เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 17, 2024, 05:33:49 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อดดู itv แล้วค่ะ พี่ๆ หลัง 24.00 น.  (อ่าน 8897 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 20 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #60 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 08:29:30 AM »

ผลกรรมของพวกผู้บริหารชั่ว แต่ใช้พนักงานมาโอดครวญกับประชาชน
ชอบอ้างว่าเสนอข่าวความจริง แต่ไม่ยอมรับความจริง แถมกัดคนอื่นไปทั่ว
เปิดใหม่ก็ไม่ดูครับ เพราะมันกร่าง
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
visith
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 474
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9438



« ตอบ #61 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 08:34:37 AM »

...เมื่อวาน..คุณตวงพรออกมาพูดเป็นทำนองว่า การปิดสถานี itv มีการเมืองมาแทรก เพราะต้องการล้มล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก....
....เท่ากับเธอยอมรับแล้วว่า itv เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ..

...เมื่อวาน พนักงาน itv ออกมาพูดว่า การที่รัฐบาลสั่งปิด itv ทำให้พนักงานและคนในครอบครัวตกงานนับหมื่นคน รัฐบาลกำลังบีบบังคับให้พวกเขาเหล่านั้นไปเป็นโจร...
...หากคน itv คิดได้แค่นั้น ..ก็สมควรโดนปิดแล้ว...
บันทึกการเข้า



"ร่วมส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิการใช้อาวุธปืนของประชาชน"
ตูมตาม - รักในหลวง -
Hero Member
*****

คะแนน 100
ออฟไลน์

กระทู้: 2023


« ตอบ #62 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 08:39:18 AM »

กรรมติดจรวด.....แต่เสียดายบางรายการที่อดดูครับ........
บันทึกการเข้า

ใดๆในโลก  ล้วนมีข้อยกเว้น
Hybrid Guns
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 216
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2408


จำหน่ายปืนสั้นNighthawk Custom,ปืนยาวอัดลมAir Arms


« ตอบ #63 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 08:50:13 AM »

สงสารคนทำงานค่ะ Cry

เหมือนกันครับ Smiley

เห็นใจพนักงานครับ เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคนที่มันทำ.......

จบปัญหาและแก้ไขโดยเร็ว พนักงานตาดำๆมีลูกมีครอบครัวต้องดูแลครับ



ขออภัยที่คิดต่างกับหลายๆท่านครับ ผมคิดเหมือนคุณGunBoyครับ Smiley


ผมไม่รู้สึกสงสารและไม่ค่อยจะเห็นใจ  พนักงานของ บริษัท itv  และ พวกนักจัดรายการที่เป็นนายทุน เท่าไหร่?หรอกครับ  ที่ผ่านมามีพนักงานหลายบริษัทฯ โดนยิ่งกว่าพวกนี้อีก ผมว่าเขาเหล่านั่นยังน่าสงสารมากกว่า และที่สำคัญพวกเขาต่อสู้แบบมีศักดิ์ศรีมากกว่า พนักงานของ itv เสียอีก   ยิ่งถ้าดู Itv ช่วงที่ผ่านมา 1-2 วันนี้ ผมยิ่งรู้สึกขยะแขยง พนักงานกลุ่มนี้ มากขึ้นกว่าที่เคยรู้สึกเสียอีก
 

ลองมองมุมกลับบ้างครับ เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ จะไปต่อสู้อะไรมากๆ เดี๋ยวก็จะเสียงานที่ทำอยู่ งานหาไม่ง่ายนะครับ........

ผมแค่สงสารนับหมืนชีวิตที่ต้องลำบาก Undecided....ขออภัยที่คิดเห็นต่างกันครับ ด้วยความเคารพ Smiley
บันทึกการเข้า

Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 08:53:53 AM »

ผมไม่ยักรู้ว่าช่องนี้มีการ์ตูนกับละครซะด้วย
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #65 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 09:07:07 AM »

เห็นออกมา ร้องไห้  เวรไม่รู้ร้องทำไม  ตกงานเงินก็รับตั้งเยอะ
เจ้ารายการเกมเสด....นี้ปั้นหน้าขอความเห็นใจ จะร้อง ตัวเอง
มีหุ้นตั้งเท่าไรย้ายรายการมาอยู่ที่นี้ ....มองรัฐวิสหกิจที่โดนหยุบ
ไปก่อนหน้านี้หรือเปล่า อย่าง รสพ.  พนักงานก็โดนเหมือนกัน
ไอ้เหลี่ยมยังเฉย...นี่ยังออกมาว่านาย ก.  ไม่รวมบริษัทเอกชนเล็กๆ
ที่พังไม่ก่อนหน้านี้แต่เท่าไหร่  ....อย่าเห็นแก่ตัวให้มากพวกทีวี
บันทึกการเข้า
tra-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 30
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1347


เป๊กแรก.....มันยากที่จะยอมรับ....


