เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 18, 2024, 09:28:01 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 12 13 14 [15] 16 17 18
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คงหลีกเลี่ยงสงครามอเมริกา&อิหร่านไม่ได้แล้ว.....  (อ่าน 38844 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #210 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2012, 11:13:54 PM »

ผู้ชนะ

ผู้มีอำนาจ

ผู้ยิ่งใหญ่

เป็นผู้กำหนดกติกาจริงๆ......

คิดแล้วขำจริงๆ กับการค้นพบอเมริกา....ที่เขายกย่องกันยิ่งใหญ่...ตามตำราที่เรียนมา หึๆๆ

ไม่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรครับ  ไล่ฆ่ายึดที่อยู่อินเดียแดงเอามาเป็นของตัวเองไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ

แต่เป็นเกือบทั้งทวีป  ผลิตอาวุธเพื่อการฆ่าอินเดียแดงโดยเฉพาะ  พัฒนาเรื่อยมาจาก

ไรเฟิลบรรจุนัดเดียว  กลายมาเป็นบรรจุหลายนัด(ปืนคานเหวี่ยง) กลัวจะฆ่าได้น้อย  

ฆ่าได้ช้าเกินไป ไม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ทำไม่ได้นะครับ  Cheesy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2012, 11:37:41 PM โดย ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ » บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #211 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 12:25:38 AM »

ไม่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรครับ  ไล่ฆ่ายึดที่อยู่อินเดียแดงเอามาเป็นของตัวเองไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ

แต่เป็นเกือบทั้งทวีป  ผลิตอาวุธเพื่อการฆ่าอินเดียแดงโดยเฉพาะ  พัฒนาเรื่อยมาจาก

ไรเฟิลบรรจุนัดเดียว  กลายมาเป็นบรรจุหลายนัด(ปืนคานเหวี่ยง) กลัวจะฆ่าได้น้อย 

ฆ่าได้ช้าเกินไป ไม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ทำไม่ได้นะครับ  Cheesy
เอ...ผมว่าไปโทษอเมริกันชนเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกครับ ต้องโทษประเทศอังกฤษ ประเทศแม่ในขณะนั้นด้วย

ถ้าอังกฤษไม่เริ่มส่งคนผิวขาวเข้ามาในดินแดนอเมริกามากขึ้นเพื่อหวังกอบโกยทรัพยากรกลับไปประเทศตัวเอง และเริ่มใช้นโยบายทั้งสันติวิธีและยุทธวิธีทั้งเจรจาและใช้อาวุธกับพวกอินเดียนแดงให้ถอยร่นออกไปจากพื้นที่เดิมอันศักดิ์สิทธิ์และอุดมสมบูรณ์ของตัวเอง ผมว่ามันไม่นองเลือดกันแบบนี้หรอกครับ

พอพวกอินเดียนแดงโดนไล่ให้ถอยร่นลึกเข้าไปในแผ่นดินมากเข้า ก็ไปเจอแต่แผ่นดินที่มีแต่ความแห้งแล้งทุรกันดาร ทำเกษตรกรรมกสิกรรมก็ไม่ได้ผลดี พวกอินเดียนแดงก็เริ่มทนไม่ไหวรวมกลุ่มกันต่อต้านพวกพวกผิวขาวที่มารุกล้ำแย่งชิงดินแดนของตัวเอง ตอนแรกก็ตอบโต้แบบเบาๆหนักเข้าชักรุนแรงขึ้นจนรวมกลุ่มเป็นกองโจรปล้นฆ่าข่มขืนทำลายล้างพวกผิวขาวบ้าง

พวกอังกฤษอเมริกาชักเห็นว่าชักกำแหงมากไปแล้ว เลยร่วมมือกันปราบปรามและล่าสังหารจนอินเดียนแดงแทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ เผ่าไหนยอมแพ้ก็ส่งไปอยู่พื้นที่สงวนซึ่งห่างไกลและกันดารกว่าเดิมครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #212 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 10:06:21 AM »

เมกาก็ค้นไปเรื่อยครับ  ณ.ปัจจุบันก็ยังค้นหาอยู่ไม่หยุดหย่อน..........

