ตามหลักที่เคยครวจค้นอาวุธปืนมันมีเคสต่างๆกันนะครับ อย่างกรณีตั้งด่านอย่างงี้ เราดูที่เจตนาเป็นสำคัญครับ เท่าที่จับๆกันนั้น จะจับในขณะผู้นำพาอยู่ในอาการมึนเมาซะเป็นส่วนมากซึ่งก็เป็นการป้องปรามนะครับ ไม่ได้จ้องจับผิดอะไรกันมากมาย แล้วที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชอบพกปืนนอกเครื่องแบบนั้น ขอเรียนว่าหน้าที่ตำรวจนั้น เราปฏิบัติกันตลอ24ชั่วโมงนะครับ สมมุติว่าวันนึงผมออกเวรแล้ว แต่ระหว่างทางประสบเหตุผมจะอ้างได้หรือไม่ว่าผมออกเวรแล้วผมจึงไม่ต้องรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นคุณจะตอบประชาชนว่าอย่างไร ครับ เรื่องภาษีที่ชอบบอกกันว่าตำรวจกินภาษีของประชาชนนั้นอยากเรียนว่ามันก็จริงครับ ที่ผมกินเงินเดือนจากภาษี แต่อย่าลืมนะครับ ว่าพวกผมก็ต้องเสียภาษีเหมือนกัน ไม่ได้รับการยกเว้นนะครับ สังคมมีทั้งคนดีคนไม่ดี ทุกสายอาชีพก็มีทั้งดีทั้งไม่ดี เราต้องแยกแยะครับ หากเรามองทุกอย่างไม่ดีไปหมด เราก็คงอยู่ร่วมสังคมกันลำบากนะครับว่าไหม
ผมเห็นด้วยกับเหตุผลตามกระทู้นี้ส่วนหนึ่งนะครับเพราะเป็นอาชีพที่ต้องเสี่ยงตลอดเวลา แต่ก็รู้สึกคิดเห็นขัดแย้งกับข้อความที่ว่า "จะจับขณะผู้นำพาอยู่ในอาการมึนเมา" ซึ่งไม่เข้าใจว่ามึนเมาแล้วเกี่ยวอะไรกับนำพาครับ และถ้ามึนเมาแล้วกระทำตามหลักแนวคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ และหลักแนวทางคำพิพากษาฎีกาที่ยกฟ้องแล้ว ตำรวจเห็นมึนเมา แต่เก็บปืนไว้เบาะหลังแยกกระสุน ซึ่งไม่ใช่ลักษณะเตรียมพร้อม อีกทั้งมีเงินติดตัวหลายหมื่นบาท คุณพี่เองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะต้องตั้งข้อกล่าวหาด้วยหรือครับ
และอีกอย่างทำไมตำรวจบางท่าน(แต่เป็นซะส่วนมาก) ไม่ค่อยใช้ดุลพินิจในขณะปฏิบัติหน้าที่กันบ้างเลยและบางทีก็ไม่ฟังเหตุผลด้วย พอชี้แจงว่าทำตามคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการหรือคำสั่งให้ใช้ดุลพินิจของตำรวจดังกล่าว และก็พูดด้วยถ้อยคำที่ "ยิ่งกว่าอ่อนน้อมถ่อมตน หวานกว่าพูดกับผู้หญิงเสียอีก" ท่านพี่ตำรวจบางท่านก็ยังจะจับส่งพนักงานสอบสวนให้ได้เลย แถมพูดใส่กลับมาให้เราโมโหอีกว่า "ไม่ต้องมาหัวหมอมากหรอกมึง" แต่พอถึงพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ สอบปากคำพร้อมกับชี้แจงจนเข้าใจรายละเอียดเสร็จ ก็ปล่อยตัวออกมา ซึ่งเสียเวลามากครับ