« ตอบ #66 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 10:17:40 AM »

      คิดตามตรรก---->ความถี่เป็นของชาติ---->รัฐให้เอกชนเช่าความถี่ตามสัญญาสัมปทานของรัฐ---->เอกชนทำผิดสัญญาสัมปทานของรัฐ---->รัฐไม่ให้เอกชนที่ทำผิดสัญญาสัมปทานใช้ความถี่ต่อไป----->จบ------>ก็แค่นั้นเองคิดง่ายๆ

     อยากจะถามว่า.....ค่าปรับที่ itv ต้องจ่าย......กับรัฐนั้น.....เป็นเงินจำนวนมาก.....ไม่ทราบว่า......รัฐพอที่จะยึด.....เครื่องส่งและอุปกรณ์ต่างๆ......ตีเป็นเงินค่าปรับได้หรือไม่......เพราะรัฐเป็นผู้เสียผลประโยชน์......จากการให้เช่าความถี่นั้นได้หรือไม่

    เรื่องการแก้สัญญาสัมปทาน......เป็นการแก้ที่เป็นห่วงคล้องคอ.......ตัวเองในอนาคตหรือปล่าว......ถ้าจำไม่ผิด.....มีข้อสัญญาในสัมปทาน......การตั้งสถานนี้......กำหนดให้มีรายการข่าว70บันเทิง30......แล้วมาแก้สัญญาสัมปทานลดเงินตอบแทนให้รัฐอีก.....เหมือนกับกรณีของ ais......จนทำให้เกิดปัญหาค่า ic ของค่ายมือถือที่ไม่ใช่ของ ais
 
    ไม่รู้จะออกมาร้องไห้.....โวยวายหน้าจอ tv ทำไม.......ตกงานก็เศร้าเหมือนกันทุกคนอ่ะครับ......เหมือนกับทุกๆที่......ที่ถูกยุบไปเช่น รสพ.หรือจะยุคที่ฟองสบู่แตกก็ปิดตัวเองไปเยอะพอสมควร

    มันจะเป็นการเลือกปฎิบัติ......ไปหรือปล่าว......สำหรับการที่จะอุ้ม......พนักงานเอก......ชนรายเดียว.......เพราะที่ผ่านมา......ยังมีเอกชนหลายที่......ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย......เท่าที่จำได้ก็ที่ถูกลอยแพ.....พนักงานผลิตชุดชั้นในส่งนอก......ออกมาร้องให้รัฐบาลช่วย......หลายครั้งแล้ว......ถ้าทำกับ itv ได้.......ก็จะเป็นกรณีตัวอย่าง......ที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ......อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
บันทึกการเข้า

Metallica Enter Sandman
http://fr.youtube.com/watch?v=1QP-SIW6iKY
กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง
http://fr.youtube.com/watch?v=B0cxpbvDWq8
วิท'ลัยหลายใจ
http://fr.youtube.com/watch?v=oxGPz0tTQeI
ไม่ใช่แฟน...ทำแทนไม่ได้
http://fr.youtube.com/watch?v=Wb8h1nRzm2E
Rod......รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 231



« ตอบ #67 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 10:46:31 AM »

ไอทีวี จ่ายค่าสัมปทานให้กับรัฐ ทุกอย่างก็จบ  ไอทีวี ก็เปิดได้ พนักงานก็ทำงานต่อ  ในเมื่อไม่จ่ายค่าเช่า ก็ต้องถูกไล่ออกครับ
เป็นเรื่องธรรมดา กฏหมายต้องเด็ดขาด  อย่าให้เหมือนกับกฎหมายที่ใช้ใน 3 จชต ครับ
บันทึกการเข้า

ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #68 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 10:51:18 AM »

หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2549

ไอทีวีกับความเป็นกลาง 
โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่

พนักงานไอทีวี 1,070 คน ได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2549 ที่ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อันหมายถึง บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ต้องจ่ายค่าสัมปทานปีละ 1,000 ล้านบาท รวม 2 ปีในช่วงที่เกิดข้อพิพาท และไอทีวียังไม่ได้จ่าย (3 กรกฎาคม 2547-3 กรกฎาคม 2549) จ่ายค่าปรับกรณีผิดสัญญาพร้อมดอกเบี้ย รวมแล้วจะเป็นเงินเกือบแสนล้านบาท และปรับผังรายการให้เสนอรายการที่เป็นสาระร้อยละ 70 รายการบันเทิงร้อยละ 30

แถลงการณ์ทุกฉบับของพนักงานไอทีวีกล่าวย้ำถึงการปฏิบัติงานว่าได้เสนอข่าวสารที่เป็นความจริง เป็นกลางและเป็นธรรมมาโดยตลอด

ถ้าหากเป็นไปตามคำแถลงการณ์ของพนักงาน ไอทีวีย่อมได้ชื่อว่าเป็น "ทีวีเสรี"อย่างแท้จริง การที่ใครต่อใครวิจารณ์ว่าไอทีวีสูญสิ้นความเป็นทีวีเสรีไปนานแล้วย่อมไม่ถูกต้อง