ค้นหาแม้กระทั่งดินแดนใหม่ๆนอกโลก......ก็ขอให้โชคดีเจอ..........
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #213 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 08:40:38 PM »

ไม่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรครับ  ไล่ฆ่ายึดที่อยู่อินเดียแดงเอามาเป็นของตัวเองไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ

แต่เป็นเกือบทั้งทวีป  ผลิตอาวุธเพื่อการฆ่าอินเดียแดงโดยเฉพาะ  พัฒนาเรื่อยมาจาก

ไรเฟิลบรรจุนัดเดียว  กลายมาเป็นบรรจุหลายนัด(ปืนคานเหวี่ยง) กลัวจะฆ่าได้น้อย 

ฆ่าได้ช้าเกินไป ไม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ทำไม่ได้นะครับ  Cheesy
เอ...ผมว่าไปโทษอเมริกันชนเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกครับ ต้องโทษประเทศอังกฤษ ประเทศแม่ในขณะนั้นด้วย

ถ้าอังกฤษไม่เริ่มส่งคนผิวขาวเข้ามาในดินแดนอเมริกามากขึ้นเพื่อหวังกอบโกยทรัพยากรกลับไปประเทศตัวเอง และเริ่มใช้นโยบายทั้งสันติวิธีและยุทธวิธีทั้งเจรจาและใช้อาวุธกับพวกอินเดียนแดงให้ถอยร่นออกไปจากพื้นที่เดิมอันศักดิ์สิทธิ์และอุดมสมบูรณ์ของตัวเอง ผมว่ามันไม่นองเลือดกันแบบนี้หรอกครับ

พอพวกอินเดียนแดงโดนไล่ให้ถอยร่นลึกเข้าไปในแผ่นดินมากเข้า ก็ไปเจอแต่แผ่นดินที่มีแต่ความแห้งแล้งทุรกันดาร ทำเกษตรกรรมกสิกรรมก็ไม่ได้ผลดี พวกอินเดียนแดงก็เริ่มทนไม่ไหวรวมกลุ่มกันต่อต้านพวกพวกผิวขาวที่มารุกล้ำแย่งชิงดินแดนของตัวเอง ตอนแรกก็ตอบโต้แบบเบาๆหนักเข้าชักรุนแรงขึ้นจนรวมกลุ่มเป็นกองโจรปล้นฆ่าข่มขืนทำลายล้างพวกผิวขาวบ้าง

พวกอังกฤษอเมริกาชักเห็นว่าชักกำแหงมากไปแล้ว เลยร่วมมือกันปราบปรามและล่าสังหารจนอินเดียนแดงแทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ เผ่าไหนยอมแพ้ก็ส่งไปอยู่พื้นที่สงวนซึ่งห่างไกลและกันดารกว่าเดิมครับ ไหว้

พูดให้สวยหรูอย่างไรมันก็คือการไปแย่งที่อยู่และไล่ฆ่าเจ้าของพื้นที่เดิมนั่นแหละครับ   Cheesy
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #214 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 08:52:48 PM »

ไม่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรครับ  ไล่ฆ่ายึดที่อยู่อินเดียแดงเอามาเป็นของตัวเองไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ

แต่เป็นเกือบทั้งทวีป  ผลิตอาวุธเพื่อการฆ่าอินเดียแดงโดยเฉพาะ  พัฒนาเรื่อยมาจาก

ไรเฟิลบรรจุนัดเดียว  กลายมาเป็นบรรจุหลายนัด(ปืนคานเหวี่ยง) กลัวจะฆ่าได้น้อย 

ฆ่าได้ช้าเกินไป ไม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ทำไม่ได้นะครับ  Cheesy
เอ...ผมว่าไปโทษอเมริกันชนเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกครับ ต้องโทษประเทศอังกฤษ ประเทศแม่ในขณะนั้นด้วย

ถ้าอังกฤษไม่เริ่มส่งคนผิวขาวเข้ามาในดินแดนอเมริกามากขึ้นเพื่อหวังกอบโกยทรัพยากรกลับไปประเทศตัวเอง และเริ่มใช้นโยบายทั้งสันติวิธีและยุทธวิธีทั้งเจรจาและใช้อาวุธกับพวกอินเดียนแดงให้ถอยร่นออกไปจากพื้นที่เดิมอันศักดิ์สิทธิ์และอุดมสมบูรณ์ของตัวเอง ผมว่ามันไม่นองเลือดกันแบบนี้หรอกครับ

พอพวกอินเดียนแดงโดนไล่ให้ถอยร่นลึกเข้าไปในแผ่นดินมากเข้า ก็ไปเจอแต่แผ่นดินที่มีแต่ความแห้งแล้งทุรกันดาร ทำเกษตรกรรมกสิกรรมก็ไม่ได้ผลดี พวกอินเดียนแดงก็เริ่มทนไม่ไหวรวมกลุ่มกันต่อต้านพวกพวกผิวขาวที่มารุกล้ำแย่งชิงดินแดนของตัวเอง ตอนแรกก็ตอบโต้แบบเบาๆหนักเข้าชักรุนแรงขึ้นจนรวมกลุ่มเป็นกองโจรปล้นฆ่าข่มขืนทำลายล้างพวกผิวขาวบ้าง

