ผลบอลพรีเมียร์ชิพเมื่อคืนupdateใกล้จะเริ่มฤดูกาลใหม่แล้วครับ(หน้า1830)

[เบิ้ม]

แมนซิ ชนะ ผีแดง 1 - 0 ... ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแล้วครับ ...

Yesๆๆๆ

พี่แพะไวจริงๆ 

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[Audy452 ♥ รักในหลวง]

แมนซิ ชนะ ผีแดง 1 - 0 ... ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแล้วครับ ...

Yesๆๆๆ

พี่แพะไวจริงๆ 

  แข่ง 3 นัด มี 2 คะแนน...แถมแพ้ครั้งแรกของฤดูกาลอีกด้วยน้ำมือแมนฯซิตี้

[CT_Pro4]

แมนซิ ชนะ ผีแดง 1 - 0 ... ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแล้วครับ ...

...ดูแล้ว ผมต้องยอมรับว่าทีม Man City แม้ว่าจะมีเวลาซ้อมรวมตัวกันไม่นานก่อนเปิดฤดูกาล ทำได้ขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดา...

[Sig228-kolok]

ตอเรส ยิงได้สุดยอดจริง ... สมบูรณ์สุดๆ ทั้งจังหวะกระชากด้วยความเร็ว และการยิงหนีมือประตูที่เหนือชั้น .. 

[Audy452 ♥ รักในหลวง]

สงสัยจะแชมป์จริงๆหงส์ปีนี้....แชมป์คาลิ่งคัพนะ

[Audy452 ♥ รักในหลวง]

ตอเรส ยิงได้สุดยอดจริง ... สมบูรณ์สุดๆ ทั้งจังหวะกระชากด้วยความเร็ว และการยิงหนีมือประตูที่เหนือชั้น .. 

โดนตีเสมอไปแล้วครับ....จากลูกโทษสังหารโดยแลมพาร์ด

เกมส์เดือดมากครับมีตั้ง 9 ใบเหลือง...สรุปผลการแข่งขันมีดังนี้ครับ

 FT   Manchester C.   1 - 0   Manchester U.
 FT   Blackburn R.   1 - 1   Arsenal
 FT   Liverpool   1 - 1   Chelsea

 

[อั๋น]

เชลชีมีนักแตะ 12 คน... :-*

[โป้ง*กันบอย - รักในหลวง]

เชลชีมีนักแตะ 12 คน... :-*

กระโดดใส่ได้จุดโทษ........เซง.............จ้า

[Τσρ Κσρ รักในหลวง]

แมนซิ ชนะ ผีแดง 1 - 0 ... ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแล้วครับ ...

...ดูแล้ว ผมต้องยอมรับว่าทีม Man City แม้ว่าจะมีเวลาซ้อมรวมตัวกันไม่นานก่อนเปิดฤดูกาล ทำได้ขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดา...

ผมว่าสเวนเหมาะทำทีมในลีกที่มีเวลาคลุกคลีปรับแต่งทีมแบบนี้ มากกว่าทีมชาติที่จะแข่งทีนัดรวมตัวซ้อมทีครับ
ผลงานมันฟ้อง ต้องยกเครดิตให้ผู้จัดการทีม ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงผู้เล่นในทีม จนถึงระบบการเล่นครับ   

[Τσρ Κσρ รักในหลวง]

เชลซีมีนักเตะ 12 คน... :-*

กระโดดใส่ได้จุดโทษ........เซ็ง.............จ้า

ถึงจะไม่สมหวังเรื่องผลการแข่งขัน แต่พอนึกภาพตอร์เรสกระชากหนีเบน ฮาอิม เข้าไปแปหนีมือเช็ก คืนนี้ก็ยังหลับฝันดีได้อยู่ครับ   

[Army - รักในหลวงครับ]

แมนซิ ชนะ ผีแดง 1 - 0 ... ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแล้วครับ ... 

