เซียนกล้องคร้าบบบบ.....ให้คำตอบผมหน่อยนะ

[Beer Hunter]

ไม่ผิดครับ 22,990 บาท (สองหมื่อนสองพันเก้าร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) เพราะใบเรียกเก็บเงินงวดแรกมาแล้ววววว  ผมจ่ายไปก่อน 2,990 เหลือ 20,000 เรียกเก็บ 10 เดือน เดือนละ 2,000 บาท ครับผม
[/quot

ไม่ผิดครับ 22,990 บาท (สองหมื่อนสองพันเก้าร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) เพราะใบเรียกเก็บเงินงวดแรกมาแล้ววววว  ผมจ่ายไปก่อน 2,990 เหลือ 20,000 เรียกเก็บ 10 เดือน เดือนละ 2,000 บาท ครับผม

ราคาน่าสนใจมาก  ซอฟท์แวร์ถอด Raw file ต้องซื้อ หรือแถมมาให้ครับ

ราคาน่าสนใจมาก  ซอฟท์แวร์ถอด Raw file ต้องซื้อ หรือแถมมาให้ครับ

ตอนผมซื้อ e-1 มีแถมมาด้วย ผู้การลองถามร้านนี้ดูได้ครับ www.avcamera.com

[yai026]

ภาพจะสวย  อยู่ที่คนใช้กล้อง  ไม่ใช่อยู่ที่กล้อง

[สตางค์]

ภาพจะสวย อยู่ที่คนใช้กล้อง ไม่ใช่อยู่ที่กล้อง

ผมให้อยู่ที่เลนส์อีกสวนนึงครับ

[RroamD]

ภาพจะสวย อยู่ที่คนใช้กล้อง ไม่ใช่อยู่ที่กล้อง

กล้อง+เลนส์+ฟิล์ม+คน
กล้อง+เลนส์+คอม+คน

ความสมบูรณ์สวยงามของภาพที่ได้อยู่ที่จินตนาการและประสบการณ์ของคนแต่กล้องเป็นส่วนสำคัญในการบันทึกรายละเอียดขององค์ประกอบภาพ ภาพบางประเภทเช่นภาพวิวทิวทัศน์(Landscape)อาจจำเป็นต้องลดแสงที่จะทำการบันทึกภาพให้น้อยกว่าความเป็นจริงที่ตาคนมองเห็นและกล้องวัดแสงได้เพื่อเน้นความเข้มของสีต่างๆ ในภาพนั้น จะเห็นได้ถึงระบบการถ่ายภาพคร่อมซึ่งสามารถตั้งระบบชดเชยแสง(automatic exposure bracketing)ให้มากหรือน้อยได้โดยมี factor เป็น 0=แสงพอดี(normal exposure) -(under exposure) +(over exposure) จากโปรแกรมของกล้องโดยปกติจะตั้งได้ -+ ประมาณ 2 สต๊อป(อาจแบ่งเป็น 1/2 หรือมากว่าแล้วแต่โปรแกรม) ซึ่งตั้งค่าก่อนบันทึกเมื่อกดชัตเตอร์จะได้ภาพที่แสงพอดี 1 แสงน้อยลง 1 แสงมากขึ้น 1 แล้วเลือกดูว่าภาพใดสมบูรณ์ที่สุด

ยังมีรายละเอียดย่อยลงไปอีกหลายอย่างทั้งเรื่องของการเลือกระบบถ่ายภาพให้เหมาะกับประเภทของภาพที่ต้องการถ่าย(P, A, S, M) หรือโปรแกรมอัจฉริยะที่มีให้เลือก(intelligent program) ค่าความไวแสง(ISO) ระบบวัดแสง(Metering) ชดเชยแสง(exposure compenstion) เรียนไม่หมดเพราะในหลักสูตรการถ่ายภาพมีเพียงพื้นฐาน(basic) เท่านั้น ต้องอาศัยการถ่ายภาพบ่อยๆ แล้วดูผลเปรียบเทียบจากภาพ(ของตนเอง) อย่าเปรียบเทียบกับภาพซึ่งถ่ายด้วยกล้องและเลนส์ตัวอื่นโดยเฉพาะต่างรุ่น ต่างเลนส์ ต่างเวลา จะหาความเป็นจริงของตัวเองไม่พบ

ลองคิดดูง่ายๆ ว่าการกระพริบตาของมนุษย์แต่ละครั้งเหมือนการเปิดปิดของม่านชัตเตอร์ การขยายและหรี่ของม่านตาเหมือนการปรับขนาดรูรับแสงที่ตัวเลนส์ ดังนั้นการมองเห็นด้วยตาจึงเป็นภาพที่มีการจัดแสง การโฟกัสที่สมบูรณ์และเร็วที่สุด(สายตาปกติ)ทั้งการมองใกล้เหมือนการถ่ายภาพในระยะ(macro) การมองในระยะไกล(infinity) โดยเลนส์ในที่คำณวนแล้วเกือบเท่ากับภาพ+ความสว่างที่เห็นด้วยตามนุษย์จากภาพที่เห็นในกล้องบันทึกภาพขนาด 35 mm. คือขนาด 50mm.(focal length) 1:1.0 (F stop) ส่วนเลนส์ขนาดอื่นที่ผลิตออกมาให้เลือกใช้จะเห็นว่าไม่สามารถสร้างขนาดรูรับแสงกว้างที่สุด(1:1.0)กับทางยาวโฟกัสที่ต่ำ(wide angle) สูง(telephoto)ได้โดยเฉพาะเลนส์ซูม ขอบคุณครับ

