อดดู itv แล้วค่ะ พี่ๆ หลัง 24.00 น.

[vana_Art]

เป็นหนี้มากมายก็โอเค แต่พันล้านต่อปีต้องจ่ายซีคับ ไม่ใช่มาขอลดขอแก้สัญญา ทำผิดสัญญาสัมปทานก็ต้องยึดความถี่ช่องสัญญาณกลับคืนครับ แล้วเงื่อนไขการจัดตั้ง ITV หลังพฤษภาทะมึน ก็มีดังนี้
1. ผังรายการ ข่าวสารสาระ 70 บันเทิงอื่น ๆ 30 >ตอนนี้เหลือสาระข่าวสารเท่าไหร่...หา ไม่ใช่ 50/50 หรือ
2. ไม่ใช่ใต้อำนาจรัฐ > แต่ตอนนี้ทำผิดสัญญาถูกยึดสัมปทานขึ้นกับ สปน.(สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)ซะแล้วครับ
3. ไม่ใช่ใต้อำนาจกลุ่มทุนใด ๆ  > แต่โดนกลุ่มชินซื้อ และขายเทมาเส็กของสินกะโปก์ไปแล้วนี่ครับ
ยังมีใครคิดว่า ITV เป็นทีวีเสรีเพื่อประชาชน เพื่อสาธารณะ การปิดทำให้ประชาชนเสียหาย...ได้อย่างไร ดู ITV เพื่อข่าวสารทางด้านวิชาการได้ บันเทิงได้ แต่ข่าวสารสาระเหตุการณ์ทางการเมืองเชื่อถือไม่ได้ครับ แล้วพวกผู้บริหารไปไหน...ทำผิดแล้ว ทำไมปล่อยให้พนักงานออกมาทำอย่างนี้ครับ และหากพนักงาน ITV จะทำทีวีเพื่อประชาชนจริง ๆ ก็ยังมีหนทางอื่น เช่น ผลิตส่งออกแล้วยิงข่าวมาจากต่างประเทศก็ได้นี่ครับ

[Army - รักในหลวงครับ]

ไม่ได้เจาะจงจะตอบแย้งกับคุณArmyนะครับ แค่บังเอิญrep.มันต่อกันเฉยๆ

การระงับสัญญาณitvคราวนี้ ผมว่ามีคนมากมายได้ประโยชน์.......

ถามว่าที่ผ่านมาitvได้พยายามเอาแง่กฏหมายมาเล่น เพื่อที่จะเบี้ยวสัญญาที่ทำไว้กับทางรัฐทั้งในเรื่องของค่าสัมปทาน และผังรายการ จริงไหม?

คำตอบคือจริง ......

ข้ามหัวข้อที่ผ่านมาitvมีข้อถือดีอะไร ถือว่ามีใครคุ้มหัวถึงกล้าปลิ้นปล้อนซึ่งหน้าได้ขนาดนี้ให้ก็ได้....ถามง่ายๆว่าชั่วระยะเวลาที่มายื้อเรื่องจะเบี้ยวค่าสัมปทาน พนง.และบอร์ดของitvได้ประโยชน์กันไหม กินโบนัสกันพุงปลิ้นไหม ?

งั้นตอนนี้ก็จงหุบปากแล้วก้มหน้ารับผลกรรมที่ตัวเองทำไว้ซะ.....

สมน้ำหน้ามัน

พนง.itvและผู้เกี่ยวข้อง เสียประโยชน์กันแค่หลักพันคน.....แต่คนไทย และลูกหลานอีกนับชั่วรุ่นเป็นล้านคนได้ประโยชน์มหาศาล

คนไทยและลูกหลานอีกเป็นล้าน ได้มีกรณีของitvให้ได้ดูเป็นบทเรียน

เพื่อสังวรณ์กันไว้ ว่าทำกรรมอะไรก็จะได้รับผลของกรรมอันนั้น........

ยินดีและขอบคุณมากครับที่ท่าน E_mail ให้เกียรติเข้ามาให้ความเห็นกับความเห็นของผม    ความหมายของผมก็คือตอนนี้ไอทีวีก็โดนยึดเป็นทรัพย์สินของรัฐแล้ว ถ้ารัฐยังออกอากาศต่อมีรายการ มีคนดูก็มีสปอนเซอร์มีโฆษณา ทรัพย์สินนั้นก็ยังคงมูลค่าไว้ได้หรืออาจจะเพิ่มมูลค่าด้วย ขายต่อให้ใครหรือให้เช่าก็ได้ราคาเพราะเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพ พนักงานก็มีงานทำ มีรายได้ เอารายได้นั้นไปจับจ่ายใช้สอย ผ่อนบ้าน จ่ายค่าเล่าเรียนลูก ฯลฯ วงจรเศรษฐกิจก็ทำงานต่อไปโดยไม่มีปัญหา แต่ถ้าหยุดการทำงาน ทรัพย์สินนั้นราคาก็จะลดลง ไม่มีคนดูหรือคนดูน้อยลง ค่าโฆษณาก็ได้น้อยลง กระทบวงจรเศรษฐกิจ รัฐก็เสียประโยชน์ จะขายหรือให้ใครเช่ามูลค่าก็ลดลง ถ้าหยุดนานไปดีไม่ดีจะขายได้แต่เครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆเท่านั้น ไม่คุ้มเลย

การละเมิดต่อสัญญานั้นเกิดขึ้นในอดีตและเป็นผลให้ไอทีวีโดนปรับจนไม่สามารถจ่ายค่าปรับได้และได้กลายเป็นสมบัติของรัฐไปแล้ว ผมคิดว่าผลของการกระทำนั้นจบไปแล้วครับ พนักงานก็ได้รับผลกระทบไปแล้วคือบริษัทล้มละลาย ตกงาน ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย ฯลฯ  ส่วนผู้ถือหุ้นหรือบริษัทนั้นรัฐก็ต้องดำเนินการทวงค่าปรับดำเนินการไปตามกระบวนการ ถ้าเค้าไม่ยอมจ่ายจะมีมาตรการอย่างไร ฟ้องร้อง แบล็กลิสต์ ฯลฯ เมื่อผลของการกะทำในอดีตจบไปแล้วที่ผมคิดคือทำอย่างไรก็สิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคตมากกว่าครับ ที่รัฐควรทำคือคิดว่าทางออกใดคือทางออกที่ดีที่สุดและกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนน้อยที่สุดสำหรับปัญหานี้

ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดผมกล่าวโดยไม่ทราบเรื่องข้อกฎหมายต่างๆนะครับ พูดกันตามตรรกะของการแก้ปัญหาเท่านั้นว่า ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจผมจะทำอย่างไร แต่ผมดันไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจเสียนี่ (โชคดีเป็นของประเทศไทย) 

[ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป]

มีอีกสองความเห็นที่อยากนำมาให้อ่าน อ่านด้วยเหตุผล แล้วจับประเด็นเอามาคิดต่อครับ

อันแรกจาก สุทธิชัยหยุ่น


วันพุธ ที่ 7 มีนาคม 2550
จงภูมิใจเถิด...วันนี้เราต่างก็เป็น ขบถไอทีวี เท่าเทียมกันแล้ว (...รู้หรือยังว่าใครฆ่าไอทีวี?)
Posted by สุทธิชัย หยุ่น : 09:15:56 น. | หมวดหมู่ : กาแฟดำ   

ประโยคเดียวที่ผมฝากสำหรับคนข่าวของไอทีวีวันนี้คือ "ขอจงรักษาจิตวิญญาณแห่งความเป็นคนข่าวอาชีพที่เคยได้ร่วมกันสร้างสถานีข่าวเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย...   คุณทุกคนมีสิทธิที่จะภาคภูมิใจกับการมีส่วนร่วมสร้างความสำนึกแห่งเสรีภาพของข่าวสารทางโทรทัศน์ไทยอย่างแน่นอน...แม้ว่าวันนี้ชื่อไอทีวีจะไม่ปรากฏบนจอโทรทัศน์ของประเทศอีกแล้วก็ตาม..."
 
          ฟังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ประกาศปิดฉากไอทีวีหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีตอนบ่ายเมื่อวานแล้ว  ผมถามตัวเองว่า

         ใครฆ่าไอทีวี?

         คำตอบของผมในฐานะที่รู้ที่มาที่ไปของการก่อตั้งของ "ทีวีเสรี" แห่งแรกของประเทศตั้งแต่ออกอากาศนาทีแรกคนหนึ่งก็คือ  ทักษิณ ชินวัตร ฆ่าไอทีวี...และเป็นฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น

         ฆาตกรรมอำพรางครั้งนี้ทำได้แยบยล และแนบเนียนถึงขั้นที่ว่าแม้ในวันท้ายๆ ของการดำรงอยู่ของไอทีวีนั้น  คนข่าวไอทีวีที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของนายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วยไม่ให้สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ต้องล้มหายตายจากไปยังไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อของคนที่เป็นสาเหตุของความหายนะขององค์กรของพวกเขาเลย
 