 

[Sig228-kolok]

Premierleague : Liverpool 1 - 1 Chelsea

สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : 1 - 0  เฟร์นานโด ตอร์เรส น.16, 1 - 1 แฟรงค์ แลมพาร์ด (จุดโทษ) น.62
ผู้ชม :  43,924 คน



          ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ของพรีเมียร์ชิปประจำสัปดาห์นี้เป็นการปะทะกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี สองทีมคู่ปรับแห่งพ.ศ.นี้
ที่สนามแอนฟิลด์ โดยต่างฝ่ายต่างก็ได้กำลังสำคัญลงสนาม เจ้าบ้านมี สตีเว่น เจอราร์ด ผ่านการทดสอบความฟิตลงเล่นได้
หลังจากเจ็บนิ้วเท้ามาจากเกมกลางสัปดาห์ และ ราฟาเอล เบนิเตซ ใส่ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ลงมาเล่นแบ็กซ้าย ให้ เดิร์ก เคาท์
ยืนเป็นหัวหอกคู่กับ เฟอร์นานโด ตอร์เรส
          ด้าน โฮเซ่ มูรินโญ่ แม้ไม่มี ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ในแนวรับ แต่ยังได้ จอห์น เทอร์รี่ กลับมาลงสนามได้ทันเวลาพร้อมทั้ง
ถอย มิชาเอล เอสเซียง ลงมาเล่นแบ็กขวา เติม ซาโลมง กาลู มาทำเกมรุกในแดนกลางโดยมี ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ฌอน ไรท์-
ฟิลลิปส์ และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็น 3 ประสานในแนวรุก
          ทั้งสองทีมเปิดฉากแลกเข้าหากันตั้งแต่ต้น แต่ยังไม่มีโอกาสเข้าทำแบบจะแจ้ง  ส่วนใหญ่จะเป็นการปะทะกันในแดน
กลางนาทีที่ 12 เอสเซียง ได้รับใบเหลืองเป็นรายแรกของเกมหลังจากเข้าบอลใส่ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ช้าไปหนึ่งก้าว
          กระทั่งนาทีที่ 15 ก็มาถึงเวลาที่แฟนบอลลิเวอร์พูลรอคอย เมื่อ เจอร์ราร์ด แทงทะลุช่องจากกลางสนามให้ ตอร์เรส หลุด
เข้าไปกระชากหนี ทาล เบน ฮาอิม ก่อนจะแปเล่นทางส่งบอลกระทบเสาสองเข้าไปอย่างเยือกเย็นเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของเจ้า
บ้าน และเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของ "เอล นินโญ่" ด้วย
          หลังจากเสียประตู เชลซี ก็เริ่มอยู่เฉยไม่ได้พยายามหาทางเจาะเข้าทะลวงตาข่าย นาทีที่ 22 มาลูด้า ถูก อลอนโซ่ รวบ
ล้มลงบริเวณหน้าเขตโทษ ดิดิเบร์ ดร็อกบา วิ่งเข้ามาอัดฟรีคิกส่งลูกแฉลบกลางกำแพงของหงส์แดงเปลี่ยนทาง แต่ลูกยังได้แค่
เฉี่ยวเสาออกไป 4 นาทีให้หลัง ซาโลมง กาลู พยายามแต่งบอลหาช่องยิงในเขตโทษแต่ยังถูกกองหลังเจ้าบ้านเคีลยร์ทิ้งออกไป
ได้ นาทีต่อมา ไรท์-ฟิลลิปส์ เปิดโค้งมาเข้าหัว ดร็อกบา แต่จังหวะขึ้นโหม่งโหนตัวไปนิดจึงสะบัดลูกข้ามคาน
          ผ่านมาถึงครึ่งชั่วโมง เดิร์ก เคาท์ ก็มาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเจ้าถิ่น หลังจากไปเตะตัดฟาวล์ แลมพาร์ด กลางสนาม
จากนั้น 9นาทีต่อมา เจอร์เมน เพนแนนท์ ไปทำฟาวล์โดนใบเหลืองและเสียลูกตั้งเตะทางริมเส้น แฟรง แลมพาร์ด รับหน้าที่ปั่นเข้า
มาตรงกลางให้ เทอร์รี่ ดันสูงขึ้นมาแต่แปบอลไม่โดน ก่อนที่บอลจะกระดอนพื้นผ่านหน้าประตูออกไปแบบได้ลุ้น
           เกมส่วนมากเป็นการชิงไหวชิงพริบในแดนกลาง แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ นาทีที่ 43 เจอร์ราร์ดได้รับใบเหลืองไปอีกรายก่อน
จะจบครึ่งแรกด้วยการขึ้นนำ 1-0 ของ ลิเวอร์พูล