ต้องขอโทษ ท่าน วมต และ จขกท ด้วยที่ใช้พื้นที่ของเว๊บและกระทู้มากไป
ด้วยความเคารพครับ

[ENOLA GAY]

ต้องขอโทษ ท่าน วมต และ จขกท ด้วยที่ใช้พื้นที่ของเว๊บและกระทู้มากไป
ด้วยความเคารพครับ

เป็นความรู้และวิทยาทานต่อเพื่อนสมาชิกต่างหากครับ  อ้าว เราไม่ใช่ทั้ง วมต. และ จขกท. สักหน่อย เป็นแค่ สมช. เท่านั้น ฮ่าๆๆ 

[PPM]

ภาพจะสวย อยู่ที่คนใช้กล้อง ไม่ใช่อยู่ที่กล้อง

กล้อง+เลนส์+ฟิล์ม+คน
กล้อง+เลนส์+คอม+คน

ความสมบูรณ์สวยงามของภาพที่ได้อยู่ที่จินตนาการและประสบการณ์ของคนแต่กล้องเป็นส่วนสำคัญในการบันทึกรายละเอียดขององค์ประกอบภาพ ภาพบางประเภทเช่นภาพวิวทิวทัศน์(Landscape)อาจจำเป็นต้องลดแสงที่จะทำการบันทึกภาพให้น้อยกว่าความเป็นจริงที่ตาคนมองเห็นและกล้องวัดแสงได้เพื่อเน้นความเข้มของสีต่างๆ ในภาพนั้น จะเห็นได้ถึงระบบการถ่ายภาพคร่อมซึ่งสามารถตั้งระบบชดเชยแสง(automatic exposure bracketing)ให้มากหรือน้อยได้โดยมี factor เป็น 0=แสงพอดี(normal exposure) -(under exposure) +(over exposure) จากโปรแกรมของกล้องโดยปกติจะตั้งได้ -+ ประมาณ 2 สต๊อป(อาจแบ่งเป็น 1/2 หรือมากว่าแล้วแต่โปรแกรม) ซึ่งตั้งค่าก่อนบันทึกเมื่อกดชัตเตอร์จะได้ภาพที่แสงพอดี 1 แสงน้อยลง 1 แสงมากขึ้น 1 แล้วเลือกดูว่าภาพใดสมบูรณ์ที่สุด

ยังมีรายละเอียดย่อยลงไปอีกหลายอย่างทั้งเรื่องของการเลือกระบบถ่ายภาพให้เหมาะกับประเภทของภาพที่ต้องการถ่าย(P, A, S, M) หรือโปรแกรมอัจฉริยะที่มีให้เลือก(intelligent program) ค่าความไวแสง(ISO) ระบบวัดแสง(Metering) ชดเชยแสง(exposure compenstion) เรียนไม่หมดเพราะในหลักสูตรการถ่ายภาพมีเพียงพื้นฐาน(basic) เท่านั้น ต้องอาศัยการถ่ายภาพบ่อยๆ แล้วดูผลเปรียบเทียบจากภาพ(ของตนเอง) อย่าเปรียบเทียบกับภาพซึ่งถ่ายด้วยกล้องและเลนส์ตัวอื่นโดยเฉพาะต่างรุ่น ต่างเลนส์ ต่างเวลา จะหาความเป็นจริงของตัวเองไม่พบ

ลองคิดดูง่ายๆ ว่าการกระพริบตาของมนุษย์แต่ละครั้งเหมือนการเปิดปิดของม่านชัตเตอร์ การขยายและหรี่ของม่านตาเหมือนการปรับขนาดรูรับแสงที่ตัวเลนส์ ดังนั้นการมองเห็นด้วยตาจึงเป็นภาพที่มีการจัดแสง การโฟกัสที่สมบูรณ์และเร็วที่สุด(สายตาปกติ)ทั้งการมองใกล้เหมือนการถ่ายภาพในระยะ(macro) การมองในระยะไกล(infinity) โดยเลนส์ในที่คำณวนแล้วเกือบเท่ากับภาพ+ความสว่างที่เห็นด้วยตามนุษย์จากภาพที่เห็นในกล้องบันทึกภาพขนาด 35 mm. คือขนาด 50mm.(focal length) 1:1.0 (F stop) ส่วนเลนส์ขนาดอื่นที่ผลิตออกมาให้เลือกใช้จะเห็นว่าไม่สามารถสร้างขนาดรูรับแสงกว้างที่สุด(1:1.0)กับทางยาวโฟกัสที่ต่ำ(wide angle) สูง(telephoto)ได้โดยเฉพาะเลนส์ซูม ขอบคุณครับ

ต้องขอโทษ ท่าน วมต และ จขกท ด้วยที่ใช้พื้นที่ของเว๊บและกระทู้มากไป
ด้วยความเคารพครับ

เห็นด้วยกับพี่ๆ ทุกท่านครับ  งานจะออกมาดี ต้อง สัมพันธ์ กันทุกส่วนครับ  กล้อง+เลนส์ และคน  ตัวอย่าง เล็กๆ ครับ ผมชอบงานเค้าจริงๆ http://www.photo.net/photodb/member-photos?include=all&photo_id=5430762

[Jackpot]

โอ้ววว....จอร์จจจจ.....D40 เกิดเหตุขาดตลาดขั้นรุนแรง ร้านไหนๆก็หมดสต็อก กว่าจะได้คงอังคารที่ถึงนี้ล่ะครับ...