เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 11, 2024, 05:35:19 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปืน!"กลางไฟใต้" เครื่องมือสร้างสันติภาพหรือสงครามกลางเมือง  (อ่าน 4722 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 12:02:45 PM »


เอามาฝากผ่านตากันครับ.........  Cool Cool
ปืน!"กลางไฟใต้" เครื่องมือสร้างสันติภาพหรือสงครามกลางเมือง (รายงานพิเศษ)

เสียงเพรียกหาปืนในสถานการณ์ใต้

"พวกเราต้องการปืน!!!"

สวัสดิ์ ยืนยง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย หนึ่งในแกนนำม็อบชาวไทยพุทธหน้าที่ว่าการอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา กว่า 1 พันคนที่เดินทางมายื่นหนังสือให้ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ ประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและแก้ไขกรณีปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 26 มีนา คมที่ผ่านมาพูดเสียงดังฟังชัด

เขาบอกว่า ได้ยื่นข้อเรียกร้องไปจำนวน 6 ข้อ แต่ข้อเรียกร้องที่น่าสนใจคือข้อที่ 5 ที่ระบุว่าให้ทางราชการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ในการป้องกันตนเองของชาวบ้าน และข้อที่ 6 ที่มีเนื้อหาว่า ให้ความอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในการขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และผ่อนปรนในการพกพา

"สวัสดิ์" อธิบายว่าข้อที่ 5 เขาให้ทางราชการจัดซื้อจัดหาอาวุธมอบให้กับชาวบ้าน ส่วนข้อที่ 6 ให้อำนวยความสะดวกประชาชนผู้บริสุทธิ์ในการอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนโดยถูกกฏหมาย ช่วยอำนวยความสะดวกในการฝึกซ้อมการใช้อาวุธปืนและผ่อนปรนทางข้อกฏหมาย อนุญาตให้ประ ชาชนสามารถพกพาอาวุธปืนได้

ผู้ใหญ่บ้านแกนนำม็อบ ให้ภาพว่า เหตุที่ต้องรวบรวมชาวบ้านมาเรียกร้องแก่ทางการเพราะประมวลจากความต้องการของชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่ ซึ่งระบุตรงกันว่ามาตรการปราบปรามและเฝ้าระวังเหตุของเจ้าหน้าที่ยังหละหลวมอยู่ ในขณะที่การบังคับใช้กฎหมายยังกระทำอย่างไม่เอาจริงเอาจัง "ข้อพิสูจน์" คือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ไม่ห่างกัน คนไทยพุทธเสียชี วิตมากกว่ามุสลิมหากเทียบตามสัดส่วนของประชากร

ข้อเรียกร้องหาปืนของชาวไทยพุทธในอำเภอสะบ้าย้อย จึงเป็นสัญญาณล่าสุดที่ทำให้ผู้เกี่ยว ข้องหลายฝ่ายหันมาให้ความสนใจต่อ "เสียงเพรียกหาปืน" ของคนในพื้นที่กันอย่างจริงจังอีกครั้ง!!!

กรณีของชาวบ้านไทยพุทธใน อ.สะบ้าย้อย นับเป็นกรณีศึกษาต่อเสียงเพรียกหาอาวุธปืนของประชาชนที่น่าสนใจ เพราะชาวบ้านทั้งหมดรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคาม แต่กรณีการสังหารเด็กปอเนาะบำรุงศาสตร์ ที่บ้านควนหรัน ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้เคียงกัน ต่างยอมรับว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเดินทางไปสถานที่เกิดเหตุ และความรู้สึกลึกๆเขาเชื่อว่าความรุนแรงทั้งหมดเกิดจากน้ำมือคนมุสลิมด้วยกันเอง

ความต้องการต่ออาวุธปืนของชาวบ้านไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ปรากฏชัดมานานแล้วในหลายพื้น ที่ โดยเฉพาะที่มีคนไทยพุทธตั้งถิ่นฐานอยู่ หลังชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องตกเป็นเหยื่อฝ่ายคน ร้ายที่อยู่ในเงามืด หลังข้อเรียกร้องของชาวไทยพุทธใน อ.สะบ้าย้อย ก็มีเสียงตอบรับจากฝั่งรัฐว่าจะเพิ่มอาวุธปืนให้ชาวบ้านใน 62 หมู่บ้านอีกกว่าหนึ่งพันกระบอก จากที่มีอยู่แล้ว 900 กระบอกในจำ นวนหมู่บ้านดังกล่าว