พวกอังกฤษอเมริกาชักเห็นว่าชักกำแหงมากไปแล้ว เลยร่วมมือกันปราบปรามและล่าสังหารจนอินเดียนแดงแทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ เผ่าไหนยอมแพ้ก็ส่งไปอยู่พื้นที่สงวนซึ่งห่างไกลและกันดารกว่าเดิมครับ ไหว้

พูดให้สวยหรูอย่างไรมันก็คือการไปแย่งที่อยู่และไล่ฆ่าเจ้าของพื้นที่เดิมนั่นแหละครับ   Cheesy
เอา ก็เขาค้นพบน้า อุส่าห์เสี่ยงตาย ข้ามน้ำข้ามทะเลไป ตั้งเท่าไหร่?
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #215 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 11:01:10 PM »

นอกเรื่อง นิด ครับ

อาวุธ นิวเคลียส์ มีอายุสั้น ไม่สามารถ เก็บใว้ได้นาน หลายสิบปี อย่าง อาวุธ ทาง ยุทธวิธี ทั่วไป เพราะ สารกำมันตรังสี มีช่วงครึ่งชีวิตของธาคตุ(half life)   สั้น-ยาว ไม่เท่ากัน

ช่วงที่ยังไม่มีกฎห้ามทดลอง นิวเคลียส์ ไอ้กัน ได้เอาระเบิดในคลังแสง ที่เก็บใว้นานกว่า 10 ปี มาทดลอง จุดระเบิด ทำให้ทราบว่า อำนาจทำลายของ ระเบิด นิวเคลียส์ ลดลงกว่าครึ่ง

ดังนั้น อาวุธนิวเคลียส์ ต้องมีการนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพ ทุก ๆ 5 - 10 ปี เพื่อคงอำนาจทำลายล้างให้ใกล้เคียงกับ หัวรบที่ผลิตใหม่ ๆ นั่นเอง

** ครึ่งชีวิตของธาตุ (half life) หมายถึง ระยะเวลาที่สารสลายตัวไปจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิมใช้สัญลักษณ์เป็น t1/2 นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ไม่เสถียร จะสลายตัวและแผ่รังสีได้เองตลอดเวลาโดยไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิหรือความดัน อัตราการสลายตัว เป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนอนุภาคในธาตุกัมมันตรังสีนั้น ปริมาณการสลายตัวจะบอกเป็นครึ่งชีวิตเป็นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละไอโซโทป
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #216 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2012, 11:24:28 PM »

นอกเรื่อง นิด ครับ

อาวุธ นิวเคลียส์ มีอายุสั้น ไม่สามารถ เก็บใว้ได้นาน หลายสิบปี อย่าง อาวุธ ทาง ยุทธวิธี ทั่วไป เพราะ สารกำมันตรังสี มีช่วงครึ่งชีวิตของธาคตุ(half life)   สั้น-ยาว ไม่เท่ากัน

ช่วงที่ยังไม่มีกฎห้ามทดลอง นิวเคลียส์ ไอ้กัน ได้เอาระเบิดในคลังแสง ที่เก็บใว้นานกว่า 10 ปี มาทดลอง จุดระเบิด ทำให้ทราบว่า อำนาจทำลายของ ระเบิด นิวเคลียส์ ลดลงกว่าครึ่ง

ดังนั้น อาวุธนิวเคลียส์ ต้องมีการนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพ ทุก ๆ 5 - 10 ปี เพื่อคงอำนาจทำลายล้างให้ใกล้เคียงกับ หัวรบที่ผลิตใหม่ ๆ นั่นเอง

** ครึ่งชีวิตของธาตุ (half life) หมายถึง ระยะเวลาที่สารสลายตัวไปจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิมใช้สัญลักษณ์เป็น t1/2 นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ไม่เสถียร จะสลายตัวและแผ่รังสีได้เองตลอดเวลาโดยไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิหรือความดัน อัตราการสลายตัว เป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนอนุภาคในธาตุกัมมันตรังสีนั้น ปริมาณการสลายตัวจะบอกเป็นครึ่งชีวิตเป็นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละไอโซโทป

พูดง่าย  ๆ  ก็คือ เมกาผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มทุก ๆ ๕ - ๑๐ ปี นั่นเองครับ  แต่ตัวเองห้ามคนอื่นผลิต   Cheesy
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #217 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2012, 11:59:51 PM »

นอกเรื่อง นิด ครับ

อาวุธ นิวเคลียส์ มีอายุสั้น ไม่สามารถ เก็บใว้ได้นาน หลายสิบปี อย่าง อาวุธ ทาง ยุทธวิธี ทั่วไป เพราะ สารกำมันตรังสี มีช่วงครึ่งชีวิตของธาคตุ(half life)   สั้น-ยาว ไม่เท่ากัน

ช่วงที่ยังไม่มีกฎห้ามทดลอง นิวเคลียส์ ไอ้กัน ได้เอาระเบิดในคลังแสง ที่เก็บใว้นานกว่า 10 ปี มาทดลอง จุดระเบิด ทำให้ทราบว่า อำนาจทำลายของ ระเบิด นิวเคลียส์ ลดลงกว่าครึ่ง

ดังนั้น อาวุธนิวเคลียส์ ต้องมีการนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพ ทุก ๆ 5 - 10 ปี เพื่อคงอำนาจทำลายล้างให้ใกล้เคียงกับ หัวรบที่ผลิตใหม่ ๆ นั่นเอง

** ครึ่งชีวิตของธาตุ (half life) หมายถึง ระยะเวลาที่สารสลายตัวไปจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิมใช้สัญลักษณ์เป็น t1/2 นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ไม่เสถียร จะสลายตัวและแผ่รังสีได้เองตลอดเวลาโดยไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิหรือความดัน อัตราการสลายตัว เป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนอนุภาคในธาตุกัมมันตรังสีนั้น ปริมาณการสลายตัวจะบอกเป็นครึ่งชีวิตเป็นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละไอโซโทป

พูดง่าย  ๆ  ก็คือ เมกาผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มทุก ๆ ๕ - ๑๐ ปี นั่นเองครับ  แต่ตัวเองห้ามคนอื่นผลิต   Cheesy
ผมว่าอเมริกาไม่ได้ผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มเติมไว้หรอกครับ เพียงแต่สะสมแร่ยูเรเนียมไว้มากกว่า เพราะถ้าผลิตหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นมาจริงๆ มันจะมีปัญหาทั้งเรื่องงบประมาณในการดูแลรักษา รวมทั้งมีผลไปถึงสนธิสัญญาลดหัวรบนิวเคลียร์ START II ที่สหรัฐฯทำไว้กับรัสเซีย

ฉะนั้นวิธีเลี่ยงบาลีทีดีกว่าคือสะสมไว้ในรูปแบบแร่ยูเรเนียมธรรมดา (U-238) ให้มากที่สุด โดยบอกว่าสะสมไว้เพื่อความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า พอจะใช้งานก็ค่อยนำไปผ่านกรรมวิธีเสริมสมรรถนะให้เป็น U-235 และได้ผลพลอยได้คือ แร่ยูเรเนียมเสื่อมสมรรถนะ (Deplete Uranium;DU) เอาไว้ทำกระสุนเจาะเกราะสำหรับปืนใหญ่อากาศและปืนใหญ่รถถังไงครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #218 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:09:34 AM »

พูดให้สวยหรูอย่างไรมันก็คือการไปแย่งที่อยู่และไล่ฆ่าเจ้าของพื้นที่เดิมนั่นแหละครับ   Cheesy
เอา ก็เขาค้นพบน้า อุตส่าห์เสี่ยงตาย ข้ามน้ำข้ามทะเลไป ตั้งเท่าไหร่?
มันเป็นกฎตามธรรมชาติครับ เผ่าพันธุ์ใดแข็งแรงและฉลาดกว่าก็ได้ครอบครอง ส่วนเผ่าพันธุ์ใดที่อ่อนแอกว่าถ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์ก็ต้องล้มหายตายจากกันไปข้างนึง แม้แต่ในกฎหมายระหว่างประเทศคลาสสิกยังมีหลักกฎหมายที่ว่า "Power make right" เลยครับ

ฉะนั้นเรื่องพวกคนผิวขาวไปไล่ล่ากอบโกยทรัพยากรจากพวกอินเดียนแดง มันก็คือเรื่องธรรมดาของโลก ถ้าพวกอินเดียนแดงยอมปรับตัวเข้าหาคนผิวขาว ประวัติศาสตร์อาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบนึงก็ได้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #219 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:26:13 AM »

เมกาผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มทุก ๆ ๕ - ๑๐ ปี นั่นเองครับ  แต่ตัวเองห้ามคนอื่นผลิต   

ปกติจะนำไปปรับสภาพใหม่ครับ มีหัวรบอย่างเดียวไม่พอต้องมีทุนมาปรับสภาพด้วย
บันทึกการเข้า
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #220 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:46:31 AM »

 แซวเขามากก็ไม่ดีครับ หลังสงครามเวียตนามเขาขายM60A1มาให้ถูกๆตั้ง178คัน ก่อนหน้านั้นก็ได้M41จากสงครามเกาหลีมาตั้ง200คัน....ถ้าไม่ได้ของจากเขา เราคงเป็นคอมมูนิสต์ไปแล้ว

 อย่าไปมองว่าM60ราคาถูก178คันนั่น เป็นเพราะตอนหางจุกตูดออกจากเวียตนาม พ่อดทิ้งเอฟ.5 อี/เอฟ. มากกว่า450เครื่อง , รถถังเอ็ม.48 เอ.3 - เอ็ม.60 มากกว่า 2,000คันไว้ให้เวียตนามใช้....ผลพวงจากยุทโธปกรณ์มหาศาลนั่น จีนเป็นคนแก้ให้เมื่อตอนสงคราม16วัน กระสุนปืนใหญ่ที่เราใช้ยันไว้ในตอนท้ายของครึ่งแรกก็เป็นอินโดนีเซียขนมาให้ยืม......ไอ้คนที่ขี้ทิ้งไว้มันนั่งอมทิชชู่เงียบกริบ

อย่าไปมองแบบย่อหน้าที่2นะครับ อ่านบรรทัดที่1แล้วสำนึกบุญคุณเขาไว้ให้ดี เขาโคตรจะมีบุญคุณล้นหัวมาตั้งแต่รุ่นปู่ยันชั้นหลาน  ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #221 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 10:01:55 AM »

พูดให้สวยหรูอย่างไรมันก็คือการไปแย่งที่อยู่และไล่ฆ่าเจ้าของพื้นที่เดิมนั่นแหละครับ   Cheesy
เอา ก็เขาค้นพบน้า อุตส่าห์เสี่ยงตาย ข้ามน้ำข้ามทะเลไป ตั้งเท่าไหร่?
มันเป็นกฎตามธรรมชาติครับ เผ่าพันธุ์ใดแข็งแรงและฉลาดกว่าก็ได้ครอบครอง ส่วนเผ่าพันธุ์ใดที่อ่อนแอกว่าถ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์ก็ต้องล้มหายตายจากกันไปข้างนึง แม้แต่ในกฎหมายระหว่างประเทศคลาสสิกยังมีหลักกฎหมายที่ว่า "Power make right" เลยครับ

ฉะนั้นเรื่องพวกคนผิวขาวไปไล่ล่ากอบโกยทรัพยากรจากพวกอินเดียนแดง มันก็คือเรื่องธรรมดาของโลก ถ้าพวกอินเดียนแดงยอมปรับตัวเข้าหาคนผิวขาว ประวัติศาสตร์อาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบนึงก็ได้ครับ ไหว้
ขอบคุณครับ...

Democracy
OR
Democratic approach.

ผมมิได้หมายความถึงคุณรพินทรนาถครับ เพียงแต่นึกเข้าใจเอาเอง เกี่ยวกับแนวทางของเขา ที่ทำอยู่ปัจจุบัน

บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #222 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 10:24:55 PM »

ขอบคุณครับ...

Democracy
OR
Democratic approach.

ผมมิได้หมายความถึงคุณรพินทรนาถครับ เพียงแต่นึกเข้าใจเอาเอง เกี่ยวกับแนวทางของเขา ที่ทำอยู่ปัจจุบัน

หลักกฎหมาย Power make right นี้มันตายไปจากกฎหมายระหว่างประเทศนานแล้วครับ เขาถึงเรียกมันว่าหลักกฎหมายระหว่างประเทศแบบคลาสสิกไง Cheesy

