ที่มา http://www.prayotcharms.com/CUSTOM4.html นับเป็นความเชื่ออย่างฝังใจของหลาย ๆ คนที่ว่า สแตนเลสมีความทนทาน ดูแลรักษาง่าย ไม่เป็นสนิม ซึ่งนับว่าถูกต้อง ถ้าเราพูดถึงเครื่องที่ใช้อยู่ในครัวเรือน เช่น ช้อนส้อมหรือมีดทำครัว แต่หลายคนลืม ไปว่าสแตนเลสที่นำมาใช้ผลิตปืนนั้นต้องมีคุณสมบัติแตกต่างจากเครื่องใช้ในครัว คุณสมบัติการด้าน สนิมในตัวโลหะเอง เกิดจากการที่มีส่วนผสมของคาร์บอนในระดับต่ำ แต่เมื่อเราต้องการนำมาผลิต ปืน ตัวโลหะจะต้องมีปริมาณคาร์บอนมากพอ เพื่อให้มีความแข็งและทนทาน
มีเจ้าของปืนหลายท่านปล่อยปะละเลยปืนของตนเองที่ผลิตจากสแตนเลส ด้วยความเชื่อที่ว่าจะไม่ เป็นสนิม จนในที่สุดปืนที่เสียเงินซื้อมาในราคาแพงก็ต้องมีความเสียหายจากสนิม ซึ่งเรามักจะเรียก กันว่าสนิมขุม พบบ่อยมากในบริเวณในฝาด้ามประทับ
ปัญหาต่อมาของสแตนเลสที่ใช้ทำปืนเกิดจากส่วนผสมของคาร์บอนที่มีอยู่ค่อนข้างน้อย เนื่องจาก หวังผลในการด้านสนิม เมื่อคาร์บอนน้อย โลหะสแตนเลสก็มีความแข็งน้อย และเมื่อมีความแข็งน้อย ก็มีผลให้ความลื่นของผิวลดลง ซึ่งนับเป็นข้อเสียของการสร้างปืน Custom อย่างที่เรียนให้ทราบใน ตอนที่แล้วว่า การสร้างปืน Custom เพื่อให้ได้กลุ่มกระสุนเล็ก ๆ ตามที่ต้องการ ต้องอาศัยการ Fitting ในระดับที่สูงมาก ตรงนี้แหละครับที่มีปัญหาใหญ่ สแตนเลสจะทน Filling ระดับนี้ไม่ได้ จะเกิด การกัดกันเองระหว่าง slide กับ frame เนื่องจากความฝืดของผิวโลหะ บางท่านอาจจะนึกแย้งอยู่ในใจ ว่าแล้วทำไมปืน Custom อย่าง Les Bacr ยังผลิตสแตนเลสออกจำหน่าย ถูกต้องครับ แต่คุณต้องยอม รับกลุ่มกระสุน 3 นิ้ว ที่ 50 หลา ไม่ใช่ 1.5 นิ้ว ที่ 50 หลา และปืนสแตนเลสเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกันที่ผลิต จากเหล็กคาร์บอน ก็จะมีราคาสูงกว่า เนื่องจากความฝืดในปืนทำให้เครื่องจักรในกาารผลิต เช่น ดอกกัด หัวเจียร มีความสึกหรอเร็วขึ้น มีช่างแต่งปืนหลายราย ไม่ยอมรับแต่ง
ปืนสแตนเลส ก็เนื่องจาก ทำงานยากกว่าและเจ้าของปืนมักจะบ่นว่า ปืนของเขามีความแม่นยำได้อยู่เพียงระยะเดียวเท่านั้น เรื่องเหล็กที่ใช้ในการผลิตปืน Custom นั้น ผมจะไม่ลงลึกไปในรายละเอียดถึงระดับโลหะวิทยานะ ครับ เพราะค่อนข้างซับซ้อนเกินไป เกรงว่าผู้อ่านจะเบื่อเสียก่อน เอาเป็นว่าเหล็กที่เป็นที่ยอมรับในวง การอุตสาหกรรมผลิตปืน ว่ามีความเหมาะสมและดีที่สุดในเวลานี้คือ คาร์บอนสตีล 4140 ที่ขึ้นรูปด้วย การ Forge เท่านั้น
การ Forge คือการขึ้นรูปด้วยโลหะด้วยความร้อนลักษณะเดียวกับการตีดาบ หรือเกีอกม้าในสมัยก่อน แต่ ในการสร้างปืนไม่ใช้ซ้อนตีนะครับ โรงงานจะมีแท่น Hydralic ขนาดใหญ่ ทำหน้าที่เหมือนฆ้อน ขนาดยักษ์ทุบโลหะที่ถูกเผาร้อน ด้วยอุณหภูมิประมาณ 1850F เพื่อให้ได้รูปร่างหยาบ ๆ ของชิ้นงานที่ ต้องการ ซึ่งจะมีความหนาแน่นของเนื้อโลหะในระดับสูง ต่างกับการผลิตของโรงงานบางแห่ง ซึ่งใช้ วิธีหล่อชิ้นงานในแม่พิมพ์ทำให้ผลิตได้ง่าย รวดเร็วและมีต้นทุนถูกว่า ขอให้เปรียบเทียบระหว่าง โครงปืนลูกโม่ของ Smith และ Ruger นะครับ Smith ใช้วิธี Forge Ruger ใช้วิธีหล่อในแม่พิมพ์ ดังนั้น โครงของ Ruger จึงจำเป็นต้องหนา เพราะความหนาแน่นในเนื้อโลหะสู้แบบ Forge ไม่ได้ ถ้าโครง บางเท่า Smith จะทนไม่ไหวครับ แถมยังโฆษณาเกทับปืน Smith ด้วยว่าหนากว่าย่อมดีกว่า ส่วน Smith ก็ได้ว่า หนากว่าย่อมดีกว่าแน่ถ้าเป็นแฮมเบอร์เกอร์ไม่ใช่ปืน
เมื่อเราได้ชิ้นงานที่ขึ้นรูปหยาบ ๆ ด้วยการ Forge แล้ว ในผู้ผลิตปืนบางรายที่ต้องการลดต้นทุนและ เวลาในการผลิตก็จะนำไปกัดไสตัดแต่งตามที่ต้องการจนเสร็จสิ้น แล้วจึงนำไปชุบแข็งเป็นขั้นตอนสุด ท้าย แต่ผู้ผลิตปืน Custom ระดับสูงจะไม่ทำอย่างนั้นครับ เขาจะเอาชิ้นงานหยาบไปชุบแข็งก่อน แล้ว จึงนำไปกัดไสตัดแต่งด้วยเครื่อง CNC ซึ่งมีข้อดีกว่ามากคือ ชิ้นงานจะไม่มีการบิดงอระหว่างกัดไส ทำ ให้ได้ความเที่ยงตรงอย่างเต็มที่ ขอ้เสียคือ เพิ่มต้นทุนและเวลาครับ เพราะชิ้นงานชุบแข็งแล้วทำงาน ได้ยากกว่า เครื่องมือและดอกกัดก็สึกหรอเร็วกว่า แต่งานที่ได้นับว่าคุ้มค่ามาก ถ้าเราจะหวังผลสูงสุด เรื่องความแม่นยำ ความทนทานตลอดจนชื่อเสียงของผู้ผลิตเอง และนี้ก็เหตุผลอันหนึ่งที่ทำให้ปืน Custom คุณภาพดีมีราคาแพง