การนำเสนอข่าวสารของไอทีวีที่เบี่ยงเบนไปจากความจริง ความเป็นกลางและเป็นธรรมมิได้ถูกตั้งคำถามจากประชาชนเท่านั้น หากทว่าพนักงานของไอทีวีเองก็ทนไม่ได้และได้พยายามต่อสู้เรียกร้องจนในที่สุดพนักงานจำนวน 21 คน ต้องถูกเลิกจ้าง

แม้ว่าผู้บริหารไอทีวีจะอ้างเหตุในการเลิกจ้างพนักงาน 21 คน ซึ่งต่อมากลายเป็น "21 กบฏไอทีวี" ว่า ไอทีวีประกอบธุรกิจขาดทุน มีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างองค์กรฝ่ายข่าว และมีพนักงานบางคนฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บริหารที่สั่งให้ไปบันทึกเทปการเปิดตัวนักร้องใหม่ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แล้วพนักงานไม่ยอมไป อีกทั้งพนักงานได้ออกแถลงการณ์ แต่พนักงานที่ถูกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 เห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์

คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยว่า ผู้บริหารไอทีวีกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 41 ที่พนักงานไอทีวีย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวและการแสดงความคิดเห็น และผิดต่อกฎหมายแรงงานสัมพันธ์มาตรา 121 จึงสั่งให้ไอทีวีรับพนักงาน 21 คนกลับเข้าทำงานและให้จ่ายค่าเสียหายจนถึงวันรับกลับเข้าทำงาน

มูลเหตุที่แท้จริงของการเลิกจ้าง 21 พนักงานไอทีวีมาจากผู้บริหารไอทีวีไม่พอใจพนักงานฝ่ายข่าวเกี่ยวกับการเสนอข่าวและรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานไอทีวี ได้รับการจดทะเบียนการจัดตั้งสหภาพไอทีวีวันที่ 5 มกราคม 2544 จากนั้นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544 มีการจัดประชุมใหญ่ ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบถึงเรื่องสำคัญและเร่งด่วนหลายเรื่อง เช่น ความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานของฝ่ายข่าว การร้องเรียนกรณีแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและแนวทางการเรียกร้องของสหภาพแรงงาน เป็นต้น หลังจากผู้บริหารไอทีวีออกคำสั่งลงวันที่ 31 ธันวาคม 2543 สั่งห้ามลูกจ้างทุกคนให้ข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารฝ่ายข่าวโดยเด็ดขาด

เป็นผลให้ลูกจ้างออกแถลงการณ์ในวันที่ 3 มกราคม 2544 ตอบโต้และเรียกร้องผู้บริหารไอทีวีดำเนินการแก้ไขรวม 7 ประการ แม้จะมีการประชุมทำความเข้าใจในวันที่ 8 มกราคม 2544 แต่ผู้บริหารไอทีวีก็ไม่ทำตามความเห็นที่ตกลงร่วมกัน

สำหรับการจัดประชุมพนักงานฝ่ายข่าวที่มีพนักงานที่จะถูกเลิกจ้างในอีก 1 เดือนต่อมารวมอยู่ด้วยของฝ่ายบริหารไอทีวีนั้นก็เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวคัดค้านการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายข่าว ในที่ประชุมมีการเสนอให้จัดตั้งคณะบรรณาธิการกลาง เพื่อคอยดูแลให้เกิดความเป็นธรรมในการเสนอข่าว มีการเสนอชื่อนักวิชาการและบุคคลภายนอกที่น่าเชื่อถือ เช่น นายโสภณ สุภาพงษ์ นพ.ประเวศ วะสี

ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งเป็นเพราะบริษัท ชินคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เข้ามาถือหุ้นในบริษัทไอทีวี ได้มีการถ่ายโอนผู้บริหารระดับสูงหลายราย พนักงานที่ถูกเลิกจ้างรับไม่ได้กับการแทรกแซงของฝ่ายบริหารและบุคคลภายนอกเกี่ยวกับการปฏิบัติงานด้านข่าวหลายกรณี อาทิ ให้งดการอ่านข่าวพาดหัวหนังสือ พิมพ์ทุกฉบับในรายการสายตรงไอทีวี ให้ยุติเสนอข่าวเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ การถอดรายการวิเคราะห์ข่าวของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา การสั่งยกเลิกรายการสดการปราศรัยหาเสียงของพรรคการเมืองที่จังหวัดชลบุรี การสั่งยกเลิกการเสนอข่าวเปรียบเทียบรูปแบบหัวหน้าพรรคการเมือง ฯลฯ

เพราะการแทรกแซงดังกล่าวทำให้พนักงานกลุ่มนี้ต้องตอบโต้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐธรรมนูญมาตรา 41 ที่บัญญัติให้มีเสรีภาพในการการเสนอข่าวและการแสดงความคิดเห็นด้วยความสุจริต โดยมีเจตนาที่จะปกป้องภาพลักษณ์และความศรัทธาเชื่อถือขององค์กรที่พนักงานสังกัด