หลักนี้มันเริ่มตายมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ตอนตั้งองค์การสันนิบาตชาติ แล้วมาตายสนิทจริงๆสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อตอนที่ชาติต่างๆร่วมกันจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ เพราะทุกชาติเล็งเห็นแล้วว่าต่อให้มีแสนยานุภาพทางทหารและทางเศรษฐกิจเกรียงไกรแค่ไหนก็แก้ปัญหาไม่ได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องสงคราม ยิ่งทุกชาติสะสมอาวุธกันมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องพิพาทบาดหมางกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้น พอเกิดสงครามขึ้นมาก็มีปัญหาเรื่องปากท้อง เรื่องผู้อพยพ เรื่องโรคระบาด ฯลฯ ตามมาเป็นหางว่าว ซึ่งไม่ส่งผลกระทบแค่คู่สงครามอย่างเดียวแต่ลุกลามไปถึงประเทศรอบข้างจนถึงทั้งทวีปได้ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #223 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 10:38:52 PM »

นอกเรื่อง นิด ครับ

อาวุธ นิวเคลียส์ มีอายุสั้น ไม่สามารถ เก็บใว้ได้นาน หลายสิบปี อย่าง อาวุธ ทาง ยุทธวิธี ทั่วไป เพราะ สารกำมันตรังสี มีช่วงครึ่งชีวิตของธาคตุ(half life)   สั้น-ยาว ไม่เท่ากัน

ช่วงที่ยังไม่มีกฎห้ามทดลอง นิวเคลียส์ ไอ้กัน ได้เอาระเบิดในคลังแสง ที่เก็บใว้นานกว่า 10 ปี มาทดลอง จุดระเบิด ทำให้ทราบว่า อำนาจทำลายของ ระเบิด นิวเคลียส์ ลดลงกว่าครึ่ง

ดังนั้น อาวุธนิวเคลียส์ ต้องมีการนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพ ทุก ๆ 5 - 10 ปี เพื่อคงอำนาจทำลายล้างให้ใกล้เคียงกับ หัวรบที่ผลิตใหม่ ๆ นั่นเอง

** ครึ่งชีวิตของธาตุ (half life) หมายถึง ระยะเวลาที่สารสลายตัวไปจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิมใช้สัญลักษณ์เป็น t1/2 นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ไม่เสถียร จะสลายตัวและแผ่รังสีได้เองตลอดเวลาโดยไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิหรือความดัน อัตราการสลายตัว เป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนอนุภาคในธาตุกัมมันตรังสีนั้น ปริมาณการสลายตัวจะบอกเป็นครึ่งชีวิตเป็นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละไอโซโทป

พูดง่าย  ๆ  ก็คือ เมกาผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มทุก ๆ ๕ - ๑๐ ปี นั่นเองครับ  แต่ตัวเองห้ามคนอื่นผลิต   Cheesy
ผมว่าอเมริกาไม่ได้ผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มเติมไว้หรอกครับ เพียงแต่สะสมแร่ยูเรเนียมไว้มากกว่า เพราะถ้าผลิตหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นมาจริงๆ มันจะมีปัญหาทั้งเรื่องงบประมาณในการดูแลรักษา รวมทั้งมีผลไปถึงสนธิสัญญาลดหัวรบนิวเคลียร์ START II ที่สหรัฐฯทำไว้กับรัสเซีย

ฉะนั้นวิธีเลี่ยงบาลีทีดีกว่าคือสะสมไว้ในรูปแบบแร่ยูเรเนียมธรรมดา (U-238) ให้มากที่สุด โดยบอกว่าสะสมไว้เพื่อความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า พอจะใช้งานก็ค่อยนำไปผ่านกรรมวิธีเสริมสมรรถนะให้เป็น U-235 และได้ผลพลอยได้คือ แร่ยูเรเนียมเสื่อมสมรรถนะ (Deplete Uranium;DU) เอาไว้ทำกระสุนเจาะเกราะสำหรับปืนใหญ่อากาศและปืนใหญ่รถถังไงครับ ไหว้

ตามความคิดผม  เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ผลิตเพิ่ม  เพราะมหาอำนาจอย่างเมกา  จีน  รัสเซีย  ต้องคงสถานะหัวรบไว้อย่างน้อยก็ตามอัตราหัวรบขั้นต่ำสุด

ที่จะตอบโต้ได้เมื่อเกิดสงคราม  ถ้าไม่มีการผลิตเพิ่มเมื่อหัวรบทั้งหมดเสื่อมสภาพตามกาลเวลาก็เท่ากับว่าเมกา  จีน  และรัสเซียไม่มีหัวรบในครอบครองเลย 

ซึ่งเป็นไปไม่ได้ครับ   ไหว้
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #224 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 11:18:53 PM »

คงมีแอบผลิตบ้างแหละครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
หน้า: 1 ... 12 13 14 [15] 16 17 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 22 คำสั่ง