ขอบพระคุณครับ ท่านเสธ. มะขิ่น...
"พวกนี้"เป็นส่วนที่สร้างเงื่อนไขฯ... ซึ่งในโรงเรียนรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสิงห์สีอะไรก็ตาม ไม่เคยสอนเช่นว่าครับ...
สมัยนายสมชายเรียนหนังสือในมหาลัยฯ... ที่ห้องประชุมใหญ่ของคณะฯ(ห้อง ร.103) มีคำกล่าวของพระยาสุนทรพิพิธ เขียนเอาไว้ว่า... "นักปกครองคือเทียนที่เผาไหม้ตัวเองให้เกิดแสงสว่างแก่ประชาชน"ครับ...
ดังนั้นนักปกครองไม่ว่ายุคใดสมัยใด ถึงจะเป็นยุคที่นักปกครองจะเรียกตัวเองว่าเป็น"ข้าหลวง"ที่ทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ แก่องค์พระประมุขฯ... นักปกครองที่เป็นข้าหลวงก็สำนึกว่าตนเองคือเทียนเล่มนั้นครับ...
ขอบคุณนายสมชาย(ฮา)ที่เขียนถึงนักรัฐศาสตร์ครับ......
ถึงผมจะไม่ได้รับราชการ...แต่ตอนเข้าเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ ผมตั้งใจแน่วแน่ที่จะเลือกเรียนภาควิชาการปกครอง....
แต่ด้วยชะตาฟ้าลิขิต...ทําให้ชีวิตผกผันไม่ได้ทํางานอย่างที่ตั้งใจ และต้องมาทํางานในภาคเอกชน...
สมัยนั้น...จะหาคนเรียนภาควิชาการปกครองยากมากครับ....ทั้งรุ่น200กว่าคน...เลือกเรียนปกครอง30กว่าคนเอง.....
นิสิตส่วนมากไปรปศ.หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ......
ผมเข้าใจว่า ส่วนมากคิดว่า...การเข้าทํางานในกระทรวงมหาดไทยนั้นต้องลําบากมากกว่าการทํางานโก้ๆในกระทรวงการต่างประเทศ....
30กว่าคนในรุ่นผมนั้น....ส่วนมากก็เข้ารับราชการในกรมการปกครอง.....ใครจะเป็นยังไงผมคงทราบไม่หมด....
แต่รับรู้อุดมการณ์ของเพื่อนสนิทบางคน...ที่หลังจากบรรจุก็ถูกส่งไปเป็นปลัดฯในอําเภอชายแดนแถบอีสานซะส่วนใหญ่....บ้างก็ชายแดนเขมร...
ผมคิดเสมอว่า.....คนเรามีโอกาสที่จะเลือกทํางานสบายๆได้....แต่คนกลุ่มหนึ่งกลับเลือกที่จะสละทิ้ง...และแลกกับเงินเดือนน้อยนิด
ทั้งนี้เพื่ออุดมการณ์ที่ตัวเองตั้งใจไว้......ผมขอบคุณคนเหล่านี้เสมอมา.....
เรามีข้าราชการที่ดีๆและเสียสละเยอะมากครับ....ไม่งั้นประเทศเราคงดํารงอยู่มาถึงทุกวันนี้ไม่ได้.....