ด้วยข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์และรองรับด้วยประจักษ์พยานอันส่อให้เห็นเจตนาอันมิชอบของผู้บริหารไอทีวี หลังจากผู้บริหารไอทีวีได้ฟ้องคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ 12 คนต่อศาลแรงงานกลาง กล่าวหาว่าได้วินิจฉัยไม่ชอบด้วยกฏหมายแรงงานสัมพันธ์ แต่ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ชอบแล้ว ผู้บริหารไอทีวียังไม่พอใจจึงอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาต่อศาลฎีกา ศาลฎีการับอุทธรณ์วันที่ 15 มกราคม 2546

สุดท้าย ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ออกคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้บริหารไอทีวีฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลแรงงานกลาง

จากคำพิพากษาของศาลฎีกา กบฏไอทีวี 21 คน ก็ไม่มีใครอยากกลับเข้าไปทำงานในที่เดิมอีก ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหางานทำตามใจรัก เช่น กรุณา บัวคำศรี, ภัทราพร สังข์พวงทอง, สุภาลักษณ์ ตั้งจิตต์ศีล ฯลฯ

มีข้อน่าสังเกตบางประการเพื่อนำไปประเมินการเสนอข่าวของไอทีวีว่าเสนอความจริง อย่างเป็นกลางและเป็นธรรมตามที่พนักงาน 1,070 คน ได้ออกแถลงการณ์จริงหรือไม่

ในช่วงที่เกิดข้อขัดแย้งของกบฏไอทีวี 21 คน ที่ต้องการให้การปฏิบัติงานของพนักงานฝ่ายข่าวมีเสรีภาพให้สมกับการเป็น "ทีวีเสรี" ตั้งแต่ต้นปี 2544 เป็นจังหวะที่บริษัทชินคอร์ปเข้ามาซื้อหุ้นและเจ้าของบริษัทชินคอร์ปคือหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งกำลังมีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อจะเลือกตั้งกันในต้นเดือนมกราคม 2544 (วันที่ 26 ธันวาคม 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลด้วยมติ 8 ต่อ 1 ว่ามีเจตนาซุกหุ้น จะต้องพิจารณากันในศาลรัฐธรรมนูญต่อไปในปี 2544) พนักงานไอทีวีจำนวนมากไม่เอาด้วยกับกบฏ 21 คน และก็อยู่กับบริษัทชินคอร์ปเรื่อยมา

จนแม้บริษัทชินคอร์ปขายหุ้นให้กับกองทุนเทมาเส็ก 73,300 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2549 ไม่ปรากฏว่าจะมีพนักงานไอทีวีคนใดแสดงปฏิกิริยาข้องใจกับการการเปลี่ยนสถานะของบริษัทไปเป็นของต่างชาติซึ่งมีเงื่อนงำน่าสงสัย เช่น การตั้งบริษัท แอมเพิลริช ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น,การตั้งบริษัท นอมินีในประเทศไทย, การไม่เสียภาษีของโอ๊ค,เอม ฯลฯ

พนักงานมีการนั่งปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกกันบ้างหรือไม่ว่า อนาคตของไอทีวีและพนักงานในวันข้างหน้าจะทำกันอย่างไร

ข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ หนังสือพิมพ์เสนอกันอย่างละเอียด รอบด้าน นักการเมือง นักวิชาการ ทนายความ องค์กรเพื่อการปฏิรูปสื่อ องค์กรภาคประชาชน ฯลฯ ร่วมกันขุดคุ้ย เปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังและในที่สุดก็เห็น "ความจริง" เมื่อ 5 ข้าราชการกรมสรรพากรถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นความ ผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและต้องถูกดำเนินคดีอาญา

แล้วข่าวของไอทีวีนำเสนออย่างไร?

ในยุคที่ระบอบทักษิณครอบงำประเทศ 5 ปี และเกิดความขัดแย้งในชาติ มีการชุมนุมใหญ่เดินขบวน ประท้วง ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับการเลือกตั้งที่พรรคฝ่ายค้านคว่ำบาตร ฯลฯ จนเป็น "วิกฤตที่สุดในโลก" มีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นมากมาย เช่น การทุจริตเชิงนโยบาย,ผลประโยชน์ทับซ้อน,การใช้กลไกอำนาจรัฐกลั่นแกล้งจับกุมตั้งข้อหาอย่างไม่เป็นธรรมมากมาย อันธพาลทุบตีทำร้ายผู้ที่ไม่พอใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ฯลฯ

ถ้าหากไอทีวีเป็น "ทีวีเสรี" เสนอข่าวสารที่เป็นความจริง เป็นกลางและเป็นธรรม ข่าวสารนั้นก็ควรจะแตกต่างกับข่าวสารของทีวีช่องอื่นๆ และน่าจะได้รับการโจษขานด้วยความชื่นชมจากผู้ชม แต่จริงๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ?!?
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #69 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 10:52:39 AM »