           เข้าสู่ครึ่งหลัง มูรินโญ่ ทิ้งไพ่ใบแรกลงมาเป็น เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ศูนย์หน้าทีมชาติเปรูได้ลงมาเติมประสิทธิภาพในแดน
หน้าแทน ซาโลมง กาลู และเพียงแค่ 2 นาที ปิซาร์โร่ ก็สร้างโอกาให้กับเพื่อนร่วมทีมได้จากจังหวะเตะมุมที่ แลมพาร์ด โยนมาให้
ก่อนจะสะบัดศีรษะต่อให้ จอห์น โอบี มิเกล โฉบเข้ามาโหม่งต่อ แต่บอลยังไม่เข้ากรอบ ก่อนที่จะได้ลุ้นเองจากลูกโหม่งที่ ไรท์-
ฟิลลิปส์ ปั่นเข้ามาให้ ทว่ายังไม่เข้าเป้าอีกเช่นเคย
           ลิเวอร์พูล อาศัยเกมสวนกลับเล่นงาน เชลซี นาทีที่ 50 รีเซ่ วิ่งเข้าใส่จากแถวสองแต่บอลไต่หลังเท้าออกไปแบบไม่ใกล้
เคียง ก่อนที่ สตีวี่จี จะได้ลองส่องไกลบ้าง ลูกก็ยังไม่เข้ากรอบ เช่นดียวกับ เคาท์ ที่ได้ซัดบ้างในนาทีที่ 53
           เกมเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ 3 นาทีต่อมา แอชลีย์ โคล ไปเล่นยากจนถูก เพนแนนท์ ฉกบอลไปได้ทำให้ต้องหยุดด้วยการ
ฟาวล์หน้ากรอบเขตโทษ แต่ลูกตะบันยิงของ รีเซ่ ยังไม่ลอดกำแพง จากนั้น โคล ก็มาโดนใบเหลืองบ้างจากการไปเสียบใส่
ตอร์เรส ในจังหวะพาบอลขึ้นไปโต้กลับ
            เมื่อผ่านมาถึง 1 ชั่วโมง เชลซีก็มาได้จุดโทษปริศนาโดย มาลูด้า กระโดดข้ามหลอกหวังให้ลูกเลยไปถึง ดร็อกบา แต่ไป
กระแทกกับ สตีฟ ฟินแนน ในเขตโทษ ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ส จึงเป่าให้เป็นจุดโทษท่ามกลางเสียงประท้วงของผู้เล่นเจ้าถิ่น แต่ไม่เป็นผล แฟรงค์ แลมพาร์ด รับหน้าที่เพชฌฆาตสังหารเข้าไปตุงตาข่ายทางมุมซ้ายล่างของตัวเอง พลิกสกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1
            เกมหลังจากนั้นเริ่มโหมบุกเข้าใส่กันอย่างสนุก นาทีที่ 68 เจอร์ราร์ด วางยาวเข้าไปให้ เพนแนนท์ ตวัดกลับมาตรงกลางให้
รีเซ่ สอดเข้ามาวอลเลย์ยิง แต่ยังบังคับทางบอลได้ไม่ตรงกรอบ ก่อนที่ เพนแนนท์ จะถูกถอดออกไปโดยมี ไรอัน บาเบล ลงมาเติม
แนวรุกแทน ให้หลังอีก 4 นาที ตอร์เรส ถูก เบน ฮาอิม ขวางเอาไว้บริเวณนอกเขตโทษ แต่ เทอร์รี่ เข้าไปประท้วงเนื่องจากเห็นว่า
กองหน้าชาวสเปนพุ่งล้มจึงโดนใบเหลืองไปอีกราย
            13 นาทีสุดท้าย โจ โคล ก็ถูกส่งลงมาเพิ่มมิติในแนวรุกแทน ไรท์-ฟิลลิปส์ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ฝนเริ่มเทลงมา เกมก็
เริ่มเนือยลงไป นาทีที่ 82 รีเซ่ ได้หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังเซฟเอาไว้ได้ด้วยเท้าซ้าย ก่อนที่แบ็กซ้ายนอร์เวย์จะถูก
ถอดออก แล้ว ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงมาค้ำแดนหน้าพร้อมปรับระบบไปเล่น 4-3-3
             เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย เคาท์ มีลุ้นพังประตูบ้างจากการสะบัดหัวโหม่งที่เสาแรก บอลผ่านมือ เช็กไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ตรง
กรอบ จากนั้น มูรินโญ่ จึงแก้ลำ เบนิเตซ ด้วยการส่ง อเล็กซ์ ปราการหลังชาวบราซิลลงมาสกัดกั้นลูกกลางอากาศของ ลิเวอร์พูล แทนที่ของ มาลูด้า
             ก่อนหมดเวลาปกติ 1 นาที บาเบล ได้เลี้ยงตัดเข้าในก่อนจะกระหน่ำเต็มข้อด้วยเท้าขวาส่งบอลกระแทกข้างตาข่ายแบบ
น่าหวาดเสียวสำหรับกองเชียร์ เชลซี จากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบเกมเสมอกันไป 1-1 แบ่งกันคนละ 1 แต้ม ทำให้ ลิเวอร์พูล
ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7 ของตาราง ส่วนสิงห์บลูส์รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0
 อยู่ 2 คะแนน ขณะที่อีกคู่หนึ่ง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตามตีเสมอ อาร์เซนอล ได้สำเร็จ 1-1 จากลูกยิงไกลของ เดวิด ดันน์ นาทีที่
72 ซึ่ง เยนส์ เลห์มันน์ ทำพลาดรับบอลปลิ้นเข้าประตู หลังจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซัดขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 18