         ตระกูลของเขาขายหุ้นของชินคอร์ป ที่รวมถึงไอทีวีด้วย ได้เงินมากว่า 73,000 ล้านบาท ไม่เสียภาษีให้คนไทยเลยแม้แต่บาทเดียว และเมื่อไอทีวีถูกรัฐบาลยึดคืนเพราะบริษัทของตระกูลเขาทำผิดสัญญาจนพนักงานเดือดร้อนกันอย่างหนักหน่วง และคนดูทีวีต้องสูญเสียทีวีไปหนึ่งช่อง  คนของไอทีวีกลับไม่มีใครถามหาความรับผิดชอบจากทักษิณ

        คนของไอทีวีกลับไม่มีใครเอ่ยถึงความรับผิดชอบของเทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์ ที่ทำให้เหตุการณ์ต้องมาจบลงอย่างน่าอนาถใจเช่นนี้

        ทำไมจึงบอกว่าทักษิณ เป็นต้นตอของความวิบัติต่อไอทีวีครั้งนี้?

        ง่ายๆ ชัดๆ ครับ...ไอทีวีก่อตั้งเมื่อ 10 ปีก่อนหลังเหตุการณ์ "พฤษภาคมทมิฬ" เพราะทีวี และวิทยุทุกสถานีอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลและได้ออกข่าวบิดเบือนและหลอกลวงประชาชนว่าด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนั้น

        ไอทีวี ตั้งขึ้นด้วยความสำนึกว่าประชาชนคนไทยต้องมีทีวีที่เป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาล และเพื่อให้มีความเป็นอิสระจากอำนาจการเมือง  จึงได้กำหนดให้รัฐมอบคลื่นความถี่กับเอกชนเพื่อทำให้เป็นช่องข่าวสารและสาระที่ได้มาตรฐาน

        เพื่อไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลเหนือใคร จึงกำหนดให้แต่ละกลุ่มผู้ถือหุ้นถือได้ไม่เกินร้อยละ 10 และให้ "มืออาชีพทางสื่อสารมวลชน" มาทำหน้าที่เป็นผู้เสนอข่าวสารที่ประชาชนต้องการตามมาตรฐานสากล

         และกำหนดให้มีเนื้อหาที่เป็นข่าวสารและสาระร้อยละ 70 เป็นอย่างน้อย

         เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ทักษิณ เห็นโอกาสที่จะฮุบไอทีวีเป็นของตัวเอง และเมื่อสบโอกาสก็เปลี่ยนเงื่อนไขหลักสองข้อนี้เสีย

        นั่นคือชินคอร์ปเข้าไปตกลงกับเจ้าหนี้รายใหญ่คือธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งลงท้ายกลายเป็นว่าครอบครัวของทักษิณ ถือหุ้นส่วนใหญ่ของไอทีวี อย่างง่ายดาย

        และไม่ช้าไม่นานหลังจากนั้น  เงื่อนไขที่ต้องมีสาระข่าวสารร้อยละ 70 ก็ถูกเปลี่ยนไปเหลือร้อยละ 50

        สังคมไทย นักวิชาการผู้ต่อสู้เรื่องเสรีภาพของสื่อ และวงการสื่อสารมวลชนเองปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบจนถึงวันนี้

        คนข่าวที่อยู่วงใน  ที่ต้องต่อสู้กับทักษิณ และพวก และถูกคุกคามโดยอำนาจเงินและอิทธิพลการเมืองของทักษิณ ในเรื่องไอทีวีอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของความปวดร้าวที่รับรู้กันอยู่แค่วงเล็กๆ... หลายคนออกมาสร้างองค์กรข่าวเพื่อยืนยันจิตวิญญาณแห่งความเป็นคนข่าวอิสระ...อีกหลายคนต่อสู้อยู่ข้างในและถูกขับออกในฐานะ "ขบถ"...แต่เขาเหล่านั้นไม่เคยโกรธ  ไม่เคยตำหนิคนข่าวที่ยังคงทำงานในไอทีวีต่อไปแม้จะเป็นไอทีวีที่สร้างความกังขาให้กับสังคมไทยมากขึ้นทุกวันเมื่อทักษิณแผ่อำนาจอิทธิพลเหนือวงการสื่อสารมวลชนในประเทศอย่างไม่สนใจไยดีกับเสียงเรียกร้องของคนข่าวก็ตาม

        เพราะสำหรับคนข่าวที่เคยผ่านการฝึกปรืออย่างเข้มข้นให้เป็นคนข่าวที่ภาคภูมิในศักดิ์ศรีแห่งความเป็น "สื่อเพื่อสาธารณะ" ด้วยจิตวิญญาณแบบไอทีวีสมัยก่อตั้งนั้น  พวกเขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วความจริงย่อมประจักษ์ว่า

        เราต่างก็ต่อสู้เพื่อเสรีภาพแห่งข่าวสารจนนาทีสุดท้ายเสมอ

        และเพราะเราอาสาทำความจริงให้ประจักษ์ต่อสังคม ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนสังกัดไปที่ไหน  สำนึกและศักดิ์ศรีแห่งความที่ "เคยเป็นคนข่าวไอทีวี" จะต้องตราตรึงในจิตสำนึกของเราตลอดไป

        ขอเพียงว่าคราวหน้า อย่าอดกลั้นกับความบัดซบของอำนาจทุนและการเมืองให้เนิ่นนานอย่างนี้เท่านั้น

                                                                              ด้วยจิตคารวะเสมอ
                                                                                  สุทธิชัย หยุ่น
 

[ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป]

อันที่ ชี้ประเด็นปัญหาได้ชัดเจนมากๆ


  ความคิดเห็นที่ 6
ขุนขยับกับพินาศ วันที่ : 07/03/2007 เวลา : 09.22 น.
http://www.oknation.net/blog/kissmis

 
 
บางทีในมุมมองของผม อาจทำให้คุณไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ก็เพราะว่า ผมมองเห็นปัญหานี้ เป็นเรื่องของผู้บริหาร ITV เองที่ต้องรับผิดชอบ จริงอยู่พนักงาน ผู้ประกาศข่าว ผู้ผลิต มีสิทธิเรียกร้อง ความชอบธรรม แต่ไม่ใช่เรียกร้องเอากับประชาชน หรือรัฐบาล ทั้งนี้ด้วยเหตุผล คือ

1. ผู้บริหารITV ลอยแพ พนักงาน ไม่พยามยามที่จะสะสางปัญหาเรื่องนี้ ผมมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องมีการเตรียมการ เป็นปีๆ และต้องมีแผนอย่างชัดเจน ไม่ใช่ออกมา เมื่อวันสองวันนี้

2. การเรียกร้องใดๆ เป็นสิทธิพื้นฐาน แต่ต้องเรียกร้องให้ถูกที่ เพราะรัฐบาล จำกัดด้วยข้อกฏหมายหลายๆ อย่าง และการที่นายก ได้ออกมาพูดในเบื้องต้น ท่านก็เห็นใจคนไอทีวี แต่เมื่อย้อนกลับไปดูข้อกฏหมายต่างๆ มันติดขัด แต่คนไอทีวี ก็อยากจะให้แก้ และอ้างว่า กฏหมายเขียนโดยคน ปัดโธ่ ถ้ามันแก้ง่ายวันสองวัน มันก็จบไปแล้ว และอันที่จริงคือ ความจริง ต้องไปเรียกร้องกับบริษัท ITV โดยตรง เพราะเป็นเรื่องของการบริหารงาน

3. ผู้ผลิด ถ้าหากเสียหาย แต่จะใช้ความเป็นดารา ผู้มีชื่อเสียง ออกมาร่วมสมทบ กดดันให้เป็นสาธารณะ ว่ารัฐบาล ประชาชน ต้องมาร่วมรับผิดชอบ อย่างที่เห็นในรายการคืนนี้กับสายสวรรค์ มันดูตลกไปหน่อย แสดงให้เห็นถึงความเอาแต่ได้ ทำธุรกิจแล้วไม่ยอมเสี่ยง แบบนี้ อีกหน่อย ถ้าเอกชนทำพลาด ก็ไปเรียกร้องเอากับรัฐบาล แล้วแบบนี้มิยุ่งกันใหญ่เหรอ

4. ความเห็นใจนั้นมีโดยธรรมชาติ แต่ต้องดูว่า รัฐทำอะไรได้มากขนาดไหน ติดขัดอะไร ในมุมมองของคนทำงาน รัฐยินดีเข้าช่วยเหลือ แต่ผู้บริหาร ITV เอง ที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ ต้องเข้าไปเคลียร์กับพนักงานในตอนนี้ ไม่ใช่ให้พนักงานออกมากดดันรัฐบาล ทั้งๆ ทีรู้ว่า การแก้ปัญหามันอยู่ที่ฝ่ายบริหาร ผู้บริหารของ ITV เต็มๆ

5. ถ้าใช้สื่อสาธารณะ และอ้างว่าสื่อเสรี ออกมากดดัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวบริษัทเอง แล้วใช้อำนาจสื่อออกมากดดัน เรียกร้องมวลชน ว่ารัฐทำไม่ถูก แบบนี้ผมเชื่อว่า มีปัญหาแน่ๆ เพราะพวกคนข่าวเอง ที่ไม่ยอมเข้าใจถึงความจริงดังกล่าว

