หลังจากการกรอก ป 1 แล้วก็รอใบ ป 3 อีก 45 วันพอดี พร้อมกับจ่ายเงินบนโต๊ะไปรวมกัน 9 บาท (2 บาทค่าไปรษณียบัตร แล้วก็อีก 7 บาทค่า ป 3)
อีกสองวันก็ใจร้อนไปซื้อเจ้าลูกกรดยอดนิยม Ruger 10/22 ที่หลังวังก็ได้มาตามที่ต้องการตามราคาตลาดปัจจุบันที่ขยับไปที่เกือบกลางสองหมื่น
ทะเลาะกับแฟนเสียแทบแย่
ไม่ใช่ไม่ให้ซื้อ เพราะว่าแฟนบอกว่าจะซื้อกี่กระบอกก็ตามใจ
แต่เธอขี้เกียจรอตอนรอใบ ป 3 แล้วก็เวลาไปซื้อปืนที่ไม่ได้กินกาแฟอร่อยๆ สงสัยคราวหน้าเวลาไปซื้อปืนคงต้องติดสินบนเท่าราคาปืนให้เธอไปซื้อทองซื้อเพชรแถวบ้านหม้อละมั้งครับ จะไ้ด้ไม่งอแง ผมได้ปืน เธอได้เพชรได้ทอง ดีใจกันทั้งคู่ :
:
ไปถึงหลังวัง แปดโมงครึ่ง
เสร็จจากร้าน เก้าโมงสามสิบห้า
ขับรถไปวังไชยาุถึงตอนเก้าโมงสี่สิบห้า
เสร็จตอนสิบโมงสิบเอ็ดนาที
รวมเวลาซื้อปืนกับตรวจปืนที่วังไชยาก็ หนึ่งชั่วโมงสี่สิบเอ็ดนาทีเท่านั้นเองครับ
กลับบ้านมาเริ่มแกะกล่องออกมาตอนสี่ทุ่ม พร้อมกับเอาอุปกรณ์แต่งที่เตรียมไว้มาวางเรียงกันว่าจะเลือกอะไรดี ระหว่างรางของ RB Precision / Evolution Stock System กับพานท้ายยืดหดได้ 4 ระดับของ M4 หรือ รางและพานท้ายยืดหดได้ของ Rhineland Arms เสร็จเอาก็เกือบตีสาม
สรุปว่า
1. เปลี่ยนรางเป็นของ RB Precision / Evolution Stock System กับพานท้ายยืดหดได้ 4 ระดับของ M4
2. เปลี่ยนเป็นลำกล้องที่เราเรียกว่ากลีบมะเฟือง ยาว 16 นิ้ว ของ Green Mountain, Fluted Stainless Steel Barrel
3. เปลี่ยนใส่อุปกรณ์ Volquartsen performance upgrade kit หลักๆ ก็นกสับ (hammer) และสปริงที่ลดน้ำหนักไก และก็ที่ปลดลูกเลื่อนอัตโนมัติ (automatic bolt release)
4. ปุ่มปลดแมกกาซีนขนาดยาว 1 นิ้วยี่ห้อ Christie's (Extended Magazine Release)
ที่เห็นได้ชัดก็ไกเบาลง ดึงลำเลื่อนเพื่อปลดล็อกได้เลย ปลายปืนหนักขึ้นมากเนื่องจากน้ำหนักลำกล้องที่ถึงแม้จะสั้นกว่า 2 นิ้ว แต่ก็หนากว่ากันมาก
ขั้นต่อไปก็คงหากล้องเล็งไม่แพงสักตัวมาเนื่องจากไม่มีศูนย์เปิดเลยครับ แล้วก็ขาทรายสวยๆ สักอัน
เอาไว้มีโอกาสจะไปลองยิงดูว่ากลุ่มกระสุนเป็นเช่นไร ยังไม่เคยลองปืนแบบเดิมๆไม่ได้แต่ง คงไม่สามารถบอกความแตกต่างได้มาก แต่ด้วยฝีมืออันแสนจะไม่แม่นคงทำให้ท่านที่รอชมผิดหวังไปตามๆกัน
เข้าทำนองที่ว่า อุปกรณ์ดูดีมีชัย แต่ไร้ซึ่งฝีมือ ครับ
: