เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๕ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า ในอาณาเขต ของย่านสำเพ็งนั้นเริ่มคับแคบ
เพราะผู้คนคับคั่งมากขึ้นด้วย เป็นสถานที่ค้าขายสินค้า ประชาชนเข้า มาอยู่กันแออัด จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนเยาวราช
โดยให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินอาคารบ้านเรือนได้ ีรับความเดือดร้อนน้อยที่สุด ถนนเยาวราชสำเร็จลงด้วยดีทุกประการ
มีความยาว ๑,๕๓๒ เมตร กว้าง ๒๐ เมตร นับเป็นถนนสายสำคัญสายหนึ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
พระพุทธมหามนีรัตนปฏิมากร
หลังจากนั้นพระพุทธรูปมหามณีรัตนปฏิมากรได้รับการเคลื่อนย้ายไปประดิษฐาน ณ เมือง ต่างๆ ดังนี้
เมืองลำปาง เป็นระยะเวลา ๓๒ ปี เมืองเชียงใหม่ ๘๔ ปี เมืองหลวงพระบาง ๑๒ ปี และเมือง เวียงจันทร์ ๒๑๔ ปี
จนกระทั่งถึงแผ่นดินกรุงธนบุรี ในปีพ.ศ. ๒๓๒๑ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้โปรดให้สมเด็จ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
เป็นจอมทัพยกขึ้นไปตีกรุงศรีสัตนาคนหุต ได้เมืองเวียงจันทร์แล้ว จึงอัญ เชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากรกลับมายังสยามประเทศอีกครั้งหนึ่ง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้โปรด ให้ประดิษฐานไว้ ณ โรงพระแก้วในพระราชวังเดิมกรุงธนบุรี
- ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงผ่านพิภพสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแล้ว
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระอารามหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง แล้ว จึงได้โปรดให้อัญเชิญ
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณ วันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ ปีมะโรง
พุทธศักราช ๒๓๒๗
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงสร้างเครื่องทรงคิมหันตฤดูและวสันตฤดู และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเครื่องเหมันตฤดูถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ส่วนพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ก็ได้เสด็จพระราช
ดำเนินทรงเปลี่ยนเครื่องทรงของพระพุทธ มหามณีรัตนปฎิมากรถวายเป็นประจำทุกฤดูกาล
ปัจจุบันพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากรหรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธปฏิมาประธานในการพระราช พิธีทั้งปวงที่กระทำ
ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อาทิ พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พระราช พิธีมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา
รวมทั้งพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอื่นๆ ถือเป็นพระพุทธรูปคู่ บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของประชาชนคนไทย
และพุทธศาสนิกชนทั่วไป