ชัดเจนว่าข้อเรียกร้องของชาวบ้านสะบ้าย้อย คือ ปรากฏการณ์ที่เป็นผลลัพท์ของภาวะความหวาดกลัว หวาดระแวงและความไม่ไว้เนื้อเชื่อมั่นต่อระบบการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ สินของตำรวจ-ทหาร และยังเป็นผลที่บังเกิดขึ้นจากยุทธวิธี "สร้างอาณาจักรแห่งความกลัว" ของฝ่ายแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ.....แต่ในมุมชาวบ้าน "ความต้องการปืน" ไม่ได้คำนึงถึงการตกหลุมพรางเป้าหมายของขบวนการความไม่สงบ เป็นความต้องการที่เกิดจากความเชื่อว่าอาวุธปืนคือที่พึ่งในยามที่ความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐลดน้อยถอยลงอย่างน่าใจหาย!!!

ภาวะเช่นนี้ กำลังเป็นกระแสที่น่าสนใจยิ่ง เมื่อสังคมไทยโดยรวมก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า ฝ่ายรัฐควรจะกระจายอาวุธปืนจำนวนมากไปให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งชาวไทยพุทธซึ่งเชื่อว่าเป็นเหยื่อโดยตรง สอดรับกับผลสำรวจล่าสุดของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ที่ระ บุว่าชาวหาดใหญ่ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง ต้องการให้รัฐบาลมอบปืนให้ประชาชนใน 3 จังหวัดมากกว่านี้ เพื่อป้องกันตนเองและต่อกรกับฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปริมาณปืนชายแดนใต้ ดัชนีอำนาจรัฐหรือชี้วัดความรุนแรง

การแพร่กระจายของอาวุธปืนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้มีอยู่เป็นปริมาณมาก ข้อมูลจาก "สำนักงานปกครอง จ.ปัตตานี" จังหวัดเดียว ระบุว่า มีปืนที่ถูกขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฏ หมาย ทั้งปืนพกสั้นขนาด.38 ลงมาและปืนยาวประเภทลูกซองมีมากกว่า 30,000 กระบอก ซึ่งไม่รวมอาวุธปืนอีกจำนวนมากของฝ่ายปราบปรามที่อนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนได้ โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากนายทะเบียน รวมถึงอาวุธปืนที่ทางราชการมอบให้ "หน่วยจัดตั้ง" ในภาคประชาชน อาทิ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) อาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน(อรบ.) อาสาสมัครหมู่บ้าน(อสม.) และ "กองกำลังพิเศษ" ที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองจัดตั้งขึ้นตามความต้องการของแต่ละหน่วย งาน เพื่อช่วยเสริมกำลังในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่

ทาง จ.นราธิวาส มีตัวเลขจำนวนอาวุธปืนอยู่ในมือประชาชนขณะนี้มากกว่า 45,000 กระบอก ส่วนใหญ่เป็นปืนพกสั้น และสถิติที่ประชาชนมายื่นคำขอใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนยังสูงถึงเดือนละ 100 รายต่อเดือน ตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับจำนวนอาวุธปืนถูกกฏหมายของ จ.ยะลา

"ความต้องการปืนของประชาชนยังมีอยู่มาก แต่ปัญหาคือปัจจุบันราคาปืนค่อนข้างแพง ส่วนใหญ่คนที่มาขอใบอนุญาตยังเป็นข้าราชการและผู้มีฐานะ หรือผู้นำท้องถิ่น ส่วนประชาชนทั่วไปมีอา วุธปืนอยู่น้อย ยิ่งในอำเภอรอบนอกที่มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นแทบทุกวันคนยิ่งไม่มีเงินไปซื้อหาอา วุธ เพราะเขาไม่มีเงิน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ แต่ความต้องการของเขายังมีอยู่มาก" มะซอรี มะ เจ้าหน้าที่กองทะเบียนอาวุธปืน สำนักงานปกครอง จ.นราธิวาส กล่าว

"มะซอรี" ยังแสดงความเห็นว่าจำนวนปืนใน จ.นราธิวาส จะเพิ่มขึ้นอีกมาก ตราบใดที่ความไม่สงบยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือตัวเลขนี้ไม่ได้รวมกับ "ปืนเถื่อน"

