พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงมีพระนามเดิมว่า "เจ้าดารารัศมี" พระนามเล่นว่า "อึ่ง" ทรงเป็นราชธิดาใน พระเจ้าอินทวิชยานนท์, พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ กับ แม่เจ้าทิพไกรสรราชเทวี มีพระพี่นางร่วมพระมารดาหนึ่งพระองค์ คือ เจ้าหญิงจันทรโสภา
เมื่อ อังกฤษ ได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครอง พม่าแล้ว อังกฤษได้พยายามขยายอิทธิพลเข้ามายังนครเชียงใหม่และอาณาจักรหัวเมืองฝ่ายเหนือ โดย สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ได้ส่งราชทูตมาทูลขอ เจ้าดารารัศมี ราชธิดาพระองค์เล็กใน พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ไปเป็นพระราชธิดาบุญธรรม ในเวลานั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่า พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ทรงมีรับสั่งกราบทูลตอบกลับไปว่าอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ความดังกล่าวได้ถึงพระเนตรพระกรรณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. ๒๔๒๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร (เวลานั้นดำรงตำแหน่งเทียบได้กับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในภาคพายัพ) ได้อัญเชิญพระกุณฑล (ตุ้มหู) และพระธำมรงค์เพชร ไปพระราชทานเป็นของขวัญแด่ เจ้าดารารัศมี เพื่อเป็นการหมั้นหมาย รวมทั้ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีโสกันต์ฯ พระราชทานตามแบบอย่างเจ้านายใน "พระบรมราชจักรีวงศ์" เป็นกรณีพิเศษ คล้อยหลัง ๓ ปี เจ้าดารารัศมี ได้โดยเสด็จพระราชบิดาลงมาเข้าเฝ้าและถวายตัวในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๙ (ตรงกับ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๓ ปีจอ อัฐศก จุลศักราช ๑๒๔๘)
การเสด็จมาประทับในฐานะพระชายาที่มาจากหัวเมืองเหนือ ทำให้เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของ บรรดามเหสี พระชายา สนมกำนัล ในพระราชวังหลวงอย่างยิ่ง และไม่รับพระเกียรติ์ในฐานะเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรล้าน แต่ท่านถูกเรียกขานว่า “ลาว” ท่านก็มิได้สนพระทัยกับการถูกดูถูกเช่นนั้น หากแต่ท่านวางพระองค์อย่างที่เจ้านายเมืองเหนือควรกระทำ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับตกแต่งพระตำหนัก เครื่องแต่งกาย ท่านก็คงรักษา และปฏิบัติตามขนบธรรมประเพณีของเมืองเหนือไว้เป็นอย่างดี ท่านมีพระธิดา 1 พระองค์ แต่ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์เมื่อเจริญพระพรรษาได้เพียง 3 พรรษาเศษ
เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต ได้ 4 ปี พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงกราบบังคมทูลลา สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ เพื่อเสด็จนิวัติสู่นครเชียงใหม่เป็นการถาวร และทรงสิ้นพระชนม์ ณ คุ้มรินแก้ว เมื่อพระชนมายุได้ 60 พรรษา
อ้างอิง :
คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม