เรื่องเล่าจาก โต๊ะรัชดา ครับ ท่านใดอ่านแล้วก็ขอลงอีกทีนะครับ
ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ตอนนี้ผมก็กำลังผ่อนรถอยู่(อย่างเต็มกำลัง)ครับ
ทำได้ ไม่ได้ ไม่ต้องซีเรียสนะค๊าบ.......เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
.......................
ผมอยากได้รถใหม่...แต่ผมขอเลือกมีความสุขกับครอบครัวดีกว่า เมื่อวานนี้ตอนประมาณบ่าย 3 โมงเย็นเป็นวันที่ผมโล่งอก ปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
สบายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก หลังจากที่ผมนั่งทนทุกข์ทรมาณทั้งความอยากได้รถใหม่
กระหายอยากได้รถใหม่มานั่ง รวมจนถึงการคิดคำนวณรายได้รายรับค่าใช้จ่ายของแต่ละเดือนในกรณีที่ผมจะซื้อรถใหม่
บนความกระสันกระหายอยากได้รถใหม่ของผม แล้วในที่สุดเมื่อวานนี้ผมได้ไปที่โชว์รูมรถแห่งหนึ่ง
โดยขับรถกะบะเก่าอายุ 12 ปีของผมไปตีเทินร์รถใหม่โดยไม่ได้บอกครอบครัว ไม่ได้บอกลูกเมียของผม
กะว่าจะสร้างความเซอร์ไพส์เมื่อได้ออกรถใหม่ โดยกะว่าเมื่อเทิร์นราคารถเสร็จ
แล้วจะรอจนกว่ารถใหม่มาแล้วจะพาลูกเมียมารับรถใหม่เลย แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางมาซื้อรถคนเดียว
บ่ายโมงครึ่งเมื่อวานนี้ผมขับรถกระบะของผมเข้าไปที่โชว์รูมรถแห่งนั้น เข้าไปจอดที่โรงจอดรถของโชว์รูมรถ
แล้วก็เข้าไปหาเซลขายรถคนหนึ่ง โดยบอกว่าผมจะเอารถมาเทินร์เพื่อซื้อรถคันใหม่
เซลขายรถรีบเชื้อเชิญผมนั่งกินน้ำ แล้วก็แนะนำราคารถใหม่พร้อมกับตามเต้นท์รถมาตีราคารถของผม
ระหว่างนั้นก็พาผมไปดูรถคันใหม่ที่ผมจะซื้อ แนะนำค่างวด ค่าผ่อน ดอกเบี้ย และส่วนแถมต่างๆ
ระหว่างที่ผมดูรถใหม่ไปพลางพลางนั้น ผมเองก็เริ่มวิตกเรื่องค่าใช้จ่าย
เริ่มวิตกว่าถ้าหลังจากที่ผมซื้อรถไปแล้วค่างวดแต่ละเดือนจะลำบากไม๊
ก่อนอื่นต้องเล่ารายได้และครอบครัวของผมเบื้องต้นก่อนนะครับ
ผมเองทำงานเป็นข้าราชการมาประมาณ 17 ปีแล้วครับ
ถ้านับตำแหน่งของผมก็เป็นหัวหน้าหน่วยงานระดับอำเภอครับ
ภรรยาของผมก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน ตำแหน่งหน้าที่การงานของภรรยาของผมก็ใกล้เคียงกับผมครับ
ถ้าพูดถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของเราทั้ง 2 คนก็คงถือว่าอยู่ในระดับสูงพอสมควรของอำเภอในจังหวัด
รายได้เรา 2 คนรวมกันก็ราว 7 หมื่นบาทครับ พอพูดถึงรายได้เรา 2 คนรวมกันก็คิดว่าเยอะพอประมาณครับ
ผมเองมีลูก 2 คนที่ต้องดูแล และมีพ่อแม่ของผมที่ผมต้องเลี้ยงดู
ท่านและท่านเองก็ไม่มีรายได้อะไรหลังจากที่หาเงินส่งเสียผมมาตลอด ผมเองมีรายจ่ายประจำเดือนที่คงที่ก็คือ
1.รายจ่ายค่าส่งงวดบ้าน เดือนละ 25000 บาท
2.ค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ ค่าจิปาถะของบ้านผมก็ตกเดือนละ 4000 บาท
3.ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนที่ลุกเรียนค่ากินค่าอาหารของลูกและค่าพี่เลี้ยงเด็กก็รวมราวเดืนอละ 8 พันบาท
ตกค่าใช้จ่ายคงที่ที่ต้องจ่ายแน่นอนก็ราวเดือนละ 4 หมื่นบาท
ที่มีเงินเหลือแต่ละเดือนของผมก็ราว 3 หมื่นบาทที่ต้องกินอยู่ทั้งครอบครัว แล้วก็ต้องเก็บเงินบางส่วนเพื่อครอบครัว
ปกติที่ผ่านมาผมเก็บเงินให้ลูกและครอบครัวได้เดือนละ 5 พันบาท โดยพยายามเก็บทุกเดือน
