ค่าคอมฯairbus ทำพิษ ฝากผลดำเนินการขาดทุนดำเนินการอีกเป็นของแถม!

[nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย]

บินไทยขาดทุนบักโกรก หลังเปิดบินตรง 2 เส้นทาง [12 ก.พ. 50 - 22:01]
ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการขนส่งทางอากาศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธาน นายสมชาย มีเสน เลขาธิการและโฆษกคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าววันนี้ (12 ก.พ.) ว่า เรืออากาศโท อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ดีดี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ยอมรับในที่ประชุมว่า จากการที่การบินไทยได้เปิดเส้นทางบินตรงด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 จำนวน 3 ลำ และ แอร์บัส เอ 340-600 จำนวน 5 ลำ ส่งผลให้บริษัทขาดทุนใน 2 เส้นทางในปีที่ผ่านมา จำนวน 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขาดทุน จากแอร์บัส เอ 340-500 จำนวน 3,000 ล้านบาท และ แอร์บัสเอ 340-600 จำนวน 2,000 ล้านบาท เนื่องจากเครื่องบินทั้ง 2 รุ่น กินน้ำมันสูง นอกจากนี้การบินไทยยังได้ลดราคาตั๋วโดยสารเพื่อแข่งขันกับสายการบินอื่น ซึ่งไม่คุ้มทุน

 

สำหรับแนวทางแก้ไข นายสมชาย กล่าวว่า การบินไทยจะขายเครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 ให้สายการบินต่างประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการฯ เสนอว่า หากจะขายต้องรีบดำเนินการ เพราะทราบว่าทางสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ก็จะขายเครื่องบินรุ่นเดียวกันด้วย เพราะใช้แล้วไม่คุ้มทุน ส่วนแอร์บัส เอ 340-600 ที่การบินไทยได้ปรับที่นั่งเหลือ 260 ที่นั่งจากปกติมี 360 ที่นั่ง เนื่องจากเป็นความผิดพลาดของการบินไทยเอง ซึ่งจะปรับเพิ่มขึ้นให้มีมากกว่า 300 ที่นั่ง เพื่อจะได้คุ้มทุนมากขึ้น

  ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในที่ประชุมได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อการบินไทยรู้ว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวกินน้ำมัน ทำไมจึงตัดสินใจซื้อมาอีก เป็นเพราะมีการวิ่งเต้นของนักการเมืองและเครือญาติของนักการเมืองหรือไม่ เรืออากาศโท อภินันทน์ ไม่ขอตอบคำถามนี้ สำหรับการซื้อเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยที่นายทนง พิทยะ และนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธานบอร์ดการบินไทย 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  ยังมีเรื่องที่เรืออากาศโท อภินันทน์ เป็นห่วงคือ โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ต่างชาติถือผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีมากขึ้น และจากการตรวจสอบมีต่างชาติถือหุ้นอยู่ร้อยละ 18.26 อีกร้อยละ 81.74 เป็นคนไทย แต่จากการตรวจสอบไม่แน่ใจว่าเป็นคนไทย หรือเป็นนอมินี ซึ่งดีดีการบินไทยกังวลจะมีการไล่ซื้อหุ้นใน ตลท. ดังนั้น ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ เป็นห่วงและเห็นว่า ควรที่จะออกมาตรการเพื่อไม่ให้ถูกเทคโอเวอร์จากต่างชาติ

 

โฆษกคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวต่อว่า  ที่ประชุมยังพิจารณาการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัสที่ล่าช้า 2 ปี ซึ่งการบินไทยจะเรียกค่าปรับจากแอร์บัส 26,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน แต่ไม่เกิน 6 เดือน คิดเป็นเงินรวม 28.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ซึ่งดีดีการบินไทย ยืนยันว่า การส่งมอบล่าช้าทำให้เสียความคุ้มค่าในการบิน ในเส้นทางลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต และปารีส เพื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปี 2552 ตามที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมกันนี้การบินไทยเสียเงินดาวน์ไปแล้ว 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีการชำระต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2552 แม้ว่าจะได้เครื่องบินล่าช้า ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งทางแอร์บัสเสนอให้ส่วนลดกับการบินไทยในเครื่องบินรุ่น เอ 330 เป็นพิเศษเหมือนสายการบินแควนตัส และสิงคโปร์

 

“คณะอนุกรรมาธิการฯ เป็นห่วงว่า การบินไทยยังไม่มีการทำข้อตกลงกับแอร์บัส เกรงการเจรจาครั้งต่อไปอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง และห่วงว่า สถานภาพของแอร์บัสจะมีปัญหา หากการเจรจาต่อรองมีการการันตีว่าจำนวนเงินที่จ่ายไปก่อนหน้านี้ หากมีปัญหาจะได้เงินคืนหรือไม่ จึงต้องการให้การบินไทยเจรจากับแอร์บัสว่า ควรมีการการันตีให้ว่าจะรับผิดชอบ” นายสมชาย กล่าว
  
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=36727
บริษัทฯนายหน้าที่วิ่งเต้นล็อบบี้ให้ซื้อ airbus รุ่นนี้เป็น ญาติกับ ทักกี้ นึกดูแล้วกัน นอกจากซื้อเครื่องแพงกว่าปกติแล้ว มันยังทำให้ประเทศชาติขาดทุนเป็นของแถมประจานความชั่วของวงศ์วานว่านเครือมันอีก อย่างนี้ถ้าอยากเข้าประเทศก็ให้มันเข้ามาเถอะ เสร็จแล้วก็ฝังมันใต้เสาเอกสนามบินสุวรรณภูมิแก้อาถรรพ์กันซะเลย แบบเดียวกับสร้างเมืองสมัยเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นบ้างครับ

[ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป]

1. การบินไทยเป็นบริษัท ย่อมทำตามมติผู้ถือหุ้น (เจ้าของ)
2. การบินไทยรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รัฐเป็นเจ้าของ

รัฐบาลสั่งมา..............จบง่ายๆแบบนี้แหละครับ

[^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^]

ผมว่านะครับ ซื้อ B52 มาติดเก้าอี้เอาได้ไหมครับ
แล้วพอถึง หน้ารบเราก็เอาไปทิ้งระเบิดนะครับ