 Smiley. รู้สึกเห็นใจ พนักงาน ITV  อย่างมากครับ

     ผมไม่ได้ดู ITV. มากเวลาเหมือนเดิม เมื่อ ITV. เปลี่ยนไป..
     ทั้งที่ติดตามข่าวช่องนี้ มาแต่แรกตั้ง.
     ITV. เป็นผู้จุดประเด็นข่าว และการทำงานที่มุ่งมั่นให้กับคนหนุ่มสาว
     ในการทำข่าว อย่างไม่เกรงภัย
     
     สภาพการณ์ ที่เหมือนสิ้นหวัง  ของชาว คอ ITV.     
     ส่วนตัวผม เห็นว่า รัฐบาล วางตัวคน บางคนที่ดูแลรับผิดชอบ. ยังมีคุณภาพไม่พอ
     พูดตรงเลยก็ได้ว่า ไร้คุณภาพ  มีวิสัยทัศน์ไม่พอ. ที่จะจัดการในเรื่องนี้.
     แทนที่จะไปแก้ปัญหา กับไปสร้างปัญหาขึ้นมาอีก ..
     ใช้คนไม่ถูกกับงาน .

     อย่างไรก็ตาม เราต้องยืนอยู่กับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ที่เป็นจริง.
     และแก้ปัญหาที่เกิดอย่างเป็นปัจจุบัน.
     ทุกปัญหาย่อมมีทางออกที่ดีเสมอ.  Smiley

     
บันทึกการเข้า

Army - รักในหลวงครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 151
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2251



« ตอบ #70 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 12:00:45 PM »

สงสารคนทำงานเหมือนกันครับโดยเฉพาะพนักงานระดับล่างที่ไม่มีปากเสียงหรืออำนาจต่อรองอะไร ในความเห็นของผมทันทีที่ศาลพิพากษาให้สปน.ชนะคดีค่าปรับแสนล้าน ทุกคนก็น่าจะทราบแล้วว่าไอทีวีไม่มีปัญญาจ่ายแน่ น่าจะเตรียมการแก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายต่างๆได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว งานจะได้ไม่สะดุด สถานีก็ทำงานต่อไปได้ กรณีที่เกิดขึ้นผมว่าเสียหายทุกฝ่าย ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย ไม่ว่ารัฐ พนักงาน หรือประชาชน
บันทึกการเข้า
quick-รักในหลวง
ตึงไปก็ขาด ย่อนไปก็ยาน คงความเป็นกลางไว้
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 48
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2043



« ตอบ #71 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 12:33:52 PM »

สงสารคนทำงานระดับล่างๆ ครับที่จะต้องเดือดร้อนแน่ๆ

แต่ผมจำได้ว่าข้อมูลเรื่องการแก้สัญญา  เป็นการแก้ก่อนที่ชินคอร์ปจะเข้ามาซื้อหุ้น ไอทีวี นี่ครับ

หรือว่าผมจำผิด Grin
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #72 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 12:37:00 PM »

ไม่ได้เจาะจงจะตอบแย้งกับคุณArmyนะครับ แค่บังเอิญrep.มันต่อกันเฉยๆ Grin

การระงับสัญญาณitvคราวนี้ ผมว่ามีคนมากมายได้ประโยชน์.......

ถามว่าที่ผ่านมาitvได้พยายามเอาแง่กฏหมายมาเล่น เพื่อที่จะเบี้ยวสัญญาที่ทำไว้กับทางรัฐทั้งในเรื่องของค่าสัมปทาน และผังรายการ จริงไหม?

คำตอบคือจริง ......

ข้ามหัวข้อที่ผ่านมาitvมีข้อถือดีอะไร ถือว่ามีใครคุ้มหัวถึงกล้าปลิ้นปล้อนซึ่งหน้าได้ขนาดนี้ให้ก็ได้....ถามง่ายๆว่าชั่วระยะเวลาที่มายื้อเรื่องจะเบี้ยวค่าสัมปทาน พนง.และบอร์ดของitvได้ประโยชน์กันไหม กินโบนัสกันพุงปลิ้นไหม ?

งั้นตอนนี้ก็จงหุบปากแล้วก้มหน้ารับผลกรรมที่ตัวเองทำไว้ซะ.....

สมน้ำหน้ามัน Undecided

พนง.itvและผู้เกี่ยวข้อง เสียประโยชน์กันแค่หลักพันคน.....แต่คนไทย และลูกหลานอีกนับชั่วรุ่นเป็นล้านคนได้ประโยชน์มหาศาล

คนไทยและลูกหลานอีกเป็นล้าน ได้มีกรณีของitvให้ได้ดูเป็นบทเรียน

เพื่อสังวรณ์กันไว้ ว่าทำกรรมอะไรก็จะได้รับผลของกรรมอันนั้น........