[ARMSCOR]

    ต้องชมท่านทักษิณว่าตาถึงมากที่เลือกอีริกสันมาคุมทีม    วันนี้คงเป็นวันที่ท่านทักษิณมีความสุขมาก ทั้งผลประชามติ และผลการแข่งขันฟุตบอล   

[carrera]

ทักกี้ดีใจ ปีนี้แชมป์เป็น Man City ล่ะเอ็งเอ้ย

[เบิ้ม]

 
 
 สรุปอันดับตารางคะแนน ประจำฤดูกาล 2007-2008
 
 
  ผลรวม  เหย้า  เยือน   
 LP TEAM                 P W D L F A  W D L F A  W D L F A  Pts GD
1  แมนฯ ซิตี้            3  3  0  0  4  0   2  0  0  2  0   1  0  0  2  0   9  4 
2  เชลซี                  3  2  1  0  6  4   1  0  0  3  2   1  1  0  3  2   7  2 
3  วีแกน                  3  2  0  1  5  2   2  0  0  4  0   0  0  1  1  2   6  3 
4  เอฟเวอร์ตัน          3  2  0  1  5  3   1  0  0  2  1   1  0  1  3  2   6  2 
5  ปอร์ทสมัธ            3  1  2  0  6  4   1  1  0  4  2   0  1  0  2  2   5  2 
6  นิวคาสเซิ่ล          2  1  1  0  3  1   0  1  0  0  0   1  0  0  3  1   4  2 
7  ลิเวอร์พูล             2  1  1  0  3  2   0  1  0  1  1   1  0  0  2  1   4  1 
8  อาร์เซน่อล           2  1  1  0  3  2   1  0  0  2  1   0  1  0  1  1   4  1 
9  แบล็คเบิร์น          2  1  1  0  3  2   0  1  0  1  1   1  0  0  2  1   4  1 
10  เรดดิ้ง               3  1  1  1  2  2   1  0  1  2  2   0  1  0  0  0   4  0 
11  ซันเดอร์แลนด์    3  1  1  2  3  5   1  0  0  1  0   0  1  1  2  5   4  -2 
12  สเปอร์ส             3  1  0  2  5  4   1  0  1  5  3   0  0  1  0  1   3  1 
13  ฟูแล่ม                3  1  0  2  4  5   1  0  1  3  3   0  0  1  1  2   3  -1 
14  มิดเดิ้ลสโบรช์     3  1  0  2  3  4   0  0  1  1  2   1  0  1  2  2   3  -1 
15  เวสต์แฮม           2  1  0  1  1  2   0  0  1  0  2   1  0  0  1  0   3  -1 
16  แมนฯ ยูไนเต็ด   3  0  2  1  1  2   0  1  0  0  0   0  1  1  1  2   2  -1 
17  แอสตัน วิลล่า    2  0  1  1  1  2   0  0  1  1  2   0  1  0  0  0   1  -1 
18  เบอร์มิ่งแฮม       3  0  1  2  4  6   0  1  1  2  3   0  0  1  2  3   1  -2 
19  ดาร์บี้                3  0  1  2  2  7   0  1  0  2  2   0  0  2  0  5   1  -5 
20  โบลตัน             3  0  0  3  3  8   0  0  1  1  3   0  0  2  2  5   0  -5