นจังหวะเดียวกับหัวหน้าคนงานคนเดิมเดินผ่านมา เห็นลูกเรือประมงไทยไม่ทำงาน จึงจับหนึ่งในนั้นมัดมือมัดปากไว้กับเสาเรือ ก่อนจะปลีกตัวไปหลับนอนด้วยความเมามาย เปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนีออกมาจากเรือนรก
แม้จะมีตังเกไทยบนเรือหลายคน แต่ก็มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ตัดสินใจหนีไปตายเอาดาบหน้า ยุนบอกว่า ระหว่างที่ลอยคออยู่กลางทะเล ทั้งหนาว ทั้งหิว ตื่นขึ้นมาทีไรเห็นแต่ทะเล คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ไม่เห็นฝั่ง ผ่านไป 10 ชั่วโมง กระทั่งรุ่งเช้าขณะที่ความหวังริบหรี่ ก็เห็นเรือลาดตระเวนของกองทัพเรือผ่านมา
ยุน กับ คำพัน บอกว่า เขาดีใจมาก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ พยายามกระโดดลอยตัวส่งสัญญาณให้ทหารเรือเห็นได้ชัดๆ และก็เป็นผล
ส่วนเพื่อนอีกคนอาจจะไม่โชคดีเหมือนเขาทั้งสอง !?!?
http://www.komchadluek.net/2006/12/scoop/p001_76595.php?news_id=76595ขอบคุณครับ