บันทึกการเข้า
van-เรารักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 22
ออฟไลน์

กระทู้: 703


« ตอบ #73 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 12:59:56 PM »

ขอโทษน่ะครับ

ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับไอทีวีเท่าไหร่หรอกครับ  แต่ที่ว่าไอทีวีเป็นหนี้เป็นหมื่นๆล้านนี่ครับผมไม่เข้าใจครับ ใครทราบช่วยอธิบายหน่อยครับว่าเป็นหนี้ได้อย่างไร

ไม่ทราบจริงๆครับ Grin
บันทึกการเข้า
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #74 เมื่อ: มีนาคม 07, 2007, 01:16:25 PM »

ก๊อปปี้มาจากพันทิพย์ครับ จะได้ลำดับเหตุการณ์ได้ง่ายขึ้น

"ไอทีวีก่อตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 เพื่อแก้ปัญหาสถานีโทรทัศน์นำเสนอข่าวบิดเบือน ซึ่งเห็นได้ชัดในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เงื่อนไขในการให้สัมปทานจึงค่อนข้างเข้มงวด กำหนดสัดส่วนรายการให้เป็นข่าวร้อยละ 70 อีกร้อยละ 30 จึงเป็นรายการบันเทิง  เน้นว่ารายการบันเทิงจะต้องเป็นแนวสารคดี รายการเด็ก ปกิณกะที่ให้สาระและความบันเทิง

สถานีโทรทัศน์ไอทีวีจึงเกิดขึ้นในรัฐบาลนายอานันท์  ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้นำคลื่นความถี่โทรทัศน์ในระบบยูเอชเอฟ มาให้เอกชนลงทุนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535
ในการประมูลครั้งนั้น  กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์และเครือเนชั่นชนะการประมูล  โดยได้ยื่นข้อเสนอจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐ 25,200 ล้านบาท ภายในอายุสัญญา 30 ปี ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญากับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  (สปน.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2538 โดยมีนายอภิลาศ โอสถานนท์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลงนามสัญญากับนายเกษม  จาติกวณิช  ประธานกรรมการ และนายโอฬาร ไชยประวัติ รองประธานกรรมการบริษัท สยาม อินโฟเทนเม้นท์ จำกัด
เริ่มออกอากาศวันที่ 1 ก.ค.2539

====================

30 ปี เสนอจ่ายให้รัฐ 25,200 ล้านบาท...สุดยอดของธุรกิจทีวี....มันขายข่าว หรือขายอะไรฟะ...ถึงได้กำไรขนาดนั้น...

ติดตามต่อไปครับ...ความอัปยศของการทำธุรกิจสื่อที่ทุเรศทุรังตั้งแต่เริ่มเป็นอย่างไร...กับยอดสัมปทานที่สูงขนาดนั้น มันจะเอาความเสรีมาจากไหน..ในเมื่อต้องทำเงินให้รัฐเป็นล่ำเป็นสัน...แววเจ๊งมันเห็นอยู่ตรงหน้าชัดๆ

จากคุณ : minimalist


ปี 2540 วิกฤติเศรษฐกิจ
===================

ในขณะที่ไอทีวีถือกำเนิดในปี 2539 แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังหัวทิ่มอย่างไร...ไม่ได้รู้เลยว่าหายนะมันกำลังจะเริ่มตั้งเค้า...ตามสัญญาสัมปทาน
2 ปีแรกตามสัญญายังไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้ไปลงทุนก่อน... ไปเรื่มจ่ายปีที่ 3(2542) จำนวน 300 ล้านบาท...ปีที่ 4 ก็ 400 ล้านบาท ปีที่5 ก็ 500 ล้านบาท เพิ่มไปเรื่อยๆจนปีที่ 9 ก้อ 900 ล้านบาท...ปีที่ 10 -30 ปีละ 1000 ล้านบาท....

โอ้....แม่จ้าว....สุดยอดของสัญญา...สักแต่เซ็นให้ได้มาเท่านั้นเอง...ฝันเฟื่องมาตั้งแต่เริ่ม..

ผลการดำเนินงานของไอทีวี  เปิดปั๊บก็ ขาดทุนตั้งแต่ปี  2540 เพราะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ได้รับผลกระทบในการขายโฆษณา  ระหว่างนี้ไอทีวียังมีอุปสรรคในการจัดตั้งสถานีเครือข่ายทั่วประเทศที่ต้องตั้ง  36 สถานี ภายใน 2 ปี หลังทำสัญญา เพราะไอทีวีเช่าใช้พื้นที่ของกรมประชาสัมพันธ์ได้ล่าช้าทำให้ต้องสั่งซื้อทรัพย์สินส่วนใหญ่ ทำให้ขาดทุนจากการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 409 ล้าน....

ยับเยินครับ....เอ้า..ยังทำกันต่อไป...ไทยพาณิชย์เริ่มอยู่ไม่ติดเพราะเป็นนายทุนใหญ่..NPL ของธนาคารก็พอกพูน..อย่าลืมนะครับว่าช่วงนั้น สถาบันการเงินวิกฤติขนาดหนักอยู่แล้ว...

จากคุณ : minimalist

ปี2541
=================
บริษัท สยาม  อินโฟเทนเมนท์  จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อ 20 ต.ค. 2541เพื่อเตรียมแต่ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์...ตามสัญญาซึ่งกำหนดให้จดทะเบียนภายใน 6 ปี หลังจากดำเนินการ...(ถ้าจำไม่ผิด)...