ส่วน "พล.ต.ท.เจตนากร นภีตะภัฏ" ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยังอดหวั่นวิตกไม่ได้ว่าการที่ประชาชนในพื้นที่ครอบครองอาวุธปืนไว้เป็นจำนวนมากก็เป็น "ดาบสองคม" เพราะถ้าไม่ควบ คุมการใช้ให้รัดกุมก็จะทำให้ควบคุมพื้นที่ได้ยาก

ทั้งที่ในอดีตอาวุธปืนเปรียบดัง "ดัชนีอำนาจรัฐ" เนื่องจากรัฐเป็นฝ่ายหยิบยื่นปืนให้ประชา ชน แต่เมื่อฉายภาพปัจจุบันปริมาณของปืนกลับสวนทางกับนิยามในอดีตอย่างสิ้นเชิง เมื่อปริมาณของปืน บ่งบอกถึงความอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพของอำนาจรัฐ!!!

"ประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ" อดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ ที่ปรึกษาสมา พันธ์ครูจังหวัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความเห็นว่า ความต้องการปืนเกิดจากความล้มเหลวของรัฐ ที่ไม่สามารรถปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ และเป็นตัวชี้ระดับความรุนแรงของสถานการณ์ และจุดอ่อนสำคัญ 2 ประการสำหรับประชาชนผู้ถือปืน คือ เสี่ยงต่อการเป็นเป้าหมายของฝ่ายผู้ก่อการและความไม่สันทัดในการใช้อาวุธปืน เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เมื่อถูกโจมตี คนเหล่านี้ก็มักใช้ปืนไม่ทัน ท้ายที่สุดก็ต้องเสียไปทั้งคนและปืน ซึ่งจุดนั้นก็จะอันตรายไปอีกขั้นเพราะปืนของคนบริสุทธิ์ จะถูกนำมาสังหารคนบริสุทธิ์ล้มตายอีกมากมายดังที่เกิดขึ้นทุกวันนี้

สถานการณ์ใต้กับผลประโยชน์ธุรกิจค้าปืน

"ที่ใดมีสงคราม ที่นั่นมีคนได้ผลประโยชน์จากสงคราม"

อดีตเจ้าของร้านขายปืนที่ผันตนเองออกจากธุรกิจดังกล่าวมานานเกือบสิบปี ให้ข้อมูลว่า ปัจ จุบันประเทศไทยมีอาวุธปืนถูกกฎหมายอยู่ในความครอบครองของพลเรือนมากกว่า 4,000,000 กระ บอก ส่วนใหญ่เป็นปืนพกสั้น และมีปืนเถื่อนอยู่ไม่เกิน 2-3% ของจำนวนปืนทั้งหมด แต่ในกรณีของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบนั้นเขาไม่สามารถระบุได้ เพราะมีข่าวว่าปืนจำนวนหนึ่งที่ถูกนำมาก่อเหตุ เป็นปืนที่นำเข้ามาจากชายแดนฝั่งตะวันออกของประเทศไทย และยังมีอาวุธปืนที่ผ่องถ่ายระหว่างกันกับเครือข่ายผู้ก่อการร้ายในประเทศที่มีปัญหาความไม่สงบ ซึ่งไม่มีข้อมูลหลักฐานว่าจริงเท็จอย่างไร

ตามฐานข้อมูลของกรมศุลกากร การนำเข้าอาวุธปืนมาในประเทศไทยปี 2549 มีจำนวนราว 55,000 กระบอก!!!

อดีตเจ้าของร้านขายปืน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การนำเข้าปืนถูกกฏหมายของไทย เป็นไปตามโควต้าที่ทางราชการกำหนดให้ ร้านปืนแต่ละร้านจึงมีโควต้าของตนเองที่กำหนดให้ 1 โควต้า นำเข้าปืนสั้นได้ 30 กระบอก และปืนยาว 50 กระบอก ร้านปืนแต่ละร้านอาจมีโควต้าไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย และ "เส้นสาย" ของเจ้าของร้านปืนกับผู้มีอำนาจในกระทรวง

แต่การนำเข้าอาวุธปืนตามโควต้าของร้านปืน ยังไม่เท่า "ปืนสวัสดิการ" ที่กระทรวงมหาด ไทยสั่งตรงเข้ามา ที่เขาระบุว่ามากกว่าจำนวนโควต้าทั้งหมดที่ร้านปืนทุกร้านรวมกัน โดยเฉพาะหลัง จากปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้น ปืนสวัสดิการโดยการอนุมัติของกระทรวง มหาดไทยถูกสั่งตรงเข้ามาเป็นจำนวนมากและเป็นระลอกๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การสั่งนำเข้าก็ต้องสั่งผ่าน "เอเย่นส์" อีกทอดหนึ่ง

เรื่องปริมาณปืนในประเทศไทย อดีตเจ้าของร้านปืนรายดังกล่าวให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องของ Demand และ Supply เมื่อมีความต้องการใช้เกิดขึ้น การนำเข้าก็เพิ่มขึ้น แต่ยังมีความเหลื่อมล้ำค่อน ข้างสูง เพราะเมื่อเปรียบเทียบจำนวนปืนกับความต้องการในปัจจุบันแล้ว ปริมาณปืนจึงมีอยู่น้อยมาก

"ยิ่งเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ คนยิ่งต้องการซื้อปืนมาก ปืนที่มีอยู่น้อยก็ถูกปรับราคาขึ้นสูงลิ่ว คนที่ได้รับประโยชน์เต็มๆคือเจ้าของร้านขายปืนต่างๆนั่นเอง ปืนสั้นบางยี่ห้อ ราคาจริงขณะนำเข้าเมื่อบวกภาษีแล้วอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทแต่ราคาขายอยู่ที่ 60,000 บาท ทุกวันนี้ผลประ โยชน์ที่ควรจะเป็นรายได้ของรัฐกลับตกอยู่ในมือของพ่อค้าปืนกลุ่มเล็กๆ เพียงกลุ่มหนึ่งที่มีใบอนุ ญาตถูกต้องตามกฎหมาย" เขา กล่าว

เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในอดีตการขอใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนขึ้นอยู่กับกรมทะเบียนกรมตำรวจ ในช่วงที่โอนย้ายไปให้กับกรมการปกครองใหม่ๆ เคยเกิดกรณีที่นายกสมาคมร้านปืนจับมือกับข้าราชการในกรมการปกครอง บอกประชาชนว่าถ้าจะขอใบอนุญาตต้องผ่านร้านปืนก่อน ร้านปืนจะเรียกเก็บเงินกระบอกละ 4,000-5,000 บาท เป็น "ค่าวิ่งเต้น"

แม้แต่การใช้ปืนหาประโยชน์จากสถานการณ์ภาคใต้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปลายปีที่แล้วอา วุธปืนในคลังตำรวจที่ จ.ขอนแก่น ถูกยักยอกไปโดยตำรวจกลุ่มหนึ่งนำไปขายที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนำไปตกแต่งและ "สวมทะเบียน" ใหม่ขึ้นมาเพื่อหลอกขายประชาชน ซึ่งปัจจุบันการทำเช่นนี้อาจยังมีอยู่โดยฝีมือของคนในเครื่องแบบเอง จึงน่าจะเป็นคำตอบว่าปืนเถื่อนส่วนหนึ่งในภาคใต้ที่อยู่ในมือประชาชนมาจากไหน

เขาตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่อดีตภาคใต้ถือเป็น "ตลาดปืน" ที่ใหญ่มาก คนใต้คือลูกค้ารายใหญ่ของร้านขายปืน แต่เหตุใดเมื่อเกิดความไม่สงบ จึงยังมีคนมาซื้อหาอาวุธปืนเพิ่มขึ้นตลอด ปืนที่เคยซื้อไว้หายไปไหน???

ติดอาวุธสู้ไฟใต้ หนทางเสื่อมถอยหรือปูทางสร้างสันติ???

เสียงร่ำลือเรื่องคนไทยพุทธเริ่มต้นตั้งกองกำลังติดอาวุธ เพื่อสู้กับฝ่ายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" เริ่มหนาหูขึ้นเรื่อยๆ คำร่ำลือภายในชุมชนมุสลิมกลายเป็นเรื่องเล่าที่ทรงอำนาจ สร้างความหวาดระแวงและระแวดระวังคนไทยพุทธมากขึ้น.....เสียงดังกล่าวได้สะท้อนความ รู้สึกแปลกแยกกับคนไทยพุทธได้พอสมควร บางคนถึงขนาดบอกว่าคนไทยพุทธกำลังตั้งกองกำลังติดอาวุธเพื่อ "เอาคืน" คนมุสลิม หลังคนไทยพุทธตกเป็น "เหยื่อ" สังหารของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

สิ่งที่หลายคนตั้งคำถามคืออาวุธปืนที่อยู่ในมือของกลุ่มคนเหล่านี้จะถูกใช้ไปในทิศทางใด รวมทั้ง "ท่าที" ต่ออาวุธปืนของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

