ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:17:46 AM » |
|
เนื่องจากอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 26 ธันวาคม ครบรอบ 2 ปี ของเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยที่เคยมีมา นั่นคือเหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้ของเรา ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินมากมายมหาศาล ชนิดที่คนไทยอย่างผม ไม่เคยนึกฝันว่าจะได้มีโอกาสพบเห็น และร่วมเป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์เศร้าสลดครั้งนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ และเป็นการย้ำเตือนให้พวกเราระมัดระวัง ใช้ชีวิตดำรงอยู่บนความไม่ประมาท รู้จักเคารพยำเกรงให้กับธรรมชาติ ผมขออนุญาตนำเอาเรื่องราวที่ผมได้มีประสพการณ์ครั้งเป็นอาสาสมัครหลังจากเหตุการณ์สึนามินั้นมาเล่าให้ฟังกันครับ สำหรับผู้ที่ต้องการชมภาพประกอบสามารถไปชมได้ที่ http://www.bladereview.com/forums/index.php?topic=342.0ขอบคุณเวปอาวุธปืนมากๆ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:18:44 AM » |
|
อาสาเก็บศพ วัดบางม่วง
วัดบางม่วงวันนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก การจราจรบนถนนสายหลักหน้าวัดติดขัดไปด้วยยานพาหนะมากมาย รถบรรทุกหกล้อคันหนึ่งเคลื่อนที่ฝ่ารถและฝูงชนมุ่งหน้าสู่ลานกว้างด้านข้างวัด ทันทีที่รถจอดสนิทกลุ่มของผมและเพื่อนอาสาสมัครอีก 5-6 คน ก็รีบเข้าไปรวมตัวกันที่บริเวณท้ายรถ เพื่อลำเลียงห่อผ้าสีขาวซึ่งถูกขนมาจำนวนมากมายไม่ต่ำกว่า 40 ห่อลงจากรถ แล้วนำไปรวมกันกับห่อที่วางเรียงรายอยู่ก่อนหน้านี้แล้วนับพันห่อ ห่อผ้าแต่ละห่อมีน้ำหนักเยอะต้องใช้คนยกไม่ต่ำกว่า 4 คน ห่อผ้าสีขาวถูกจัดวางเรียงแบ่งตามโซนพื้นที่ที่พบ บางเนียง แหลมปะการัง บางสัก เขาหลัก บ้านน้ำเค็ม ฯลฯ คือชื่อของสถานที่ที่ถูกเขียนด้วยปากกาเมจิกลงบนห่อผ้าขาว บางห่อก็ระบุเพศ และรูปพรรณสันฐานไว้ด้วย สิ่งที่อยู่ในห่อผ้าสีขาวมากมายเหล่านี้คือร่างไร้ชีวิตของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ธรณีภิบัติคลื่นสึนามินั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:19:30 AM » |
|
ประกาศรับอาสาสมัคร หลังจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่มภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามันในช่วงสายของวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ก่อให้เกิดความสูญเสียมากมายกว่าที่จะประเมินค่าได้ หลายพันชีวิตต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และอีกหลายพันชีวิตยังคงสูญหาย ทรัพย์สินบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ทพังทลายไปพร้อมกับธุรกิจการท่องเที่ยวที่ต้องใช้เวลายาวนานในการฟื้นฟู ภัยพิบัติครั้งนี้นับได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จำต้องจารึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย และประวัติศาสตร์โลก หน่วยงานทั้งของรัฐ และเอกชนต่างก็ร่วมใจกันส่งความช่วยเหลือมากมายทั้งสิ่งของอุปโภค บริโภค ทรัพย์สิน และกำลังคนต่างก็รวมใจมุ่งหน้าลงสู่ 6 จังหวัดภาคใต้พื้นที่ประสบภัย ข่าวประชาสัมพันธ์ประกาศรับอาสาสมัครสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามสื่อต่างๆ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิ และเหล่าอาสากู้ภัยของมูลนิธิต่างๆ มากมายหลายชีวิต ร่วมแรงร่วมใจเดินทางลงไปช่วยเหลือตามพื้นที่ประสบภัยแล้วก็ตาม แต่ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีมากมาย ทำให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ศพมีไม่เพียงพอ ต้องมีการประกาศรับอาสาสมัครคนเก็บศพเพิ่มเติมแม้กระทั่งจากผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับร่างไร้ชีวิตมาก่อนก็ตาม
เช้าวันที่ 29 มกราคม หลังจากติดตามรับฟังข่าวเหตุการณ์มาตลอด 4 วัน ผมตัดสินใจโทรไปที่ 1677 เพื่อแสดงความจำนงค์ต้องการร่วมเป็นหนึ่งในอาสาสมัครของรายการร่วมด้วยช่วยกัน ที่จะเดินทางลงใต้เพื่อทำหน้าที่เก็บกู้ศพ ผมต้องใช้ความพยายามต่อสายอยู่ร่วม 20 นาที จึงได้คุยกับเจ้าหน้าที่ซึ่งสอบถามว่าผมมีทักษะความรู้ด้านปฐมพยาบาลหรือไม่ พร้อมกับเตือนว่างานหนักต้องสมบุกสมบันคิดว่าจะทำได้ไหม ผมตอบรับแบบไม่ต้องคิดมาก วินาทีนี้ความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชาติเป็นสิ่งจำเป็น และผมเองก็อยากลงไปให้เห็นกับตาว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะมากมายมหาศาลขนาดไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:20:30 AM » |
