เรื่องเล่า..วิธีฟังคนที่คิดไม่เหมือนเรา

วิธีการรับฟังจุดยืนของฝ่ายที่เราไม่เห็นด้วย

ดังนั้น ถ้าหากเราต้องการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องถึงกับประนีประนอมแบบหารสอง หรือบดขยี้กันให้แหลกไปข้าง เราต้องหาวิธีการบางอย่างมาจัดการกับตัวเอง เพื่อให้สามารถรับฟังจุดยืนของคนที่คิดไม่เหมือนเราได้

ประการที่ 1.
คือ ตั้งสติ กำหนดรู้ไว้ในใจตลอดเวลาว่า ความต่างไม่ใช่ความผิด คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากเรา ไม่ใช่คนผิด

ประการที่ 2.
แต่ปัญหาสำคัญกว่าความรู้สึกคือสิ่งที่มาพร้อมกับความรู้สึก นั่นคือ “คำตัดสิน” ของเรา คำตัดสินทำให้เราเลือกปฏิบัติบางอย่าง เช่น สรรเสริญ ด่าทอ เหยียดหยาม หรือเฉยๆ ฯลฯ แต่ถ้าเราสามารถเหนี่ยวรั้งคำตัดสินของเรา ให้แสดงผลช้าได้เท่าใด คำตัดสินของเราก็จะเที่ยงตรง รอบคอบ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น และตัวเราเองด้วย

เหนี่ยวรั้งคำตัดสินของตนเองไว้ให้นานที่สุด อย่าไปติดสินใครตามอำเภอใจ หรือตัดสินตามคนอื่นว่า คนนั้นชั่ว คนนั้นดี คนนั้นผิด คนนั้นถูก โดยเด็ดขาด โดยปกติคนที่ทำความผิด เขากำลังทุกข์ทรมานกับการกระทำของเขาเองอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ใครพิพากษาเขาหรอก

จงเหนี่ยวรั้งคำตัดสินไว้กับตัวเองเท่านั้น อย่าขว้างคำตัดสินของตนเองใส่คนอื่น เพราะสิ่งที่เขาจะขว้างตอบกลับมาคือ

ประการที่ 3.
กล้ารับฟังว่าคนอื่นคิดกับเราอย่างไร โดยไม่ต้องไปโกรธ หรือตอบโต้ แล้วเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

สังคมไทยกำลังเข้าสู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ และเหตุการณ์ทางด้านสังคมและการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ว่า สังคมไทยจะสามารถผ่านหลุมดำแห่งความขัดแย้งทางความคิดไปได้หรือไม่ ถ้าได้ เราก็จะก้าวข้ามไปสู่พัฒนาการอีกขึ้น และผมคิดว่า วิธีการฟังกันให้เป็น ฟังอย่างอดทน น่าจะเป็นหนทางที่ดีอีกทางหนึ่งที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ เพราะการฟังให้เป็น ทำให้เราเป็นผู้ชนะร่วมกันได้

ลองใช้วิธีเหล่านี้ดูดีไหมครับ เผื่อจะทำให้สังคมเราก้าวพ้นจากหลุมดำนี้ได้ โดยไม่ต้องฆ่ากันเองโดยไม่มีสาเหตุ

ต้องมีความกล้าครับ คือกล้าที่จะรับฟังว่าคนอื่นคิดกับเราอย่างไร โดยไม่ต้องไปชี้แจง ตอบโต้ให้เสียเวลาว่าเราถูก คนอื่นผิด เพราะรังแต่จะทำให้เขายึดมั่นถือมั่นในทิฐิมานะ และไม่ยอมเปลี่ยนความคิด แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากล้ารับฟังโดยไม่ตอบโต้ คนที่เข้าใจเราผิดๆนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่กล้าคิดกล้ามองเราแบบเดิมๆอีกต่อไป เพราะสิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขาพูด มันกลับคืนไปเป็นของเขาทั้งหมดสิ่งที่เราได้ยิน สิ่งที่เราเห็น หรือสิ่งที่เราสัมผัส สามารถกระตุกความรู้สึกของเราได้หลายแบบ เช่นได้ยินแล้วดีใจ เศร้าโศกเสียใจ หรือ เฉยๆ (เฉยๆก็เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง) อย่างนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติครับ เพราะประสาทสัมผัสเราทำให้เรารู้สึกได้ ความรู้สึกจึงเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ป้องกันไม่ให้รู้สึกก็ไม่ได้

หมั่นฝึกฝนวิธีคิดให้เป็นนิสัยว่า “ความต่าง ก็คือ ความต่าง ความต่างไม่ใช่ความผิด” มีคนเปรียบเทียบความต่างเหมือนสวนดอกไม้หลากสีนั่นแหละครับ นึกเอาเองก็แล้วกัน ถ้าสวนดอกไม้สวนหนึ่งมีดอกไม้สีเดียวกันหมด มันคงทำความตื่นตาให้คุณได้เพียงชั่วคราว พอมันเหี่ยวก็เหี่ยวพร้อมกันหมด ร่วมก็ร่วงพร้อมกันหมด แล้วจะเหลือความงามอะไรให้เราชื่นชม แต่ถ้าสวนดอกไม้มีหลากสีหลายพันธุ์ จะมีดอกไม้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสร้างสีสัน ความงามให้แก่โลก ความหลากหลายทางชีวภาพทำให้ชีวิตอยู่ได้ฉันใด ความหลากหลายทางความคิดก็ทำให้สังคมเกิดการเรียนรู้และเติบโตได้ฉันนั้น

การรับฟังจุดยืนของฝ่ายที่เราไม่เห็นด้วยนั้น ผมยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ปุถุชนอย่างเราทำได้ค่อนข้างยาก แต่ในเมื่อเราทำให้คนอื่นคิดเหมือนเรา มองอะไรเหมือนเราไม่ได้ เราก็ต้องพยายามหาหนทางเรียนรู้จุดยืนของคนอื่น ไม่แน่นะครับ สิ่งที่คนอื่นคิด กับสิ่งที่เราคิด สิ่งที่คนอื่นรู้สึก กับสิ่งที่เรารู้สึก อาจจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ แต่ทิฐิมานะ คติการแยกเขาแยกเราต่างหาก ทำให้มีม่านบางๆมาขวางกั้น ทำให้เรามองไม่เห็นจุดร่วมระหว่างเรากับคนอื่น

	ผู้เขียน	หัวข้อ: เรื่องเล่า..วิธีฟังคนที่คิดไม่เหมือนเรา (อ่าน 2337 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้