คำถามเรื่อง "ท่าที" ต่ออาวุธปืนมีหลายเหตุ แต่ผลสรุปของนักวิจัยด้านปืนศึกษารายหนึ่งน่า สนใจอย่างยิ่ง เธอสะท้อนว่าอาวุธปืนเป็น "อำนาจเชิงสัญญะ" แค่ยิงขึ้นฟ้า มนุษย์ทุกคนก็รู้สึกกลัวจนหัวหดแล้วโดยไม่จำเป็นต้องเล็งศูนย์ไปยังเป้าหมายด้วยซ้ำ แต่น่าเป็นห่วงบางคนที่รู้สึกว่าการที่ตน เองยิงคนตายด้วยเหตุผลเพราะคนนั้นเป็นคนชั่ว เป็นภัยคุกคามต่อสังคม เป็นโจรที่มาสร้างความเดือด ร้อนให้ตนเอง การคิดเช่นนี้ทำให้การยิงคนตายไป 1 คน ตนเองจะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิด

เธอยอมรับว่าปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ปืนยังเป็นความจำเป็นในระดับของการป้องกันตนเอง แต่ไม่ใช่กรณีของการติดอาวุธเพื่อลุกขึ้นสู้กับฝ่ายผู้ก่อการ เพราะกรณีเช่นนั้นนอกจากปัญหาจะบานปลายจนมองไม่เห็นทางออกแล้ว ความรุนแรงก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายระดับ แต่ปัญหาสำคัญ คือ "ความสมดุลทางอำนาจ" ระหว่างผู้มีปืนและไม่มีปืน โดยเธอยกกรณีของปัญหาใน อ.สะบ้าย้อย เป็นกรณีตัวอย่าง

"การที่ฝ่ายหนึ่งมีอาวุธ หรือได้รับการสนับสนุนจากรัฐให้มีอาวุธ เเละอีกฝ่ายไม่มี เเละไม่ได้รับการสนันบสนุนจากรัฐให้มีอาวุธจะทำให้ฝ่ายที่ไม่มีอาวุธ รู้สึกว่าตนเองถูกเเบ่งเเยก ไม่ได้รับยุติ ธรรม หรือถูกมองเป็นศัตรูกับรัฐหรือไม่ การติดอาวุธกับประชาชนบางกลุ่ม จะทำให้กลุ่มอื่นๆที่เเตก ต่างทางด้านชาติพันธุ์ ศาสนา เเละความเชื่อ รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองกลุ่ม คือกลุ่มที่มีอาวุธ กับไม่มีอาวุธ ยิ่งกว้างขึ้น เเละเกิดความไม่ไว้วางใจกันหรือไม่"

เธอตั้งคำถามว่า "การแพร่กระจายอาวุธปืนไปสู่ประชาชนจะเกิดปรากฏการณ์เสพติดอำนาจเเละผลประโยชน์ โดยไม่สนใจการเเก้ปัญหาที่ไม่ใช้อาวุธเป็นหลักหรือไม่ หากรู้สึกว่าชุม ชนเเละสังคมที่อยู่ไม่ปลอดภัย เคยถามตนเองเเละผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ว่าใครควรจะรับผิดชอบปัญหาในการเเก้ไขปัญหานี้บ้าง รัฐเเละคนในชุมชนได้ทำความผิดพลาดอะไร จึงเกิดความไม่ปลอดภัยในสัง คม การที่รัฐผลักภาระให้ประชาชนดูเเละความปลอดภัยของตัวเอง โดยการยื่นอาวุธให้เเสดงว่ารัฐ เเละเราทุกคนก็ล้มเหลว ในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยหรือเปล่า"

เป็นคำถามทิ้งท้าย จากคนที่ต้องการเห็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งภายในจังหวัดชายแดนภาคใต้และสังคมไทยโดยรวมปราศจากอาวุธปืน เพื่อจะได้มีสันติสุขที่แท้จริงและยั่งยืน!!!


ศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้ 
 
วันที่ 17/4/2007
บันทึกการเข้า
ไผ่เล่นลม
สี่โพ้นทะเล....ล้วนพี่น้อง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 79
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1331


ธรรมชาติเป็นผู้สร้าง....มนุษย์เป็นผู้แต่งแต้มสีสรร


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 12:34:39 PM »

เหตุการณ์ไฟใต้นับวันมีแต่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น   เห็นใจจริงๆครับ  ปืนมันเหมือนดาบสองคมครับ ถ้าอยู่ในมือคนดีก็เกิดประโยชน์กับสังคม แต่ถ้าตกอยู่กับคนชั่ว สิ่งที่ตามมาก็คือหายนะ

ผมเองก็อยู่ใต้ แล้วก็ต้องลงไปทำงานทาง 3 จังหวัดชายแดนอยู่บ่อยๆ เมื่อก่อนไม่เคยคิดที่จะจับปืนเลยครับ แต่มาหลังๆนี้มันเกิดความกลัวขึ้นในหัวสมอง  จะหวังพึ่งเพียงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ก็มีอยู่น้อยนิด ดูแลได้ไม่ทั่วถึง  เลยต้องขวนขวายหามาไว้ข่างกายยามต้องลงไปทำงานเพื่อความอุ่นใจ  อย่างน้อยๆก็ดีกว่ามือเปล่าๆ

อ่านแล้วก็เข้าใจกันทุกฝ่าย  ก็คงได้แต่หวังว่าเหตุการณ์มันคงไม่รุกรามจนกลายเป็นอะไรต่อมิอะไร และภาวนาขอให้ไฟใต้มันดับลงในเร็ววัน   

สันติสุขจงบังเกิด และขอให้โลกนี้สงบสุข
 
บันทึกการเข้า



ร่มศรีตรัง ยังเพรียกร่ำเรียกหา  ลูกสงขลานครินทร์ อยู่ถิ่นไหน แม้ห่างกันพันแสงด้าวแดนใด  มอบดวงใจไว้ที่ร่มศรีตรัง
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 12:50:08 PM »

 Smiley  อ่านแล้วครับ  ขอบคุณครับพี่ ธำรง

     ก็อย่างที่ว่า ปืนเหมือนดาบ ๒ คม  มีไว้ป้องกันตัวเรา

     และเราก็ต้องป้องกันรักษาปืนของเราด้วย
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
mr.nog
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 39


« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 01:23:40 PM »

  3ปี 2รัฐบาล เราหาโจทย์ได้หรือยังครับ
 
บันทึกการเข้า
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 01:41:23 PM »

ไอเดียทิ้งท้ายเฉียบขาดมากครับ

"เป็นคำถามทิ้งท้าย จากคนที่ต้องการเห็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งภายในจังหวัดชายแดนภาคใต้และสังคมไทยโดยรวมปราศจากอาวุธปืน เพื่อจะได้มีสันติสุขที่แท้จริงและยั่งยืน!!! "

ว่าแต่โจรมันจะยอมหรือ Huh

การแจกอาวุธเพื่อตั้งกองกำลังติดอาวุธ ผมว่าไม่ดีแน่ แต่ชาวบ้านเขาไม่มีปัญญาซื้อปืนครับ มีไหมสวัสดิการชาวบ้าน หรือเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย แล้วให้เขาไปรับผิดชอบชีวิตตัวเอง (ในเวลาที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังไปไม่ถึง)

แน่นอนว่า การแก้ปัญหาใด ๆ ก็ควรเริ่มจากการเจรจาก่อน ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ต้องมีคนกลาง ถ้ายังไม่ได้ความอีกก็ต้องรอมันลงมือก่อน เพราะใครลงมือก่อนย่อมเสียเปรียบในทางคดี ....

บันทึกการเข้า

ARMSCOR
Sr. Member
****

คะแนน 10
ออฟไลน์

กระทู้: 590


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 02:07:09 PM »

