7 คนร้ายบุกปล้นบ้านนักธุรกิจไต้หวันอุกอาจกลางเมืองเชียงใหม่ ปืน มีดจี้บัง คับเหยื่อบอกรหัสเปิดเซฟ ก่อนกวาดเงิน11 ล้านหลบหนี ตร.เชียงใหม่ประสานตำรวจทุกหน่วยสกัด
กระทั่งช่วงเย็น ตร.ทางหลวงสิงห์บุรีพบรถตู้ต้องสงสัย จึงตรวจค้น ก่อนรวบ 4 คนร้ายได้ เป็นชาวไต้หวันทั้งหมด พร้อมของกลางเงินสดอยู่ครบ เหยื่อเผยเบิกเงินจากแบงก์มาลง
ทุนเปิดร้านคาราโอเกะร่วมกับเพื่อนชาวไต้หวัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ร.ต.อ. เทียน ธนสารปัญญา ร้อยเวรสภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุมีคนร้ายบุกปล้นบ้านและกวาดทรัพย์สินไปจำนวนมาก เหตุเกิด
ที่บ้านเลขที่ 259 ถนนป่าตัน-บ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.ปิยบุตร อัจฉริยมงคล ผกก. และพ.ต.ท.วิชาญ ชูฤทธิ์ รองผกก.สส. นำกำลังรุด
ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบนายเกา ฮั่นเจี่ย อายุ 35 ปี นักธุรกิจชาวไต้หวัน เจ้าของบ้าน ตรวจสอบภายในบ้าน พบตู้เซฟขนาดใหญ่ในห้องโถงชั้นล่างถูกเปิดและรื้อค้น ข้าวของถูก
รื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่วบ้าน พบมีดสปาร์ตา ยาว 1 ฟุต 4 เล่ม พร้อมปลอกลายพราง และหมวกไหมพรมสีดำ 2 ใบ ตกอยู่ที่พงหญ้าภายในบ้าน
สอบสวน นายเกาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 08.00 น. ขณะที่อยู่บ้านคนเดียว มีคนร้ายขับรถตู้โตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฮค 902 กทม. มาจอดที่หน้าบ้าน จากนั้น
ชายฉกรรจ์ 7 คน สวมหมวกไอ้โม่ง มีอาวุธครบมือ ทั้งปืนและมีสปาร์ตา เปิดประตูหน้าบ้านที่ไม่ได้ล็อกเข้ามาภายใน จากนั้นจับตนไว้ ก่อนจะรื้อค้นภายในบ้าน โดยบังคับให้ตน
บอกรหัสตู้เซฟ จากนั้นเปิดและกวาดเงินสดในเซฟกว่า 10 ล้านบาท ก่อนจะหลบหนีไป
นายเกาให้การต่อว่า ตนเดินทางมาจ.เชียง ใหม่ และเช่าบ้านหลังที่เกิดเหตุพักอาศัยราคาเดือนละ 40,000 บาท และร่วมกับหุ้นส่วนเตรียมเปิดธุรกิจสถานบันเทิงคาราโอเกะ โดย
เบิกเงินสดจากธนาคารมาเพื่อจะนำไปซื้ออาคาร ก่อนจะปรับปรุงเป็นสถานบันเทิง
พ.ต.อ.ปิยบุตร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายไม่ได้ทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้าน และคนร้ายยังทิ้งมีดและหมวกคลุมใบหน้าที่ใช้ก่อเหตุไว้ด้วย โดยตั้งข้อ
สงสัยว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นคนที่ผู้เสียหายรู้จัก อย่างไรก็ตามมีข้อน่าสงสัยว่าเจ้าทุกข์มีเงินตามที่อ้างไว้จริงหรือไม่ สาเหตุของการบุกปล้นมาจากสาเหตุอะไร และทำธุรกิจ
ประเภทไหน
พ.ต.อ.ปิยะบุตร กล่าวต่อว่า คดีนี้ตำรวจตรวจสอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมีด ว่าคนร้ายได้มาอย่างไร ซื้อมาจากที่ไหน ตอนนี้ตรวจเช็กตามแผงขายมีดตามจุดต่างๆ แล้ว ที่ขายมีดใน
ลักษณะแบบนี้ พบว่าช่วง 2 วันที่ผ่านมาไม่มีชาวต่างด้าวมาซื้อมีดสปาร์ตาแต่อย่างใด แต่ด้ามจับเป็นเชือกถักหุ้มด้ามเหมือนกัน สอบถามคนขายมีด ทราบว่ามีดดังกล่าวรับมาจาก