|
อาสาสมัครไร้ประสบการณ์ 21.30 น. เหล่าอาสาสมัคร 134 ชีวิต ที่ได้รับข่าวสารจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางวิทยุ เว็บไซท์ หรือบอกต่อกันปากต่อปาก ต่างก็มารวมตัวกันที่เคาน์เตอร์ของสายการบินนกแอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อนัดแนะเตรียมตัวออกเดินทางสู่จังหวัดภูเก็ตโดยเที่ยวบินพิเศษของสายการบินนกแอร์ ที่เสียสละรับหน้าที่นำส่งอาสาสมัคร และรับผู้ประสบภัยกลับจากภูเก็ตโดยไม่คิดมูลค่าถือเป็นอีกน้ำใจที่ชาวไทยมอบให้กัน ในหมู่อาสาสมัครที่มารวมตัวกันนั้นมีส่วนหนึ่งที่เป็นอาสากู้ภัยมีสังกัดจากมูลนิธิต่างๆ เป็นผู้มีประสบการณ์กู้ภัย และทำงานกับร่างผู้สียชีวิตมาบ้างแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งที่มีจำนวนมากกว่าเป็นแค่เพียงคนธรรมดาผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ดังกล่าว พวกเขามีอาชีพที่หลากหลายแตกต่างกันไป บ้างเป็นนักศึกษา บ้างก็เป็นพนักงานบริษัท บ้างเป็นเจ้าของร้านค้า เจ้าของกิจการ เพื่อนใหม่ในกลุ่มอาสาสมัครของผมคนหนึ่งเป็นผู้จัดการสนามแข่งรถ ส่วนอีกคนเป็นเจ้าของร้านขายกาซหุงต้ม คนพวกนี้เดินทางมารวมตัวกันด้วยใจที่อยากช่วยเหลือ มาเพราะรู้สึกอึดอัดที่ได้แต่เฝ้าดูและฟังข่าวอยู่ที่บ้าน พวกเขาคิดว่าควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อแบ่งเบาความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติ พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมเป็นอาสาสมัครเดินทางลงพื้นที่ประสบภัย บ้างไปเป็นล่าม บ้างไปเป็นแม่ครัว เป็นหมอและพยาบาล แต่อีกส่วนหนึ่งที่มีผมนับรวมอยู่ด้วย เราอาสาที่จะไปใช้แรงงานทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย และไม่คาดคิดว่าในชีวิตนี้จะได้ทำ พวกเราสมัครใจไปเป็นอาสาสมัครคนเก็บศพ
เที่ยวบินที่ DD800 ของสายการบินนกแอร์ ลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตในเวลาเกือบ 2 นาฬิกา ของวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม จากสนามบินพวกเราเดินทางเข้าพักเอาแรงกันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กว่าจะเก็บของได้หลับพักผ่อนก็ตี 3 มีเวลานอนแค่ 3 ชั่วโมง ก่อนที่ต้องรีบตื่นเพื่ออาบน้ำอาบท่าทำธุระส่วนตัวกันให้เรียบร้อย ข้าวของติดตัวทุกอย่างต้องขนไปด้วยเพราะคืนนี้เรายังไม่รู้ว่าจะได้ไปนอนค้างกันที่ไหน รถบัสพาเราออกเดินทางจากเมืองภูเก็ตมุ่งหน้าสู่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จุดที่นับได้ว่ามีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศไทย บรรยากาศตัวเมืองภูเก็ตในวันนี้ดูเงียบสงบแตกต่างไปจากที่เคย แต่ก็ไม่มีร่องรอยความเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิให้เราได้พบเห็น จนกระทั่งเมื่อรถบัสเคลื่อนผ่านสะพานสารสินวิ่งเรียบแนวชายฝั่งทะเลอันดามัน ความเสียหายก็เริ่มประจักษ์แก่สายตาของพวกเรา โดยเฉพาะที่บริเวณเขาหลักจังหวัดพังงา สามารถพบเห็นเศษทรากสิ่งก่อสร้างกองทับถมพังพินาศจนยากจะจินตนาการถึงสภาพก่อนเกิดเหตุ รถยนต์พลิกตะแคงคว่ำมีให้พบเห็นอยู่ทั่วไป รถบางคันโดนแรงน้ำอัดจนบุบเละไม่มีชิ้นดี บางคันเสียบติดอยู่บนอาคารสูง สองข้างทางของถนนเพชรเกษมที่พวกเราเดินทางผ่านเสียหายพังพินาศราบเป็นหน้ากลองด้วยฤทธิ์ของกระแสน้ำจากคลื่นสึนามิ ที่กินอาณาเขตบริเวณจากชายฝั่งเข้ามาลึกเกือบ 1 กิโลเมตร แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราเห็นในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความสูญเสียทางทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และทัศนียภาพเท่านั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:21:20 AM » |
|
กลิ่นศพจากวัดบางม่วง พวกเรามาถึงศาลาว่าการอำเภอตะกั่วป่าก็เกือบเที่ยงวัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาการทำงานมากไปกว่านี้ เราจึงรีบทานอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็แบ่งกลุ่มออกเป็น 2 ชุด รีบเดินทางลงพื้นที่ปฎิบัติงาน กลุ่มหนึ่งไปยังวัดย่านยาวที่หมอพรทิพย์ประจำอยู่ อีกกลุ่มที่มีผมรวมอยู่ด้วยเดินทางย้อนเส้นทางทางไปเขาหลักไปยังวัดบางม่วงที่อยู่หากออกไป 7 กิโลเมตร สิ่งแรกที่ทำให้เรารู้ว่าใกล้ถึงวัดบางม่วงก็คือกลิ่นศพที่รุนแรง สามารถได้กลิ่นชัดเจนทั้งๆ ที่ยังอยู่ห่างจากวัดเกือบ 1 กิโลเมตร พวกเราต้องรีบหยิบผ้าคาดจมูกที่ได้รับแจกไว้ก่อนหน้านี้มาคาดป้องกันกลิ่นที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนถึงกับคาดผ้าทับ 2 ชั้น บางคนที่ใช้พิมเสนน้ำทาผ้าคาดจมูกเพื่อกลบกลิ่นเหม็น สัมผัสทางจมูกนั้นยังพอปิดป้องบรรเทาได้บ้าง แต่สัมผัสทางสายตาสิ่งที่ผมเห็นในขณะนี้มันเกิดคาดมากมายกว่าที่คิดไว้นัก เมื่อเข้ามาภายในวัดภาพเบื้องหน้าของพวกเราคือร่างไร้วิญญาณของผู้เสียชีวิต ถูกจัดวางเรียงรายมากมายเต็มพื้นที่ของลานวัดบางม่วง ประมาณด้วยสายตามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งพันศพ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ ชาวไทย ชาวต่างชาติ ทั้งหญิงและชาย นอนเรียงรายเกลื่อนกลาดดูน่าสลดใจยิ่งนัก ถึงแม้จะทำใจมาบ้างแล้ว เพราะเฝ้าติดตามคอยชมภาพข่าวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ได้เห็นอยู่เบื้องหน้าขณะนี้มันเกินกว่าที่เราคาดหมายไว้มากมาย พวกเราชาวอาสาเริ่มออกอาการหน้าเสีย หลายคนต้องเบือนหน้าหนี อาสาสมัครหญิงบางถึงกับคนต้องแอบเลี่ยงออกไปอาเจียรเพราะภาพและกลิ่นที่ได้สัมผัส
นับตั้งแต่วินาทีที่ผมและเพื่อนๆ เดินทางเข้ามาภายในอาณาเขตรั้วของวัดบางม่วงแห่งนี้ ชีวิตของเราก็เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิงไม่มีวันเหมือนเดิมอีก ใครจะนึกว่าที่นี่คือประเทศไทยประเทศที่แสนสงบสุข ไร้ซึ่งไฟสงคราม และภัยพิบัติธรรมชาติร้ายแรงคร่าชีวิตผู้คน บัดนี้สิ่งต่างๆ ที่เคยอยู่ไกลตัว ที่เคยเป็นเพียงแค่ข่าวต่างประเทศที่เราได้ชมก็หดหู่สลดใจ กลับกลายไม่ใช่เพียงเรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันเป็นความสูญเสียของพี่น้องชาวไทยเพื่อนร่วมชาติ มันใกล้ตัวซะจนต้องร่วมมือช่วยเหลือกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งผมและเพื่อนๆ อาสาสมัครอีกหลายคน เราเลือกที่จะช่วยเพื่อนร่วมชาติของเรา ด้วยการทำงานกับศพ
ด้วยลักษณะการทำงานที่ต้องสัมผัส และอยู่ใกล้ชิดกับร่างผู้เสียชีวิตที่เริ่มจะเน่าเสีย พื้นที่ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค สิ่งจำเป็นที่พวกเราต้องมีใช้สวมใส่ป้องกันตัวเบื้องต้นนอกจากผ้าคาดจมูกที่ป้องกันกลิ่น ก็ต้องมีการสวมถุงมือยาง รองเท้าบู้ท และต้องแต่งกายอย่างรัดกุม ที่จริงแล้วการทำงานในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และโรคระบาดเช่นนี้ พวกเราควรที่จะต้องใส่หมวกคลุม ชุดคลุมร่างกายให้มิดชิดด้วย แต่เพราะการขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์เฉพาะด้าน อาสาสมัครที่วัดบางม่วงจึงต้องทำงานบนความเสี่ยงต่ออันตรายที่มองไม่เห็นคือเชื้อโรคร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:22:01 AM » |
|
แรงกาย ภารกิจของพวกเราเริ่มต้นขึ้นเมื่อสามารถทำใจ และพยายามปรับตัวให้คุ้นเคยกับกลิ่นศพที่อบอวลอยู่ทั่วไปได้บ้าง เราทำงานร่วมกับอาสาสมัครของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่มีความชำนาญมากกว่า และคอยให้คำแนะนำแก่พวกเรา เริ่มตั้งแต่ขนโลงศพจำนวนมากที่ได้รับบริจาคเข้าที่เก็บ ขนศพลงจากรถกู้ภัย จัดเก็บศพตามพื้นที่ที่พบศพ เคลื่อนย้ายศพที่ได้รับการตรวจจากแพทย์แล้ว รวมทั้งแพ็คศพที่ญาติมารับลงโลงและขนใส่รถมูลนิธิ หรือรถที่ญาติเตรียมมาเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป ตลอดช่วงบ่ายมีศพถูกทยอยกู้เก็บจากที่เกิดเหตุ และขนมาเก็บที่วัดบางม่วงมากมาย ทั้งทางรถกระบะที่สามารถบรรทุกศพได้ประมาณครั้งละ 6-7 ศพ และรถ 6 ล้อที่บรรทุกศพได้ครั้งละมากมายถึง 40 ศพด้วยกัน บางช่วงศพเข้ามาติดๆ กันเยอะมาก จนพวกเราแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงทำงาน ศพบางศพเป็นชาวต่างชาติน้ำหนักมากต้องใช้คนยกถึง 6 คน ศพทั่วๆ ไป ต้องยกกัน 4 คน เป็นงานที่ต้องใช้ทั้งแรงกาย และแรงใจมากมายเหลือเกิน ศพแล้วศพเล่าถูกทยอยขนเข้ามา พื้นที่วางศพเริ่มเพิ่มขยายออกไปทางหน้าวัด จำนวนศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ่นอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว
บริเวณใต้ศาลาด้านในสุดเป็นพื้นที่เก็บศพที่มาถึงในวันแรกที่เกิดเหตุ เนื่องจากผ่านมา 5 วันแล้ว สภาพศพจึงเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเต็มที่ของเสียต่างๆ ทั้งน้ำเหลืองและเลือดเสียไหลออกจากทวารต่างๆ ของร่างกายเจิ่งนองพื้นปูนขัดมันไปทั่ว หนอนแมลงวันนับพันนับหมื่นกำลังทำหน้าที่ตามชั้นสุดท้ายของห่วงโซ่อาหารด้วยการย่อยสลายซากศพ ศพแต่ละศพที่นอนเรียงรายไม่ได้มีการใส่ถุงเก็บอย่างเรียบร้อย มีเพียงแต่ผ้าขาวที่บัดนี้ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำเสียวางรองไว้เท่านั้น ผมและเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูรวม 6 คน ถูกมอบหมายให้ทำการแพ็คเก็บศพ ที่แพทย์ได้ทำการชันสูตรเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ ถ่ายรูป เก็บข้อมูลรูปพรรณสันฐาน เรียบร้อยแล้ว ลงบรรจุในโลงรอญาติมารับ
การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะสภาพศพที่อืดเน่าเต็มที่ พื้นที่ลื่นไปด้วยน้ำเสียทำให้เราต้องค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวัง ศพชาวต่างชาติเมื่อขึ้นอืดแล้วจะมีขนาดใหญ่มากไม่สามารถบรรจุลงในโลงไม้ที่ออกแบบมาสำหรับชาวไทยได้ ต้องใส่ถุงเก็บศพแยกเอาไว้เพื่อรอทางสถานฑูตมารับต่อไป ศพส่วนใหญ่มีผ้าขาวรองไว้สามารถยกที่ผ้าได้ แต่กระนั้นก็มีบ้างที่ต้องสัมผัสที่ศพโดยตรงเพื่อประคอง หรือจัดให้ศพอยู่ในตำแหน่งกลางผ้าขาว ถุงมือยางอาจสามารถป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้ แต่ไม่สามารถปิดกั้นสัมผัสความรู้สึกราวกับว่าได้สัมผัสศพนั้นด้วยมือเปล่าๆ การยกเคลื่อนย้ายศพต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้ผ้าห่อศพ หรือตัวศพเองสะบัดเอาของเสียมาโดนตัว การเคลื่อนไหวต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังเต็มที่ แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่ท่อนแขนในส่วนเหนือถุงมือของผม โดนน้ำเหลืองของศพเข้าอย่างจังหนอนแมลงวันตัวใหญ่ติดมาด้วยเดินกระดึบๆ ผมต้องรีบเขี่ยทิ้งแล้วไปล้างแขนให้สะอาดด้วยสบู่และแอลกอฮอลล์ล้างแผล ก่อนที่จะเปลี่ยนถุงมือผ้าคาดจมูกเข้ามาทำงานต่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:23:01 AM » |
|
แรงใจ การแบกเคลื่อนย้ายศพจำนวนมากนับเป็นงานหนักที่หลายคนไม่เคยเจอ แม้แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิที่ทำงานทางนี้โดยตรงก็ยังไม่เคยทำงานกับศพมากมายเป็นพันแบบนี้ การทำงานที่ต้องใช้แรงงานหนักต่อเนื่อง ในสภาพแวดล้อมที่ยากจะหายใจได้เต็มปอดทำให้พวกเราเหนื่อยล้าเร็วกว่าปกติ ต้องออกมานั่งพักเหนื่อยบ่อยๆ แต่การออกมานอกบริเวณเก็บศพนั้นก็เป็นได้แค่เพียงพักกายเท่านั้น ถึงแม้จะพักสายตาจากภาพศพผู้เสียชีวิต แต่ภาพที่เห็นรอบๆ บริเวณวัดก็สร้างความสะเทือนใจให้ต้องได้เหนื่อยใจกันต่อไปอีก ญาติผู้เสียชีวิตแววตาโศกสลดกำลังตามหาร่างผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ บ้างเป็นคนพื้นที่ที่ประสบภัยโดยตรง บ้างมาจากจังหวัดห่างไกล บ้างก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากต่างประเทศไกลโพ้น ถึงแม้จะโศกเศร้าเพียงไรแต่ทุกคนก็มีความหวัง หวังว่าจะได้เจอญาติ เจอลูก เจอเมีย เจอเพื่อน แม้คนเหล่านั้นอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงร่างไร้ลมหายใจ แต่ขอเพียงให้ได้พบ และพาร่างไร้วิญญาณนั้นกลับบ้าน ทำพิธีบำเพ็ญกุศลตามความเชื่อตามศาสนาของตน นั่นคือความสุขใจเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องกระทำ
ในความเป็นจริงแล้วการที่จะได้เจอร่างของคนที่ตนรัก ในยามนี้นับได้ว่าเป็นต้องใช้ความพยายาม และความอดทนเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ในแต่ละวันมีศพที่เพิ่งได้รับกู้เก็บเดินทางเข้ามาที่วัดเป็นร้อยศพ แต่ในทางกลับกันศพที่ญาติพบ และนำออกไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล กลับมีจำนวนน้อยมากๆ เพียงวันละประมาณ 10 ศพเท่านั้นเอง ปัญหาที่พบคือสภาพใบหน้าของศพที่ตอนนี้ไม่สามารถแยกแยะออกว่าใครเป็นใครได้ การจะระบุตัวบุคคลทำได้เพียงดูเพศ ตำหนิแผลเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่ศพบางศพก็ไม่มีสิ่งใดติดตัวมาเลย แรงธรรมชาติจากคลื่นน้ำมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่นอกจากจะคร่าชีวิตไปแล้ว ยังทำให้เสื้อผ้าเครื่องประดับติดตัวฉีกขาดหายไปอีกด้วย ศพที่ไม่สามารถระบุได้ก็ต้องใช้การตรวจดีเอ็นเอจากเนื้อเยื่อของศพ จากนั้นญาติใกล้ชิด อย่างพ่อ แม่หรือลูกของผู้ตาย ก็ต้องไปตรวจดีเอ็นเอด้วยเพื่อนำมาเปรียบเทียบค้นหากัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ส่วนการตรวจประวัติการทำฟันนั้น ชาวต่างประเทศที่มีการตรวจสุขภาพฟันอยู่เป็นประจำจะได้รับประโยชน์ตรงนี้มากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่รวมอีกหลายศพที่ยังหาไม่พบ ถูกทับถมอยู่ใต้ซากปรักหักพัง หรือติดอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ถึง การที่ญาติจะได้ศพกลับไปจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามการรอคอยอย่างใจเย็น และยังรวมไปถึงเรื่องของโชคอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:23:38 AM » |