ถ้าทุกคนทุกฝ่ายมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันต่างฝ่ายก็ต้องระมัดระวังตน ไม่กล้าที่จะใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น  สังเกตดูได้จากผู้คนที่อยู่ในสนามยิงปืนจะประพฤติตนค่อนข้างจะสุภาพ  ไม่เคยมีใครใช้ปืนไล่ยิงคนในสนามยิงปืน  เพราะทุกคนทราบดีว่าคนในสนามยิงปืนมีปืนและยิงปืนเป็นทุกคน  ประเทศที่มีอาวุธและกำลังทหารใกล้เคียงกันก็มักจะไม่ได้รบกันเพาะหากรบกันก็จะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างหนักทั้งสองฝ่าย  ที่ผู้เขียนบทความกังวลใจเรื่องที่ชาวพุทธมีอาวุธปืนแต่ไม่สามารถใช้ป้องกันตนเองได้  ก็เป็หน้าที่ของรัฐที่จะต้องช่วยฝึกฝนอบรมผู้มีอาวุธปืนให้ใช้อาวุธปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพเมือนเช่นชาวอิรักที่สามารถใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพต่ำต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาที่ใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าได้  ส่วนการที่ผู้เขียนบทความกังวลว่าชาวมุสลิมจะน้อยใจที่ไม่มีอาวุธนั้น  เห็นว่าสำหรับชาวมุสลิมที่เป็นคนดี รัฐก็ควรจัดหาอาวุธให้เช่นกันเพื่อไม่ให้เขาต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนไม่ดี  หากทุกฝ่ายมีอาวุธและสามารถใช้อาวุธได้อย่างทัดเทียมกันแล้วปัญหาความรุนแรงจะค่อยๆลดลงเอง  ส่วนความคิดของผู้เขียนบทความที่ต้องการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้อาวุธเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง  เพราะตำรวจทหารยังมีอาวุธ  โจรยังมีอาวุธ   แล้วจะไม่ให้ประชาชนมีอาวุธได้อย่างไร :Smiley :Smiley :Smiley :Smiley
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 02:10:26 PM »

เวลาเดียวที่พลเมืองดีไม่ต้องการปืน ...คือหลังจากโดนฆ่าตายไปแล้ว
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
e.k.1911
ถ้าคนดีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสุขและผลจักมีแก่ชนเหล่านั้น
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 251
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2809


Still Loving COLT


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 02:35:09 PM »

ยังไงๆคนดีๆที่มีปืน  ก็ยังมีน้อยกว่าพวกโจรชั่วที่มีปืนหรือมีมากกว่าปืน Sad Sad Sad
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2007, 02:39:48 PM โดย e.k.1911 » บันทึกการเข้า

โปรดจงเอาดอกไม้เสียบไว้ที่ปลายปืน  แล้วหยิบยื่นไมตรีมิตรให้แก่กัน
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 03:04:42 PM »

เก็บปืนให้หมดทุกคนน่ะ ดีที่สุดในโลก... แต่ถ้าเก็บปืนได้ไม่หมด ปืนที่เหลืออยู่ในมือก็จะทำให้สมดุลย์เปลี่ยน...

ใครเขาจะยอมมือเปล่าๆปลี้ๆ... แล้วท่องเอาไว้ในใจว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร... เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร... เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...

พอท่องได้ครบสามครั้งเชื่อเหอะ ต้องเปลี่ยนมาท่องใหม่ว่า... ทำไมเรื่องเวรๆ ต้องมาอยู่กับกรู เรื่องอะไรกรูจะยอมมือเปล่าเล่าว้า... ฮา
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 03:58:15 PM »

ถ้าทุกคนทุกฝ่ายมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันต่างฝ่ายก็ต้องระมัดระวังตน ไม่กล้าที่จะใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น  สังเกตดูได้จากผู้คนที่อยู่ในสนามยิงปืนจะประพฤติตนค่อนข้างจะสุภาพ  ไม่เคยมีใครใช้ปืนไล่ยิงคนในสนามยิงปืน  เพราะทุกคนทราบดีว่าคนในสนามยิงปืนมีปืนและยิงปืนเป็นทุกคน  ประเทศที่มีอาวุธและกำลังทหารใกล้เคียงกันก็มักจะไม่ได้รบกันเพาะหากรบกันก็จะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างหนักทั้งสองฝ่าย  ที่ผู้เขียนบทความกังวลใจเรื่องที่ชาวพุทธมีอาวุธปืนแต่ไม่สามารถใช้ป้องกันตนเองได้  ก็เป็หน้าที่ของรัฐที่จะต้องช่วยฝึกฝนอบรมผู้มีอาวุธปืนให้ใช้อาวุธปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพเมือนเช่นชาวอิรักที่สามารถใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพต่ำต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาที่ใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าได้  ส่วนการที่ผู้เขียนบทความกังวลว่าชาวมุสลิมจะน้อยใจที่ไม่มีอาวุธนั้น  เห็นว่าสำหรับชาวมุสลิมที่เป็นคนดี รัฐก็ควรจัดหาอาวุธให้เช่นกันเพื่อไม่ให้เขาต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนไม่ดี  หากทุกฝ่ายมีอาวุธและสามารถใช้อาวุธได้อย่างทัดเทียมกันแล้วปัญหาความรุนแรงจะค่อยๆลดลงเอง  ส่วนความคิดของผู้เขียนบทความที่ต้องการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้อาวุธเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง  เพราะตำรวจทหารยังมีอาวุธ  โจรยังมีอาวุธ   แล้วจะไม่ให้ประชาชนมีอาวุธได้อย่างไร :Smiley :Smiley :Smiley :Smiley