จ.แพร่ นำมาขายตามแผง ส่วนตัวอักษรที่สลักบนด้ามมีดเป็นภาษาจีนนั้น คิดว่ามีดดังกล่าวคนร้ายน่าจะจ้างหรือสั่งทำเป็นกรณีพิเศษมากกว่าที่จะไปหาซื้อตามแผง ตอนนี้ประสาน
ไปยังตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตม.แล้ว เพื่อสกัดคนร้าย ส่วนกรณีเรื่องเงินจำนวนมากนั้น อย่างไรก็ตามทางตำรวจคงต้องสอบปากคำอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้กระจ่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของเพื่อนผู้เสียหาย ซึ่งคาดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ทราบชื่อนายฉี ซุ่น อายุ 38 ปี ชาวไต้หวัน โดยผู้เสีย
หายแจ้งว่านายฉี ซุ่น เพื่อนที่ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน และเกิดปัญหากันภายหลัง คาดว่าน่าจะเป็นนายฉี ซุ่น ที่นำทีมคนร้ายมาปล้นเงิน เจ้าหน้าที่ทราบต่อมาว่านายฉี ซุ่น เดินทางไป
ยังจ.นคร สวรรค์ จึงประสานตำรวจท้องที่ให้ช่วยสกัดตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าจะเดินทางผ่าน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปยังเพื่อนของผู้เสียหายอีกคน ชื่อนายชิน ล่าสุดเดินทางด้วยเครื่องบินออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ไปยังไต้หวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น.
โดยนายเกาให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า นายชินน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเช่นกัน ส่วนสาเหตุคาดมาจากหักหลังกันเรื่องธุรกิจ
ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.ต.ดำรงค์ศักดิ์ ตอประเสริฐ สว.สทล.6 กก.1 ทล.สิงห์บุรี ได้รับการประสานจากสภ.ช้างเผือก ให้สกัดจับรถตู้คันดังกล่าว จึงนำกำลังออกตรวจ สามารถ
สกัดจับกุมได้ที่ถนนสายเอเชีย หลักก.ม.ที่ 132 ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท และนำผู้ต้องหามาตรวจค้นที่สถานีตำรวจทางหลวงสิงห์บุรี จากการตรวจสอบ พบรถคันดังกล่าว
มีนายกฤษฎา ณชลิต อายุ 47 ปี เป็นคนขับ
นายกฤษฎา ให้การว่า ตนรับชาวไต้หวัน 4 คน มาจากบริษัททัวร์ที่จ.เชียงใหม่ ให้ไปส่งที่กรุงเทพฯ ทราบชื่อ นายซีหยู เซียนเจี่ย, นายฉี ซุ่น, นายหลินจง เหว่ยตี้, และนายโล่ว
เว่ยชุน ทั้งหมดพูดภาษาไทยไม่ได้ ค้นในรถพบเงินสดจำนวน 11,110,000 บาท จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ส่งเอสเอ็มเอสไปให้ผู้เสียหายชี้ตัวที่ จ.เชียงใหม่ โดยยืนยันว่าเป็นผู้ต้องสงสัยบุกปล้นบ้าน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจ
ทางหลวงสิงห์บุรี เพื่อรอให้สภ.ช้างเผือก มารับตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
เครดิตข่าวสดออนไลน์
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREF6TVRJMU1nPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHhNaTB3TXc9PQ==