6. ผมนั่งดูแล้วก็เห็นใจ แต่บอกตรงๆ ว่า พวกคนข่าว ผู้ผลิต ดารา นักแสดง ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว ไม่ยอมเข้าใจสิ่งใดๆ จะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ทำให้มือที่ 3 เข้ามาแทรกแซง มาเป็นแนวร่วม ทั้งๆ ที่ การเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ทำไป แต่กลับมาเอาเรื่อง ITV มาเป็นประเด็น จุดฉนวนให้มันร้อนยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเป็นแบบนี้ สังคมบ้านเรามันจะถึงจุดอับอีกรอบ

7. ITV อ้างถึงความเป็นมืออาชีพ แต่ไม่ยอมเข้าใจว่า ความเป็นมืออาชีพของพวกเขา ต้องมีวุฒิภาวะ ของการนำเสนอ และการแยกแยะว่า เรียกร้องที่ไหน อย่างไร ให้มันถูกที่ถูกทาง ไม่ใช่ฟาดงวงฟาดงา ไปทั่วแบบนี้ แล้วแบบนี้ อนาคตข้างหน้า ที่อ้างว่าสื่อเสรี มันก็ไม่จริง ถ้าจริง มันก็ต้องเสนอข้อเท็จจริง ทั้งสองด้าน ว่า ที่ไปที่มา คืออะไร เพื่อนำเสนอให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และให้อีกฝ่ายได้รับรู้

8. ผมคิดว่า ฝ่ายบริหาร ITV ตั้งใจที่จะทำให้ ITV กลายมาเป็นประเด็นสาธารณะ ลากให้ขยายวงกว้างออกไป ที่เป็นเกม ใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน ให้กดดันรัฐบาล แบบนี้เป็นวิถีทางที่สกปรกที่สุด แล้วแบบนี้จะทำให้เป็นสื่อเสรีจริงๆ ได้อย่างไร และในอนาคต ถ้าบริษัทITV มีปัญหาเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ก็ปลุกระดมมวลชนแบบนี้อีก มันถูกหรือไม่ พวกผู้บริหารต้องจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่ให้ประชาชนมาร่วมจัดการ เพราะประชาชนเป็นผู้เสพข่าว และการนำเสนอโดยใช้จิตวิทยาโน้มน้าว แบบนี้ ผมมองแล้วว่า พวก ITV ไม่ใช่มืออาชีพ อย่างที่ได้คุยกรอกหูให้ชาวบ้านฟัง ทุกวันๆ

ผมขอแสดงความเห็นใจ ถ้าคนข่าวบางท่านเข้ามาอ่านแล้วไม่สบอารมณ์ แต่มุมมองของผม ที่เขียนมานี้ยังไม่หมด เพราะมีอะไรอีกมากที่ต้องมาเขียนแยกกันอีก แต่ขอแค่เบื้องต้นตรงนี้ เพื่อให้คนข่าว ที่มาอ่าน ให้เข้าใจว่า เหตุใด ที่ผมมองแบบนี้ และไม่ชอบในวิธีที่กดดันรัฐบาล ไม่ใช่ว่าผมชอบรัฐบาลซะทีเดียว แต่ในเมื่อเขาเข้ามา เราก็ต้องทำใจและมองดูในฐานะประชาชน ที่อยู่ภายใต้การปกครองในขณะนี้ สิทธิเสรีภาพ เขาก็ให้เขา แม้ว่าจะจำกัดด้วยตัวอักษร แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราได้เดือนร้อนอะไร ที่เดือนร้อน ก็เพราะบางคนบางกลุ่ม ที่แอบแฝงในการเรียกร้อง อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ ทุกคนผมเชื่อว่าอยากจะให้เหตุการณ์มันสงบ ไม่วุ่นวาย อย่าลืมน่ะครับว่า เราต้องมาทำความเข้าใจในที่ต้นเหตุ ไม่ใช่จะเรียกร้องเอาให้ได้ฝ่ายเดียว จนลืมความสำคัญของคำว่า ชาติ เป็นหลัก ถ้าเราใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเมือไร มีแต่พัง กับ พัง!
--------------------------------------------------------------------------------
 

[visa]

รอให้มีการใช้สิทธิการเลือกตั้งไวๆครับ...ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ

[Wrangler 1]

   

...เมื่อวาน..คุณตวงพรออกมาพูดเป็นทำนองว่า การปิดสถานี itv มีการเมืองมาแทรก เพราะต้องการล้มล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก....
....เท่ากับเธอยอมรับแล้วว่า itv เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ..