ผมมีรถกระบะ 1 คันอายุการใช้งานก็ 12 ปีแล้วครับ
แล้วก็มีมอเตอร์ไซค์ 1 คันซึ่งบางทีก็ผมหรือไม่ก็ภรรยาสลับกันขี่ไปทำงานถ้าวันไหนเราไปทำงานพร้อมกันไม่ได้
ในที่ทำงานของผมมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผมหลายคนมีรถยนต์ใช้กันเกือบทุกคน
แถมรถที่ใช้ก็มีแต่ใหม่ใหม่แถมหรูหรูกันทั้งนั้น ก็ถามพวกเค้าว่าซื้อกันยังไง
พวกเค้าก็บอกว่าผ่อนกันทุกคน เค้าบอกว่าซื้อเพื่อเป็นกำลังใจของชีวิต อดทนผ่อนเอาเดี๋ยวก็หมด
ส่วนเรื่องการซื้อบ้านของพวกเค้า พวกเค้าบอกว่าใกล้จะเกษียณค่อยคิดซื้อ
ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานของผมส่วนใหญ่เป็นหนี้สหกรณ์กันแทบทั้งหมด
เงินเดือนเหลือไม่กี่บาทแต่พวกเค้าก็อดทนผ่อนรถแพงแพงกัน
ที่ทำงานของผม ผมจะโดนเจ้าหน้าที่ถามผมบ่อยว่า เมื่อไหร่หัวหน้าจะออกรถใหม่ ....ผมมักจะยิ้ม
ทั้งที่ความจริงอยากได้รถใหม่มาก แต่พอมาคิดถึงรายจ่ายรายรับแล้วก็ยังกล้ากล้ากลัวกลัวกับอนาคตที่อาจจะไม่แน่นอน
ผมคิดเรื่องจะซื้อรถใหม่มาหลายปีแล้ว แต่ก็คิดไม่ตกว่าถ้าผมซื้อรถใหม่แล้ว
ผมคงไม่มีเงินเก็บรายเดือนเดือนละ 5 พันบาทแน่นอน เพราะเงินส่วนนี้จะต้องเอาไปผ่อนรถแทน แล้วอนาคตของลูกลูกผมล่ะ
แต่แล้วเมื่อวานนี้ผมก็สู้กิเลสในใจไม่ได้ เมื่อแวะเข้าไปในโชว์รูมรถ แล้วในที่สุดเต้นท์รถก็ประเมินรถเก่าให้ 1 แสนบาท
แล้วก็ผมกะจะดาวน์รถโดยใช้เงินเก็บที่มีอยู่ อีก 3 แสนบาท มาดาวน์รถ อีก 2 แสน กะว่าจะดาวน์รถรวม 3 แสนบาท
เหลือเงินเก็บไว้สัก 1 แสนบาท ก็ตกลงกับเซลขายรถแล้ว อัตราค่างวดผ่อน 60 งวด ตกเดือนละ 7 พันบาท
ก็คิดว่าสู้อดทนอีก 60 เดือนเอง เงินเดือนเราก็ขึ้นทุกปีไม่น่าจะมีปัญหา ใช้อย่างประหยัด
แต่แล้วความคิดนี้ก็มาเปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตา เมื่อผมกำลังตกลงงวดส่งกำลังจะวางเงินจองรถใหม่ 5 พันบาท
เมื่อภรรยาผมโทรมาหาถามว่าไปจังหวัดผมกลับบ้านหรือยัง...
ถ้ายังไม่กลับช่วยซื้อขนมกับหนังสือการ์ตูนกับแผ่นซีดีการ์ตูนมาฝากลูกด้วย........
เป็นประโยคเดียวที่อยู่อยู่ผมก็น้ำตาซึม เป็นประโยคเดียวที่อยู่อยู่กิเลสที่บังจิตใจของผมอยู่ก็หายไป
ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมกำลังทำอะไรแค่สนองตัณหาของผม แค่สนองกิเลสของผม
แค่สนองภาพของสังคมของผมแค่นั้นหรือ แล้วลูกผมล่ะ ?
ผมบอกกับเซลขายรถทันทีว่าผมขอปรึกษาลูกเมียก่อนจะจองรถนะ
จะได้มาเลือกสีด้วยกัน ทั้งที่ความจริงผมจะไม่ซื้อรถใหม่แล้ว ผมเดินออกจากโชว์รูมรกด้วยความสบายใจ
ด้วยความโล่งใจ มาเลือกซื้อซื้อแผ่นซีดีการ์ตูน เลือกซื้อขนม แล้วก็เลือกซื้อหนังสือให้ลูกด้วยความสบายใจ
กลับถึงบ้านเลยลองถามภรรยาว่า อยากได้รถใหม่ไม๊..... ภรรยาผมตอบว่า....อยากได้รถใหม่ก็อยากได้
แต่รถเก่าเราก็ยังขับได้ไม่ใช่เหรอ ขับไปเที่ยวทั้งครอบครัวก็ยังได้ไม่ใช่เหรอ.....
ถ้าเราซื้อรถใหม่เราจะไม่มีเงินเก็บในแต่ละเดือนน่ะ
แค่หนูมีพี่เป็นสามีที่ดี มีลูกที่น่ารัก หนูก็พอใจแล้ว......เป็นประโยคที่ภรรยาผมตอบกับผม
อืมม....แล้วก็เป็นวันที่ผมปลอดโปร่งอีกครั้งที่ผมยังไม่ซื้อรถตอนนี้ รอเก็บเงินอีกสักพักก่อนครับ
ขอบคุณครับที่ผมมีภรรยาที่น่ารัก มีลูกที่ดี มีพ่อแม่ที่ยังให้ผมสามารถเลี้ยงดูได้ ความสุขอยู่ที่ครอบครัวจริงๆ