ในห้วงปี ค.ศ. 1892 เป็นต้นมา พวกเราเคยเรียนประวัติศาสตร์ ทราบว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกอังกฤษ ฝรั่งเศส ได้มายึดดินแดนในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบ้านเรา เช่น ฝั่งตะวันออกของไทย เป็นของฝรั่งเศส ฝั่งตะวันตก และทางใต้ของไทยจรด สิงค์โปร์ เป็นของอังกฤษ
.....กระผมก็รู้เพียงแค่ประวัติศาสตร์ขั้นประถม มัธยม แค่นั้นเอง ไม่ได้จบวิชาประวัติศาสตร์โลกเสียด้วย
.....แต่ถ้าจะเล่นปืนเก่า ปืนอมตะ แล้วรู้เรื่องประวัติศาสตร์โลก แค่เลาๆ ก็จะทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้นนะครับ
...ครับ ......ในช่วง ร.5 เราก็รู้แต่ อังกฤษ และฝรั่งเศส ........แล้ว มะริกันละครับ .....หายไปไหน มีการออกล่าเมืองขึ้น หรือล่าอาณานิคม กับเขาด้วยหรือไม่
?เป็นคำถามคาใจอยู่เหมือนกัน
.......ไม่รู้ว่า ล่าเมืองขึ้นกับเขาด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ มะริกัน ได้เข้ามามีเอี่ยว เข้ามามีส่วน ในการปราบ กลุ่มบุคคลผู้รักชาติ รักแผ่นดิน ที่รวมตัวกันลุกฮือต่อต้าน การเข้ามามีอำนาจของชาติตะวันตก ในแผ่นดิน พระนางซูสีไทเฮา
.....อ๋อ ...เพิ่งจะรู้ว่า มะริกัน ....ก็เข้ามาแบ่งเค้ก...แผ่นดินจีน ร่วมกัน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน .....ด้วยหรือนี่
....หรือที่เรียกว่า เข้ามาปราบกฎบ นักมวยนั่นแหละ
(ผมไม่ค่อยชอบ การแปลข้อความจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า กฎบ นักมวย ซักเท่าไหร่ มันเป็นการแปลภาษา มาจากฝ่ายที่ยกพลไปปราบพวกเขา (พวกฝรั่งบันทึกไว้ ) แล้วกล่าวหาว่าคนที่ตนไปปราบเป็นกฎบ กระนั้นหรือ
....แล้วถ้าฝรั่งมันจะมายึดไทย ในสมัย ร.5 หรือมันยึดไทยอยู่แล้ว เกิดมีคนไทยรักชาติซักกลุ่มหนึ่ง ....ลุกขึ้นต่อสู้ แล้วพวกฝรั่งเอาปืน โคลท์ 1892 ขนาด .38 ยิงตายหมดแล้วบันทึกไว้ว่า ได้เข้าร่วมในการปราบกฎบ สยาม......เราจะคิดอย่างไร ฝรั่งเป็นผู้รุกราน แล้วพอชาวพื้นเมืองต่อต้าน ก็ไปเรียกเขาว่า กฎบ อย่างนี้ ผมว่า แปลหรือเรียกกันไปแฟร์เลย วันหลังน่าจะคำว่า กฎบนักมวยว่า พวกกู้ชาติที่เป็นชาวบู๊ลิ้ม ...อะไรทำนองนั้น จะดีกว่า .....ขอระบายความในใจซักหน่อย .......