|
ทุกข์ของคนที่ยังอยู่ ผมได้มีโอกาสคุยกับป้าคนหนึ่งที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ เพื่อมาค้นหาศพลูกสาวที่เชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว ในวันเกิดเหตุลูกสาวของแกมาเที่ยวกับสามีที่ชายทะเลบริเวณเขาหลัก ตอนเกิดเหตุคลื่นยักษ์ถล่มสามีรอดมาได้แต่ก็บาดเจ็บหนักจนต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า เมื่อติดต่อทางบ้านได้ก็บอกว่าจะไม่ยอมกลับเชียงใหม่ตราบใดที่ยังไม่เจอศพภรรยาที่โดนน้ำพัดพาไป คุณป้าที่เป็นแม่ของผู้สูญหายและลูกสาวอีกคน จึงรีบเดินทางจากเชียงใหม่ลงใต้มาเสาะหาตามวัดต่างๆ ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ 5 วันผ่านไปก็ยังไม่พบศพลูกสาว เงินทองที่เตรียมมาก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ตอนกลางคืนก็ต้องอาศัยนอนที่โรงพยาบาล คุณป้าและลูกสาวมีสีหน้าที่ท้อแท้และเหน็ดเหนื่อย แกบอกว่าไม่รู้จะสามารถพยายามติดตามเสาะหาได้อีกนานแค่ไหน ทุกๆ วันต้องออกเดินทางไปตามวัดต่างๆ นำรูปถ่ายและข้อมูลของลูกสาวไปคุยกับเจ้าหน้าที่ คุยกับหมอชันสูตร ต้องดูศพวันละหลายๆ ราย แต่ก็ยังโชคร้ายไม่พบศพลูกสาวสักที นี่เป็นหนึ่งในหลายครอบครัวที่ต้องเศร้าโศกจากการสูญเสียสมาชิกของครอบครัวผู้เป็นที่รัก และซ้ำร้ายก็ยังไม่สามารถหาศพพบเพื่อไปนำไปบำเพ็ญกุศลได้อีก
นานๆ ครั้งพวกเราจะถูกเรียกให้ช่วยแพ็คศพลงโรงเพื่อนำส่งญาติที่มารับ น้อยรายนักที่จะโชคดีหาศพเจอ ส่วนใหญ่ที่หาพบจะเป็นศพที่มาถึงตั้งแต่วันแรกๆ และญาติตามมาชี้ศพในวันนั้นๆ เลย สภาพหน้าตายังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากสามารถชี้ตัวระบุได้โดยง่าย บางศพไม่มีญาติมาชี้ตัวแต่สามารถระบุชื่อนามสกุลได้จากบัตรประจำตัวที่พบในตัวเจ้าหน้าที่ก็จะช่วยติดต่อญาติให้มารับศพ บางคนมีโทรศัพท์มือถือก็ใช้วิธีแกะซิมออกมาใส่เครื่องใหม่โทรไปหาเบอร์ที่บันทึกไว้เพื่อแจ้งข่าวร้ายให้ทราบกัน ศพของนักท่องเที่ยวต่างชาติรายหนึ่งมีโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย เจ้าหน้าที่ตัดสินใจถอดซิมใส่เครื่องของตนเอง ก็มีข้อความด่วนจากมารดาของผู้ตายส่งเข้ามาถามไถ่เพราะได้รับข่าวเหตุการณ์คลื่นสึนามิทางโทรทัศน์ เจ้าหน้าที่ก็ให้ล่ามติดต่อกลับไปบอกข่าวร้ายกับมารดาของผู้ตาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:24:19 AM » |
|
พักกาย พักใจ เหนื่อยทั้งกายและเหนื่อยทั้งใจสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาสาสมัครช่วยผู้ประสบภัยใต้ต้องได้พบได้เจอ ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในส่วนไหนก็ตาม เมื่อพระอาทิตย์ตกท้องฟ้ามืดงานในส่วนกู้ภัยและจัดการศพก็จะหยุดลง พวกเราอาสาสมัครทีมร่วมด้วยช่วยกันก็เดินทางกลับไปรวมตัวกันที่ศาลาว่าการอำเภอตะกั่วป่า ก่อนที่จะย้ายข้าวของไปนอนค้างคืนกันที่ชั้น 2 ของร้านอาหารพุทธชาติ ที่อยู่ใกล้ๆ วัดย่านยาว เจ้าของร้านอาหารใจดีขอมีส่วนช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้ ด้วยการเปิดพื้นที่ชั้น 2 ของร้านอาหารให้เหล่าอาสาสมัครได้ใช้เป็นที่นอนพักผ่อน พื้นที่กว้างใหญ่เพียงพอที่จะรับรองจำนวนอาสาสมัครได้มากถึง 60 ชีวิต ติดแอร์เย็นฉ่ำ และมีห้องน้ำให้ใช้ได้สะดวก
ผมต้องตัดสินใจทิ้งกางเกงขายาวตัวเก่งที่ใส่ทำงานในวันนี้ เนื่องจากเลอะน้ำเหลืองจากศพส่งกลิ่นรุนแรง สำหรับร่างกายผมต้องใช้น้ำยาเดทตอลเจือจางล้างตัว และฟอกสบู่ถึง 3 รอบเพื่อฆ่าเชื้อโรค และขจัดกลิ่นเหม็นที่ติดตัว คืนนั้นผมและเพื่อนๆ อาสาสมัครนอนหลับสนิทเป็นตาย ไม่มีใครฝันร้ายสะดุ้งละเมอให้เห็น ทั้งๆ ที่สิ่งที่ได้พบเห็นในช่วงกลางวันที่ผ่านมานั้น น่าหวาดกลัวและเศร้าสลดเหลือประมาณ คงเพราะงานที่หนักความอ่อนล้าความเพลียทำให้พวกเราหลับสนิทชนิดฟิวส์ขาด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถึงเช้าวันใหม่วันที่ 31 ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่า 2547 แล้ว