...เมื่อวาน พนักงาน itv ออกมาพูดว่า การที่รัฐบาลสั่งปิด itv ทำให้พนักงานและคนในครอบครัวตกงานนับหมื่นคน รัฐบาลกำลังบีบบังคับให้พวกเขาเหล่านั้นไปเป็นโจร...
...หากคน itv คิดได้แค่นั้น ..ก็สมควรโดนปิดแล้ว...

       ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล  หาเหตุมารองรับการกระทำของตัวเอง โดยอ้างความเป็นมืออาชีพ.......เรื่องจรรยาบันอย่ายกขึ้นมาบ่อยบ่อย......มันจะไม่ขลัง
ที่เห็นมาตลอด........ก็แค่ใช้ทุกวิธี วิถี โดยไม่คำนึงว่าถูกต้องหรือไม่ กระทบใครหรือไม่ เพื่อปกป้องหม้อข่าวตัวเอง เท่านั้น 

[ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป]

เรื่องไอทีวี เกมส์ยาวครับ แต่ที่แน่ๆสร้างรอยร้าวในสังคมเพิ่มขึ้น

สนธิ ลิ้มก็ได้ประเด็นในการออกมาโวยวายอีก

เมื่อไรบ้านเมืองจะนิ่งจริงๆสักที

[Wrangler 1]

                  ได้แต่นึกหดหู่ใจ......คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ มีความคิดอย่างนี้แล้วหรือ........ แทนที่จะสำนึกผิดและแก้ไข เมื่อมีการกระทำความผิด  กลับตะแบงฟาดงวงฟาดงาเพื่อให้ตัวเองถูกให้ได้
ทำไมไม่สำนึกบ้างว่า  ต้นตอน้ำเนื้อที่หล่อเลี้ยงตัวเอง มันไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส.....ก็ยังหลับหูหลับตาทำงานให้.......ได้แต่สงสารเด็กรุ่นหลัง ทหารหาญ และประเทศไทย.......

[SA-KE]

ผมไม่รู้สึกสงสารและไม่ค่อยจะเห็นใจ พนักงานของ บริษัท itv และ พวกนักจัดรายการที่เป็นนายทุน เท่าไหร่?หรอกครับ ที่ผ่านมามีพนักงานหลายบริษัทฯ โดนยิ่งกว่าพวกนี้อีก ผมว่าเขาเหล่านั่นยังน่าสงสารมากกว่า และที่สำคัญพวกเขาต่อสู้แบบมีศักดิ์ศรีมากกว่า พนักงานของ itv เสียอีก ยิ่งถ้าดู Itv ช่วงที่ผ่านมา 1-2 วันนี้ ผมยิ่งรู้สึกขยะแขยง พนักงานกลุ่มนี้ มากขึ้นกว่าที่เคยรู้สึกเสียอีก
 

ลองมองมุมกลับบ้างครับ เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ จะไปต่อสู้อะไรมากๆ เดี๋ยวก็จะเสียงานที่ทำอยู่ งานหาไม่ง่ายนะครับ........

ผมแค่สงสารนับหมืนชีวิตที่ต้องลำบาก ....ขออภัยที่คิดเห็นต่างกันครับ ด้วยความเคารพ

    ขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงนะครับ.. ด้วยความเคารพเช่นกัน ครับ  "คุณ aEkKaPat" ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ถ้าทุกคนคิดเช่นนี้ เราคงไม่เห็น นักข่าวที่มีคุณภาพหลายคนเดินออกจาก itv หรือ มี 21 กบฎ Itv หรอกครับ !!  ผมอยากจะถามว่าเขาเหล่านั่น ไม่เดือดร้อนหรือน่าสงสารหรือครับ??  ผมอาจจะโชคดีหรือโชคร้ายก็ได้ ครับที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พนักงาน  itv เคยเฉียดใกล้ตัวผมมากๆมา 1-2 ครั้ง  และหลายครั้งสำหรับคนที่ผมรู้จัก ทำให้ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกขณะนั่นได้ระดับหนึ่ง  สำหรับผม ผมเลือกที่จะสู้โดยผ่าน "ศาลแรงงานกลาง"   และตลอดชีวิตการทำงานที่เป็นลูกจ้าง  ผมไม่เคยยอมรับกับระบบนายจ้าง/ คนที่ประพฤติตัว แบบ"วัฒนธรรมทักสิน "  และไม่เคยวิ่งหนี โดยอ้างว่า " บ้านต้องผ่อน รถต้องผ่อน มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบและอีกหลายๆอย่างที่ต้องรับผิดชอบ "   คำเหล่านี้ไม่เคยหลุดออกจากปากผมครับ ทุกคนมีภาระเหมือนกันหมด  แต่ที่สำคัญมันอยู่ที่พฤติกรรมที่แสดงออกมามากกว่า ว่าเหมาะสมและสมควรแค่ไหนต่างหากที่ควรจะได้รับความเห็นใจหรือไม่ ? และผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าถ้าผมเขียนอะไร?ลงในเวปนี้แล้ว  ผมมองเขามองเราแล้วครับ และพร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมเขียน  แต่จะคิดเหมือนหรือไม่เหมือน ไม่ว่ากันครับ ..ยินดีแลกเปลี่ยน ด้วยความจริงใจครับ