แต่มันเป็นช่วงวิกฤติ ผลประกอบการก็ไม่ได้ดีขึ้น..จนถึงเวลาต้องจ่ายค่าสัมปทานในปีที่ 3(2541)...จำนวน 300 ล้าน .ขาดทุนมาตลอด จะเอาที่ไหนจ่ายก็ขอผ่อนผันกับรัฐบาลในสมัยนั้น คือรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยมีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ เป็น รมต. สำนักนายกฯ กำกับดูแล สปน....
โดยทำหนังสือขอขยายเวลาชำระค่าตอบแทนแก่รัฐตั้งเริ่มเลย...ตามเอกสารตั้งแต่ปี 2540

หนังสือขอขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทน ITV078/2540

ขอขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงาน ITV183/2540

ขอยืนยันขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงาน ITV053/2541

ขอยืนยันขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงานครั้งที่ 2 ITV068/2541

การขอขยายระยะเวลาชำระค่าตอนแทน ITV094/41

................

อีกหลายฉบับ...เพื่อขอไปทาง สปน. ซึ่งก็ผ่อนผันให้ ตามที่ขอ

จากคุณ : minimalist


มติ ครม. รัฐบาลชวน
=================
เรื่อง  บริษัท สยาม อินโฟเทนเมนท์ จำกัด ขอขยายระยะเวลาชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ

คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานการดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในกรณีที่คู่สัญญาเห็นพ้องต้องกันว่าควรแก้ไขสัญญา ก็ให้ยกร่างสัญญาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง โดยนำกฎหมายว่าด้วยเอกชนร่วมทุนกับรัฐมาอนุโลมใช้เท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ในชั้นนี้ 
============

โดยขอแก้ไขระยะเวลาการชำระยืดออกไป..เพราะจ่ายไม่ไหว..ขาดทุนบักโกรกมาตลอด...

จากคุณ : minimalist

พยายามไประดมทุนในตลาด แต่เข้าไม่ได้เพราะเจ๊ง
===========================

แม้ว่าจะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว  แต่ผลประกอบการขาดทุนทำให้ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเป็นบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ไม่สามารถจะเข้าไประดมทุน เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้...

ปี 2542 บริษัทสยาม อินโฟเทนเมนท์ ทำหนังสือขอชดเชยความเสียหายจากการที่รัฐทำผิดตามสัญญา โดยขอจ่ายค่าสัมปทานให้เท่ากับหรือใกล้เคียงช่อง 7 สี และอ้างว่าได้รับผลกระทบจากกรณีที่สปน.อนุญาตให้สถานีช่อง 11 และยูบีซีหารายได้จากโฆษณา

ปี  2543 ตลาดหลักทรัพย์ผ่อนปรนให้บริษัทที่ไม่มีผลกำไรยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้  แต่ปีนี้ไอทีวีมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง  มีหนี้สิน 4,900 ล้านบาท ขาดเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการ จึงต้องหาผู้ร่วมทุนเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องก่อนการเสนอขายหุ้นให้ประชาชน ในตลาดหลักทรัพย์

======================

เห็นรึยังครับว่า...มันทุเรศทุรังขนาดไหน...ตั้งแต่ปี 2538 เรื่อยมาจนถึงปี 2543....ขาดทุนไม่มีดี....จะยึดตอนนั้นก็ยึดได้ตั้งนานแล้ว....พี่ไท..เอ๊ย....ไม่ได้ทำตามสัญญาเลย แถมยังขอแก้สัญญาอีกต่างหาก...

ทำไมเอ็งไม่ยึดเล่า.....ทำไม ตอบหน่อย...เป็นพรรคพวกกันหรืออย่างไร...ไม่ว่ากัน...

ปี 2543...คุณทักษิณ ก็เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องครับ..ลำบากท่านทักษิณต้องมาแก้หนี้ทุเรศทุรังนี้.....

จากคุณ : minimalist

ปี 2543
======================
เพื่อแก้ปัญหาหนี้เน่า และปัญหาขาดทุน ขาดเงินดำเนินกิจการ เพราะธนาคารไทยพาณิชย์แบกรับไม่ไหว..รับหุ้นมาเป็นหลักประกัน มาล้นหน้าตักแล้ว...ก็ไม่รู้จะเอาหุ้นไว้ทำไม จึงหาทางปลด NPL ครับ....ทักษิณก็เข้ามา

ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นในเดือน  ธ.ค.  2543  มีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด  (มหาชน)  ถือ 55.12 % บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 39% และผู้ถือหุ้นเดิม 5.88%

การที่กลุ่มชินเข้ามามีสัดส่วนหุ้นที่มากทำให้เป็นที่พิพากษ์วิจารณ์ในขณะนั้นว่าการดำเนินการของไอทีวีจะขัดกับเจตนารมณ์เดิมของการทำสัญญา
==============

ขัดเจตนารมณ์...ปัดโธ่...พูดมาได้...เอาตัวไม่รอด จะปิดเมื่อไหร่ก็ได้...ยังมาอ้างเจตนารมณ์..กอดเจตนารมณ์ของการทำสื่อเสรี....

ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าก่ออะไรไว้...จะพาคนอื่นตายกันหมดโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างไทยพาณิชย์ที่จม ถมเท่าไหร่ก็ไม่พอกับ ไอทีวี...

เนชั่นเริ่มแตกคอกับไทยพาณิชย์ก็ตอนนี้แหละครับ...เพราะจะทิ้งหุ้นแล้ว...ไม่เอาแล้วขอถอนสมอ..ก่อนที่จะย่อยยับมากกว่านี้

จากคุณ : minimalist

ความคิดเห็นที่ 6   

หลังจากที่มีการเพิ่มทุน แตกหุ้นเพิ่มทุน เนชั่นก็ถอนออกไป...ชินคอร์ปก็จัดการบริหารหนี้เน่าใหม่...

เดิมที่มีการยื่นเรียกค่าเสียหายเมื่อปี 2542 จากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมจากรัฐ...แต่ยังไม่คืบหน้าเรื่องไปอยู่ที่ฝ่ายรัฐแล้วกำลังพิจารณา..บริษัทชินคอร์ปร้องขอค่าเสียหาย ถามไปอีกครั้งในเดือนก.ย.2545 และยื่นหนังสือขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการมาพิจารณาเรื่องนี้ รวมทั้งเรียกร้องเพิ่มอีกข้อหนึ่งคือ ขอแก้สัญญาให้มีรายการบันเทิงมากขึ้น

30 ม.ค.2547 คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาด ให้สำนักปลัดนายกรัฐมนตรีชดเชยค่าเสียหายดังนี้
1.ชำระเงินคืนแก่บริษัท จำนวน 20 ล้านบาท
2.ปรับลดผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจากเดิมปีละ 1,000 ล้านบาท เหลือ 230 ล้านบาท โดยไม่ต้องชำระเงินขั้นต่ำในส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีอีก
3.ปรับลดผลประโยชน์ตอบแทนจากร้อยละ 44 เหลือร้อยละ 6.5 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายและภาษีอากร โดยเปรียบเทียบกับเงินประกันผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำปีละ 230 ล้านบาท จำนวนใดมากกว่าให้ชำระตามจำนวนนั้น ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2545 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา
4.ให้สปน.คืนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่บริษัทได้ชำระเกินจากข้อ 3. จำนวน 570 ล้านบาท
และ 5.ให้บริษัทสามารถออกอากาศไพรม์ไทม์ คือ ระหว่างเวลา 19.00-21.30 น. โดยไม่ถูกจำกัดประเภทของรายการ ทั้งนี้ โดยเสนอรายการข่าว สารคดี และสารประโยชน์ในสัดส่วนเวลาทั้งหมดเพียง 50%

จากคุณ : minimalist

ศาลปกครองเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตฯ
=========================

สปน.จึงยื่นร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำชี้ขาดทั้งหมดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทดังกล่าว

10 พ.ค.2549 ศาลปกครองครองกลางชี้ว่าคำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ส่งผลให้
1.สปน.ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยสัมปทาน 570 ล้านบาท และอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจชี้ขาดให้ปรับลดเงินผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาร่วมงาน
2.ไม่ต้องจ่ายค่าปรับ 20 ล้านบาท จากกรณีที่ปล่อยให้สถานียูเอชเอฟอื่นมีโฆษณา
3.สัดส่วนการนำเสนอข่าวสารจะต้องเป็นไปตาม เจตนารมณ์เดิมคือสาระร้อยละ 70 บันเทิงร้อยละ 30
โดยไอทีวีมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน

===================

จึงมีผลมาให้เกิดการปรับกันขนานใหญ่ จากเดิมที่มันปรับ ยึด ไอทีวีได้ตั้งนานแล้ว...ก็เรื้อรังมาจนถึงวันนี้...

เพื่อให้สัญญาสิ้นสุดลงซะที.....ก็ต้องยกเลิกสัญญา โดยการอ้างการทำผิดสัญญาสัมปทานในที่สุด..เพราะยังไงมันก็จ่ายไม่ไหวบนเงื่อนไขแบบนี้ของสัญญา...

ใครมาทำต่อบนสัญญานี้ ยังไงก็ทำไม่ได้ ปัญหาก็มีต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้...พอจะแก้ก็ว่าช่วยเอกชน ประกอบกับทักษิณ เข้าการเมืองในปี 2544

การแก้สัญญาจึงเป็นไปไม่ได้..ปิดประตูการแก้ปัญหาอย่างสันติ...มันก็ต้องจบลงแบบนี้...

เลิกก็เลิก....ไม่ได้เสียหายอะไร...คนที่เสียหายคือรัฐเท่านั้นเอง ....ที่ต้องมารับภาระบริหารในฐานะเจ้าของคนใหม่..

จากคุณ : minimalist
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 22 คำสั่ง