 Wink เห็นด้วยตามนี้เลยครับ
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
lp1921
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 04:10:09 PM »

เก็บปืนให้หมดทุกคนน่ะ ดีที่สุดในโลก... แต่ถ้าเก็บปืนได้ไม่หมด ปืนที่เหลืออยู่ในมือก็จะทำให้สมดุลย์เปลี่ยน...

ใครเขาจะยอมมือเปล่าๆปลี้ๆ... แล้วท่องเอาไว้ในใจว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร... เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร... เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...

พอท่องได้ครบสามครั้งเชื่อเหอะ ต้องเปลี่ยนมาท่องใหม่ว่า... ทำไมเรื่องเวรๆ ต้องมาอยู่กับกรู เรื่องอะไรกรูจะยอมมือเปล่าเล่าว้า... ฮา


เห็นด้วยกับท่านสมชายครับ
บันทึกการเข้า
ChatKLF-รักในหลวง
Glock ไม่ขึ้นลำไว้ ปลอดภัยกว่า
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 149


« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 05:25:23 PM »

ถ้าทุกคนทุกฝ่ายมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันต่างฝ่ายก็ต้องระมัดระวังตน ไม่กล้าที่จะใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น สังเกตดูได้จากผู้คนที่อยู่ในสนามยิงปืนจะประพฤติตนค่อนข้างจะสุภาพ ไม่เคยมีใครใช้ปืนไล่ยิงคนในสนามยิงปืน เพราะทุกคนทราบดีว่าคนในสนามยิงปืนมีปืนและยิงปืนเป็นทุกคน ประเทศที่มีอาวุธและกำลังทหารใกล้เคียงกันก็มักจะไม่ได้รบกันเพาะหากรบกันก็จะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างหนักทั้งสองฝ่าย ที่ผู้เขียนบทความกังวลใจเรื่องที่ชาวพุทธมีอาวุธปืนแต่ไม่สามารถใช้ป้องกันตนเองได้ ก็เป็หน้าที่ของรัฐที่จะต้องช่วยฝึกฝนอบรมผู้มีอาวุธปืนให้ใช้อาวุธปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพเมือนเช่นชาวอิรักที่สามารถใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพต่ำต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาที่ใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าได้ ส่วนการที่ผู้เขียนบทความกังวลว่าชาวมุสลิมจะน้อยใจที่ไม่มีอาวุธนั้น เห็นว่าสำหรับชาวมุสลิมที่เป็นคนดี รัฐก็ควรจัดหาอาวุธให้เช่นกันเพื่อไม่ให้เขาต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนไม่ดี หากทุกฝ่ายมีอาวุธและสามารถใช้อาวุธได้อย่างทัดเทียมกันแล้วปัญหาความรุนแรงจะค่อยๆลดลงเอง ส่วนความคิดของผู้เขียนบทความที่ต้องการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้อาวุธเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง เพราะตำรวจทหารยังมีอาวุธ โจรยังมีอาวุธ แล้วจะไม่ให้ประชาชนมีอาวุธได้อย่างไร :Smiley :Smiley :Smiley :Smiley

 Wink เห็นด้วยตามนี้เลยครับ

เห็นด้วยครับ....แต่ก็ยากที่จะแยกแยะคนดี-คนร้าย
บันทึกการเข้า
SEK
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 07:26:15 PM »

.....เฮ้อ.!!..อ่านแล้วจะมีใครว่าผมเป็นคนให้ข่าวอีกมั้ยเนี่ย.... Huh Cry
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 07:45:30 PM »

    คิดไม่ออกจริงๆ มันจะจบลงยังไง  ตกใจ
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 08:08:42 PM »

.....เฮ้อ.!!..อ่านแล้วจะมีใครว่าผมเป็นคนให้ข่าวอีกมั้ยเนี่ย.... Huh Cry

5 5 ขอเพียงมีผู้เริ่มชูธงครับคุณเสก......... Wink

.......ต้องชมผู้เขียนรายงานนี้ว่าทำการบ้านมาดี.......  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน



บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.086 วินาที กับ 22 คำสั่ง