บรรยากาศในตัวเมืองตะกั่วป่าวันนี้ยังคงวุ่นวายเหมือนเมื่อวาน เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นลงที่ลานจอดชั่วคราว รถขนเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งในประเทศ และทีมช่วยเหลือที่มาจากต่างประเทศ รีบออกปฎิบัติงานกันตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเรากลุ่มอาสาสมัครก็เช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พวกเราก็เดินเท้าไปยังจุดประสานงานที่ศาลาว่าการอำเภอตะกั่วป่า หลังจากอาหารเช้าแบบง่ายๆ เราก็ติดต่อหารถกระบะพาเราไปส่งที่วัดบางม่วงทันที เนื่องจากเป็นวันที่สองของการทำงานพวกเราจึงสามารถเริ่มงานได้อย่างรวดเร็วไม่ตะกุกตะกัก ช่วงเช้ายังไม่มีรถขนศพเข้ามาพวกเราก็เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการแพ๊คศพที่แพทย์ชันสูตรแล้วลงโลงศพ รวมถึงต้องเคลียร์พื้นที่ย้ายศพ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับศพที่เจ้าหน้าที่ค้นหาพบเพิ่มเติม วันนี้พวกเราได้รับพลาสติกกันเปื้อนมาใช้เพิ่มจาก ถุงมือ และผ้าคาดจมูก เพราะข่าวเริ่มพบโรคระบาดในบางประเทศทำให้พวกเราต้องระวังตัวกันมากขึ้น แต่เนื่องจากพลาสติกกันเปื้อนมีไม่มากพอ ก็เลยต้องอาศัยถุงขยะถุงดำนำมาดัดแปลงจะรูใส่หัวและแขน สามารถใช้งานทดแทนกันพอได้ ผมสังเกตเห็นป้าคนเดิมกับลูกสาวยังคงมาติดตามหาศพเหมือนเคย ชาวบ้านเริ่มทยอยมาดูศพกันตั้งแต่เช้า คนที่เคยมาแล้วหลายๆ วัน สีหน้าที่เคยหวาดหวั่นหวาดกลัว บัดนี้กลายเป็นสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ยากที่จะบ่งบอกอารมณ์และความคิดใดๆ เพราะความชินชาที่ต้องเห็นร่างไร้ชีวิตเป็นจำนวนมากๆ ทุกๆวัน แต่ลึกๆ ในความชินชานั้นยังคงมีความหวังที่จะได้พบเจอคนที่จากไปแม้จะเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ พวกเขาจึงยังคงเฝ้าเพียรพยายามกลับมาที่วัดบางม่วงทุกวัน
หลังจากงานจัดการศพช่วงเช้าในวัดบางม่วง ช่วงบ่ายของวันนี้ผมได้มีโอกาสออกพื้นที่ไปกับอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู พวกเราเดินทางไปค้นหาและกู้เก็บศพกันที่บ้านบางเนียง รถกระบะโฟร์วีลเลี้ยวออกจากถนนใหญ่วิ่งลัดเลาะเข้าไปในป่ายาง ห่างไกลจากชายฝั่งทะเล ยากที่จะคาดคิดได้ว่าอำนาจทำลายล้างของคลื่นสึนามิจะแผ่มาถึง เมื่อรถจอดสนิทผมติดตามทีมเจ้าหน้าที่เดินผ่านป่ายางลงเขาไปพบกับบริเวณขุมเหมืองเก่าที่บัดนี้กลายเป็นสระน้ำลึกอยู่หลายสระ ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยซากปรักหักพังมากมาย รถยนต์ รถกระบะในสภาพเสียหายย่อยยับ บ้างจมอยู่ในสระน้ำ บ้างก็ตะแคงคว่ำติดอยู่ตามต้นไม้พบเห็นอยู่ทั่วไป ที่บริเวณโคนต้นไม้ต้นหนึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามรื้อซากปรักหักพังเพื่อเก็บกู้ศพผู้หญิงคนหนึ่ง สภาพศพที่เห็นศรีษะถูกทับด้วยเศษไม้และดิน ไม่สามารถดึงออกมาได้ จนเมื่อเอาเศษดินที่บริเวณศรีษะของศพออกหมดจึงพบว่า แขนซ้ายของศพโอบแน่นรอบโคนไม้ใหญ่ทำให้ตอนแรกไม่สามารถดึงศพออกมาได้ ผู้ตายคงพยายามต่อสู้ยื้อยุดชีวิตเต็มที่จนกระทั่งหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับพลังของธรรมชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:25:19 AM » |
|
ผู้รอดชีวิต นอกจากเรื่องเศร้าที่พบเห็นได้ทั่วไป ก็ยังคงมีปาฏิหารย์ความโชคดีให้ได้พบเห็นอยู่บ้างเหมือนกัน ผมพบชาย 3 คน กำลังช่วยกันค้นหาสิ่งของ และเอกสารที่อยู่ในรถกระบะซึ่งตะแคงข้างจมน้ำอยู่ในขุมเหมืองคันหนึ่ง สอบถามได้ความว่าเจ้าของรถชื่อนาย วันติน บุญล้อม เป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่ม มาค้นหาเอกสารและถ่ายภาพรถยนต์ที่เสียหายเพื่อนำไปยืนยันกับประกันภัย นายวันตินเล่าให้ฟังว่าวันที่เกิดเหตุเขา และภรรยามาขายของบริเวณตลาดนัดบ้านบางเนียง ตลาดนัดอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับทะเล และอยู่ห่างจากชายหาดหลายร้อยเมตร ช่วงเกิดเหตุนายวันตินได้ยินเสียงตำรวจคนหนึ่งตะโกนให้วิ่ง โดยปราศจากความคิดว่าจะเป็นคลื่นยักษ์จู่โจม นายวันตินคิดเพียงว่าอาจจะเป็นการวางระเบิดเหมือนกับที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ จึงตัดสินใจวิ่งหนีไปพร้อมกับภรรยา จนเมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นไล่ตามมาทางด้านหลัง จึงหันไปดูแต่กำแพงน้ำทะเลสูงร่วมสิบเมตรก็ได้ถาโถมเข้าถึงตัวเสียแล้ว นายวันตินและภรรยาถูกกระแสน้ำพัดพาไปคนละทาง เขาสามารถคว้าท่อนไม่ท่อนหนึ่งได้ก็อาศัยเกาะพยุงตัวเอาไว้ เศษไม้ที่ลอยมาตามน้ำมากมายพุ่งกระแทกตามร่างกายส่วนต่างๆ ที่หนักที่สุดก็คือบริเวณมือซ้ายนิ้วมือโดนกระแทกจนปลายนิ้วแตกเป็นแผลใหญ่หลายนิ้ว กระแสน้ำพัดพานายวันตินลอยไปไกล จนกระทั่งเริ่มไหลย้อนกลับลงทะเลเขาจึงสามารถคว้าเสาไฟไว้ได้ ไม่นานนักคลื่นก็จากไปทิ้งความเสียหายการทำลายล้างไว้แทนที่ นายวันตินได้รับความช่วยเหลือและนำไปรักษาตัวที่บ้านหลักแก่น ตลอดเวลาทั้งคืนเขาเฝ้าแต่เป็นห่วงภรรยา จนถึงเช้าจึงได้พาญาติออกตามหาและพบว่าภรรยาก็รอดตายเช่นกัน นับได้ว่านายวันตินโชคดีกว่าอีกหลายคนนัก ที่นอกจากตัวเองรอดชีวิตมาได้แล้ว บุคคลที่เป็นที่รักก็สามารถรอดชีวิตมาได้ด้วย ตรงกันข้ามกับแม่ค้าขายผลไม้แผงข้างๆ อีกหลายคน ที่ขายของที่ตลาดนัดในวันนั้นด้วยกัน นายวันตินบอกไม่มีใครโชคดีเหมือนเขาทุกคนเสียชีวิตหมด
หลังจากเคลียร์ศพในพื้นที่ได้จำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็นำศพเดินทางไปส่งที่วัดบางม่วง ผมติดรถกระบะมาลงตรงหน้าปากซอยริมถนนเพชรเกษมเพื่อถือโอกาสเดินสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น ตลอดสองข้างทางบ้านบางเนียงสามารถพบเห็นร่องรอยพลังการทำลายล้างของคลื่นสึนามิได้ทั่วไป อาคารพานิชย์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต หลายอาคารพื้นที่บริเวณชั้นหนึ่งเสียหายอย่างหนัก ส่วนบ้านเรือนชั้นเดียวส่วนใหญ่ถูกกระแสน้ำทำลายล้างจนราบกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง ที่สระน้ำใหญ่ริมถนนซึ่งเคยเป็นขุมเหมืองเก่า อาสาสมัครประดาน้ำหลายทีมกำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ดำน้ำหาตำแหน่งรถยนต์ที่จมอยู่ เมื่อพบแล้วก็ทำการผูกทุ่นเพื่อรอการกู้เก็บต่อไป เจ้าหน้าที่บอกว่ามีรถจมอยู่ในสระหลายสิบคัน บางคันที่กู้ขึ้นมาแล้วมีศพอยู่ภายในด้วย แต่หลายคันกระจกหน้าแตกเพราะแรงปะทะทำให้คนที่อยู่ข้างในกระเด็นหลุดออกมา และศพน่าจะถูกเก็บกู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:25:53 AM » |
|
จุดเทียนไว้อาลัย ความมืดเริ่มเข้ามาเยือนผมจึงเดินทางกลับสู่ที่พัก หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็มานั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเหล่าเพื่อนอาสาสมัคร พี่ๆ จากร่วมด้วยช่วยกันเข้ามาแจ้งว่าคืนนี้ตอนเที่ยงคืนเราจะจุดเทียนไว้อาลัยผู้เสียชีวิต และเป็นการต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึงกันที่บริเวณหน้าร้านอาหาร พวกเรานั่งรอเวลาปีใหม่ที่กำลังมาถึงอย่างเงียบเหงา ปีใหม่ปีนี้ช่างแตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มาของพวกเราอย่างสิ้นเชิง ไม่มีการนับถอยหลัง ไม่มีการฉลองใดๆ ไม่มีดอกไม้ไฟ ไม่มีงานรื่นเริง เมื่อใกล้เวลาเที่ยงคืนพวกเราเริ่มจุดเทียนไขปักไว้รอบๆ เกาะกลางถนนหน้าร้านอาหารพุทธชาติ แสงเทียนสว่างเรืองรอง ดึงความสนใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาพบเห็น พวกเค้าช่วยกันร่วมจุดเทียน และคอยจุดไฟให้ใหม่เมื่อเทียนโดนแรงลมพัดดับ บรรยากาศคืนปีใหม่ปีนี้เงียบสงบ กลิ่นศพจางๆ จากวัดย่านยาวที่อยูห่างออกไปไม่ไกลลอยมาปะทะจมูกของเรา ย้ำเตือนให้เรารู้ถึงความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น พวกเรายืนไว้อาลัยจนนาฬิกาบอกเวลาผ่านเที่ยงคืนเข้าสู่ปีใหม่ปี 2548 ปีใหม่ปีนี้เป็นช่วงเวลาที่เราจะจดจำไปตลอดชีวิต ช่วงเวลานี้ที่พวกเราชาวไทยต้องพบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ช่วงเวลานี้ที่ชาวไทยต้องแสดงน้ำใจช่วยคนไทยด้วยกัน ช่วงเวลานี้ที่ผมและเพื่อนมาเป็นอาสาสมัครทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ ด้วยหวังเพียงแค่จะช่วยแบ่งปัน และแบ่งเบาความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติผู้สูญเสีย ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เราขอจดจำไว้ไม่มีวันลืมครั้งหนึ่งในชีวิตกับการเป็น อาสาสมัครคนเก็บศพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:26:30 AM » |
|
วันปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2458 วันแรกของปี ผมและเพื่อนๆ เริ่มทำงานอาสาสมัครของเราอีกครั้ง ขณะที่เพื่อนๆ ยังทำงานจัดการศพที่วัดบางม่วง วันนี้ผมลงพื้นที่ชายฝั่งทะเลเขาหลักเพื่อร่วมทีมกู้ภัยค้นหาศพ ครบรอบ 1 อาทิตย์หลังเหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นสึนามิพอดิบพอดี ศพผู้เสียชีวิตในพื้นที่เริ่มลดน้อยลง ศพที่เหลือก็ค้นหายากมากบางครั้งเราได้กลิ่นศพโชยมา แต่ก็ไม่สามารถหาศพเจอได้เพราะอาจถูกฝังทับถมอยู่ใต้ดินเลน หรือใต้ซากปรักหักพังซึ่งต้องใช้เครื่องมือหนักเข้าค้นหาเคลียร์พื้นที่ต่อไป ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ช่วยพวกเรากระจายกำลังค้นหาศพ แต่ก็พบเพียงแค่ไม่กี่ศพเท่านั้น วันนี้จะหนักไปทางเดินเท้าซะเยอะ ต้องเดินผ่านหนองน้ำลุยโคลนเป็นระยะทางหลายๆ กิโลเมตร ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะค้นหาศพที่หลงเหลืออยู่ เพื่อให้เขาได้กลับบ้านไปหาญาติที่รอคอยอยู่ แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะทำงานที่นี้ คืนนี้ผมต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปรับผิดชอบหน้าที่การงานที่ละทิ้งมา ผมตัดสินใจถอนตัวออกจากพื้นที่ เดินทางกลับที่พักตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็น เพื่อกลับไปเก็บของและทำความสะอาดร่างกายให้ปราศจากกลิ่นศพติดตัว ในใจผมยั่งนึกเสียใจที่มีเวลาลงมาช่วยงานเพียงแค่ไม่กี่วัน เพื่อนๆ ส่วนหนึ่งของผมเดินทางกลับไปกันแล้ว ผมอ่านโน้ตที่เพื่อนๆ ทิ้งไว้บอกว่ามีเที่ยวบินของทหารรับอาสาสมัครบินกลับกรุงเทพตอน 3 ทุ่ม ผมขึ้นรถประจำทางเดินสายระนอง - ภูเก็ต มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานภูเก็ตหวังเพียงว่าจะเดินทางไปทันเวลาเครื่องออก ถ้าไม่ทันคืนนี้คงต้องหาที่นอนในภูเก็ตก่อนที่จะหาทางกลับทางอื่นต่อไป ปลอกแขนอาสาสมัครกาชาด และบัตรห้อยคอของร่วมด้วยช่วยกันดึงความสนใจจากผู้โดยสารร่วมทาง เริ่มมีคำถามถามถึงสิ่งที่ผมได้พบประสบมา เรื่องเล่าประสบการณ์ของผมทำให้ผู้โดยสารบนรถหลายสนใจ พวกเขาตั้งใจฟังและถามไถ่ถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ป้าคนหนึ่งบอกว่ากำลังเดินทางกลับภูเก็ต หลังจากมาติดตามหาญาติที่โรงพยาบาล และวัดต่างๆ อยู่หลายวัน ป้าบอกว่าตราบใดที่ยังไม่เจอศพก็จะไม่ทิ้งความหวังว่าญาติคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่กล้าให้กำลังใจป้าได้แต่เงียบๆ ไว้ เพราะสิ่งที่ผมได้พบได้เห็นมา ทำให้ยากที่จะคิดได้ว่าจะมีใครรอดชีวิตจากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้ได้ หากพวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่คลื่นสึนามิเข้าทำลายล้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:27:07 AM » |
|
คำขอบคุณ รถพาผมมาส่งที่ทางเข้าสนามบินตอน 2 ทุ่มครึ่งทันเวลาเครื่องบินออกพอดี ผมเก็บของกำลังจะเดินลงจากรถป้าคนเดิมหันมาเห็นก็ถามว่าจะไปแล้วเหรอ ก่อนที่จะยกมือไหว้ผมพร้อมกับพูดว่า "ขอบใจแทนคนใต้ด้วยนะ" วินาทีนี้เองที่ทำให้ผมเข้าใจความหมายของงานอาสาสมัครอย่างแท้จริง งานอาสาสมัครที่เราทำอุทิศเพื่อคนที่เราไม่รู้จัก ไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นทรัพย์สินเงินทอง แต่สิ่งที่ได้มาคือความสุขทางจิตใจที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ในฐานะอาสาสมัครคนหนึ่ง ได้พบได้เห็นความเศร้าสลดเสียใจมามากมาย แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะเสียน้ำตาต้องข่มใจไว้เพื่อที่จะสามารถทำงานทำหน้าที่ให้ลุล่วงสำเร็จ แต่ในเวลานี้ ด้วยความตื้นตัน ด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้ทำไป น้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมกล่าวขอบคุณป้าและอวยพรให้ป้าโชคดีก่อนที่จะลงรถอย่างรวดเร็วผมอายที่จะให้ใครได้เห็นน้ำตาของผม น้ำตาของอาสาสมัครคนหนึ่งที่รู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้มีส่วนช่วยเพื่อนร่วมชาติในสิ่งที่ตนทำได้ แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามที
หมายเหตุเพิ่มเติม: หลังจากเหตุการณ์ที่เล่ามาผมก็หาโอกาสลงใต้ในฐานะอาสาสมัครอีก โดยได้มีโอกาสไปช่วยทีมงานชันสูตรศพที่วัดบางม่วงอีกครั้งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ajake
มีดและปืน
Full Member
คะแนน 20
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 427
tactical lover
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:28:53 AM » |
|
หวังว่าความทรงจำของผมที่นำมาถ่ายทอดให้ทุกๆ ท่าน คงพอมีประโยชน์บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 3692
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 62457
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2006, 11:28:55 AM » |
|
ขอไว้อาลัยแด่ผู้จากไป และขอขอบคุณอาสาสมัคร ทหารช่างพัฒนา และคุณต้น ajake เป็นอย่างยิ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|