   
   ในความเป็นจริงของชีวิต มักมีเรื่องโหดร้ายให้เราพบเห็นเสมอเกือบทุกวัน  มีคนหลายคนหลายกลุ่ม น่าสงสารกว่าพวกนี้มากนัก โดยเฉพาะการต่อสู้กับนายจ้างของพนักงานเล็กๆในโรงงานหลายๆแห่ง  ในมุมกลับกันถ้ากลับมามองที่ตัวเราเอง เราคงทำได้แค่เพียงบอกว่าเขาเหล่านั่นน่าสงสารเท่านั่นหรือ?? แล้วการปฎิบัติของเราหล่ะครับ??   คิดดูให้ดีนะครับใครกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นปัจจุบันและกับพฤติกรรมที่แสดงออก 2-3 วันที่ผ่านมามันสมควรแล้วหรือ??   สิ่งที่กระทบกับ กลุ่มคน itv ปัจจุบันนี้เป็นเพียงแค่ "ผล "  ที่หลายคนรวมทั้ง กลุ่มคน itv ที่พยายามพูดเบียงแบนประเด็นในช่อง itv ขณะนี้ แต่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง "เหตุ" และ "ความถูกต้อง"  ที่มีมาต่อเนื่องกันเลย โดยเฉพาะพวกที่ชอบอ้าง "ประชาชนและจิตวิญญาณ " อย่างพร่ำเพรื่อแต่สะกดคำว่า "จริยธรรม " ในการปฎิบัติไม่เป็น  ...

 หมายเหตุ : เหตุการณ์ itv ยังไม่ "สะเด็ดน้ำ"เลยครับ กลุ่มคน Itvออกมาโวยวายเป็นเด็กมีปัญหากันไปได้ คนพวกนี้เคยได้เสียจนเคยตัว. 

     

 

[vuttichai]

...เมื่อวาน..คุณตวงพรออกมาพูดเป็นทำนองว่า การปิดสถานี itv มีการเมืองมาแทรก เพราะต้องการล้มล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก....
....เท่ากับเธอยอมรับแล้วว่า itv เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ..
 
...เมื่อวาน พนักงาน itv ออกมาพูดว่า การที่รัฐบาลสั่งปิด itv ทำให้พนักงานและคนในครอบครัวตกงานนับหมื่นคน รัฐบาลกำลังบีบบังคับให้พวกเขาเหล่านั้นไปเป็นโจร...
...หากคน itv คิดได้แค่นั้น ..ก็สมควรโดนปิดแล้ว...

    ถูกใจครับชอบชอบ

[tra-รักในหลวง]

คิดตามตรรก---->ความถี่เป็นของชาติ---->รัฐให้เอกชนเช่าความถี่ตามสัญญาสัมปทานของรัฐ---->เอกชนทำผิดสัญญาสัมปทานของรัฐ---->รัฐไม่ให้เอกชนที่ทำผิดสัญญาสัมปทานใช้ความถี่ต่อไป----->จบ------>ก็แค่นั้นเองคิดง่ายๆ

  อยากจะถามว่า.....ค่าปรับที่ itv ต้องจ่าย......กับรัฐนั้น.....เป็นเงินจำนวนมาก.....ไม่ทราบว่า......รัฐพอที่จะยึด.....เครื่องส่งและอุปกรณ์ต่างๆ......ตีเป็นเงินค่าปรับได้หรือไม่......เพราะรัฐเป็นผู้เสียผลประโยชน์......จากการให้เช่าความถี่นั้นได้หรือไม่

 เรื่องการแก้สัญญาสัมปทาน......เป็นการแก้ที่เป็นห่วงคล้องคอ.......ตัวเองในอนาคตหรือปล่าว......ถ้าจำไม่ผิด.....มีข้อสัญญาในสัมปทาน......การตั้งสถานนี้......กำหนดให้มีรายการข่าว70บันเทิง30......แล้วมาแก้สัญญาสัมปทานลดเงินตอบแทนให้รัฐอีก.....เหมือนกับกรณีของ ais......จนทำให้เกิดปัญหาค่า ic ของค่ายมือถือที่ไม่ใช่ของ ais
 
 ไม่รู้จะออกมาร้องไห้.....โวยวายหน้าจอ tv ทำไม.......ตกงานก็เศร้าเหมือนกันทุกคนอ่ะครับ......เหมือนกับทุกๆที่......ที่ถูกยุบไปเช่น รสพ.หรือจะยุคที่ฟองสบู่แตกก็ปิดตัวเองไปเยอะพอสมควร

 มันจะเป็นการเลือกปฎิบัติ......ไปหรือปล่าว......สำหรับการที่จะอุ้ม......พนักงานเอก......ชนรายเดียว.......เพราะที่ผ่านมา......ยังมีเอกชนหลายที่......ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย......เท่าที่จำได้ก็ที่ถูกลอยแพ.....พนักงานผลิตชุดชั้นในส่งนอก......ออกมาร้องให้รัฐบาลช่วย......หลายครั้งแล้ว......ถ้าทำกับ itv ได้.......ก็จะเป็นกรณีตัวอย่าง......ที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ......อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ข้อความที่เคย post ไว้...เป็นจริงแล้วครับ


“อดีตพนักงาน ร.ส.พ.” กว่า 300 คน ฮือบุกทำเนียบฯ ยื่นหนังสือถึง “สุรยุทธ์” ขอให้ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมเหมือนกับ “พนักงานไอทีวี” บ้าง พร้อมเรียกร้องให้ทบทวนมติ ครม.สมัยทักษิณ รื้อฟื้นองค์การรับส่งสินค้าฯ ขึ้นมาใหม่ ระบุที่ผ่านมาถูกลอยแพมาตลอด
       
       วันนี้ (13 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มอดีตพนักงานองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) จำนวนประมาณ 300 คน จากจำนวนทั้งหมด 1,700 คน นำโดย นายอรรถพร เอกะวงษ์ มายื่นหนังสือเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ที่ยุบเลิกกิจการ ร.ส.พ. เนื่องจากเห็นว่ามติดังกล่าวเป็นมติที่ลิดรอนสิทธิพนักงาน และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และ 30 ซึ่งเป็นการทำลายระบบการขนส่งของประเทศ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดตกอยู่ในมือของเอกชน รวมทั้งปรับปรุงระบบการจัดการและปฏิบัติให้มีระบบตามมาตรฐานสากลทั่วไป รวมทั้งขอให้รัฐบาลตรวจสอบผลกระทบจากการยกเลิกกิจการโดยด่วน โดยขอให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับที่รัฐบาลได้ปฏิบัติต่อพนักงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
       
       ทั้งนี้ กลุ่มอดีตพนักงาน ร.ส.พ.ได้รวมตัวกันกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ ขณะเดียวกันก็ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยชี้แจงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลทราบด้วย
       
       นายอรรถพร เปิดเผยว่า หลังจากมีการยุบ ร.ส.พ.สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ยังไม่มีการช่วยเหลือกลุ่มพนักงานที่ถูกเลิกจ้างอย่างเป็นรูปธรรมเลยแม้แต่น้อย ทุกคนยังมีความเดือดร้อนเหมือนเดิม
       
       “ที่เรามาเรียกร้องครั้งนี้เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ยกเลิกมติ ครม.ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้ยุบ ร.ส.พ.แล้วให้รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ รวมทั้งให้การช่วยเหลือพนักงานอย่างเป็นธรรมด้วย” ตัวแทนอดีตพนักงาน ร.ส.พ.กล่าว
       
       นายอรรถพล กล่าวว่า เราเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกกิจการโดยด่วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 และมาตรา 53 ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับที่รัฐบาลได้ปฏิบัติกับพนักงานไอทีวี เพราะพวกตนเป็นพนักงานของรัฐแท้ๆ กลับไม่ได้รับการเหลียวแล จึงอยากให้รัฐบาลใช้มาตรฐานการอุ้มไอทีวีมาอุ้มพวกเราบ้าง ขอให้นายกฯ ให้ความเป็นธรรมและดำเนินการตามที่ร้องขอและขอทราบผลภายในกำหนด 7 วัน แล้วเราจะกลับมาชุมนุมอีกครั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าคนจะมากกว่าเดิมหรือไม่
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ลงมาพบกลุ่มตัวแทนอดีตพนักงาน ร.ส.พ.แต่อย่างใด ส่งเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขาณุการมารับหนังสือแทน ซึ่งหลังจากยื่นหนังสือแล้ว กลุ่มอดีตพนักงาน ร.ส.พ.ได้เดินทางไปที่ตึกชินวัตรฯ 3 เพื่อแสดงความยินดีกับพนักงานไอทีวีที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นอย่างดีด้วย



http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000029056