......มาเข้าเรื่องปืนดีกว่า
....ตั้งแต่ในห้วง ปี ค.ค. 1892 เป็นต้นมา .ปืนโคลท์ รีวอลเวอร์ .38 โมเดล 1892 ตลุยติดตัวทหารนาวิกโยธิน สหรัฐ ไปทั่วโลก เข้าไปแทรกแทรงบ้านเมืองของ เจ้าของแผ่นดินเดิมทั่วโลกไปหมด แต่ทำไมผมไม่ได้เรียนก็ไม่รู้
ได้ข่าวว่า ในตะวันออกกลาง ก็ไป ในฟิลิปปินส์ ก็ไป
....โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ กลุ่มผู้รักชาติ ชาวโมโร ....(ไม่เรียกกฎบแล้ว) ......รวมตัวรวมใจกันต่อต้าน การเข้ามาของสหรัฐ ..........โดยทำการรบแบบพลีชีพ ใช้มีดบารอง(ชื่อมีดของชาวโมโร) บุกเข้าไปปาดคอนาวิกโยธินสหรัฐได้
แม้ ทหารสหรัฐ จะได้ใช้กระสุน .38 ยิงโดนไปหลายนัด ก็หยุดนักรบ ที่ทำการรบด้วยจิตวิญญาณไม่ได้
นักรบ โมโร ก่อนทำการรบ หัวหน้ากลุ่มจะทำการปลุกใจ สร้างขวัญกำลังใจ ตามศาสนาพิธี สร้างจิดนักรบให้แข็งแกร่ง
ด้วยวิชาจิตวิทยา นักรบ จะเชื่อพร้อมจะตายเพื่อศาสนา
....ดังนั้น ลำพัง กระสุน .38 ไม่สามารถจะหยุดยั้ง นักรบโมโร ที่สู้อย่างสละชีพได้ ต่างจากทหารอเมริกัน ที่ไปรบด้วยการถูกเกณฑ์ หรือเหตุผลต่างๆ ที่ไม่ใช่การรักชาติ....ดังนั้น ทุนทรัพย์ทางจิตใจของนักรบทั้งสองฝ่าย แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
.....เมื่อไม่สามารถหยุดยั้งจิตใจอันกล้าแข็งของ โมโรได้ ต้องหาวิธีหยุดยั้งด้วย สาเหตุทางกายภาพดีกว่า กระสุนหัวใหญ่โต จึงเข้ามามีบทบาทในการยิง นักรบเหล่านี้ แม้ใจจะเกินร้อย วิ่งเข้ามาหา ทหารอเมริกัน แต่ถ้าโดนกระสุนหัวใหญ่ มากๆ แม้ใจจะวิ่งมาถึงตัวทหารอเมริกันแล้ว แต่กาย ไม่สามารถวิ่งเข้ามาได้ เพราะหยุดอยู่กับที่ด้วยอานุภาพกระสุนหัวใหญ่
.....ในการต่อสู้กับนักรบโมโร บนเกาะฟิลิปปินส์ กระสุนปืน รีวอลเวอร์ .38 จากเอ็ม 1892 ไม่สามารถหยุดยั้ง นักรบโมโรได้ กองทัพสหรัฐ จึงต้องเรียกหา โคลท์ .45 เอส เอ เอ กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
ความเชื่อที่ว่า กระสุนหัวใหญ่ วิ่งช้า หยุดคนที่โถมตัวเข้ามาทำร้ายได้ ดีกว่า กระสุนหัวเล็ก
.....ในห้วงปี่ 1900-1910 ก็ได้มีการพัฒนาอาวุธปืนพกระบบกึ่งอัตโนมัติกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
แต่ปืน พกกึ่งอัตโนมัติ สมัยนั้น ส่วนใหญ่ เป็นกระสุนขนาดเล็กได้ ได้แก่ .32 ...หรืออย่างมาก ก็ .38 ตัวอย่างเช่น เอ็ม 1903 ก็เป็น .38 เอ็ม 1908 ก็เป็นแค่ .32 เอ.... ลูเกอร์ พาราเบลลั่ม พี 08 ก็แค่ .38 นิ้ว ( 9 มม.พารา ).แล้วจะเป็นไปได้ไหม ที่จะคิดพัฒนา กระสุนหัวใหญ่ขนาด .45 มาเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติได้ แล้วมันจะทำได้จริงหรือ แล้วมันจะยิงไหวไหม ลำกล้อง ......สไลด์ จะรับแรงดันถอยหลังที่เกิดจากการระเบิดของกระสุนขนาด..45 ได้หรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ...