น้าเข้มครับ สรุปกำหนดการวันที่ 27 และ 28 ให้หน่อยครับ จะได้ไปพบยังจุดนัดหมาย (ถ้ำ?) ได้ถูกต้อง
ส่วนวันที่ 28 ทีมอันดามันจะติดตามคณะเข้าไปอ้อร้อในหาดใหญ่สักคืนสองคืนจ้า
ได้ครับลุงปู คร่าวๆน๊ะครับ วันที่ 27 เวลา ประมาณ 11.00 น.คณะจากหาดใหญ่จะเดินทางไปถึง หน้าถ้ำภูผาเพชร เราจะกินมื้อเที่ยง กันที่หน้าถ้ำ (ให้ลูกเขือทุกท่าน เตรียมหาอาหารมื้อเที่ยงไปเอง น๊ะครับ ใครจะถนัดอะไรแบบใหน ถ้าหวังไปซื้อข้างหน้า รู้สึกว่า ท่าจะอดครับ สถานที่ มีที่พักนั่งร่ม กันแดดฝนได้ สบายหายห่วง ไม่ต้องนั่งในป่า ให้ทากเข้าวาน
กินกันเสร็จสรรพ ประมาณเที่ยงๆ เราก็จะเข้าชมถ้ำกัน มีค่าเข้าชม ประมาณคนละ 20 บาท ประเดี๋ยว เหรัญญิกเอก จะจัดการเบ่งให้ครับ โดยท่านไม่ต้องเสียเอง เพราะท่านต้องโอนเงินบางส่วนมาให้ เหรัญญิกเอกก่อน จำนวนเท่าไหร่ เดี๋ยวค่อยบอก เพราะตอนนี้คำนวนอะไรไม่ได้ ยังไม่มีจำนวนรายชื่อสมาชิก ที่แน่ชัดเลยครับ กิจกรรมตรงนี้น๊ะครับ คือการไปชมความงามที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ ขอให้เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ ที่นำท่านเข้าไป แล้วท่านจะสนุก และปลอดภัย ย้ำ ขอให้เตรียมไฟฉาย ของท่านให้พร้อมที่สุดครับ เปลี่ยนถ่านใหม่ๆ สายกันตกมีก็ใส่ให้เรียบร้อย ไม่มีก็หามาใส่ เพราะถ้าตกจากมือบางสถานที่ อาจไม่สามารถตามเก็บกลับมาได้ครับ ย้ำน๊ะครับ ขอให้เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เป็นคนนำทางเราเข้าไป และเขาจะมีคำบรรยายเรื่องราวต่างๆ ให้เราได้รับฟัง และแนะนำให้เราได้ชมภาพสวยๆงาม ที่บางที่เราไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะภายในถ้ำ จะมีแสงส่วางจากดวงไฟ เป็นบางส่วนเท่านั้น และจะเห็นภาพต่างๆ ได้จากแสงไฟฉายอีกที ใครลืมไฟฉาย ก็มีให้เช่า และขอให้มีไฟฉายทุกคน เพราะกระแสไฟฟ้า ที่จ่ายเข้าถ้ำ เจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นไฟปลายสาย มีโอกาศดับได้เสมอ หากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ไม่ต้องตกใจ เจ้าหน้าที่สามารถนำท่านกลับออกมาได้ เส้นทางเดิน สะดวกสะบายครับ เพราะ อบต.ได้จัดสร้างสะพานไม้ใว้เดินได้สะดวก และปลอดภัย และเด็กๆก็สามารถเดินได้ครับ แต่ผู้ปกครอง ต้องดูแลใกล้ชิด บางส่วนบางที่ ก็เป็นโตรก เป็นหน้าผา เป็นเหว อาจเกิดอันครายได้ ต้องมีการเดินขึ้นบรรใด ไปจากพื้นราบ เป็นร้อยขั้นน๊ะครับ แต่ไม่ชันมาก เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว ธรรมชาติก็จะประทานความงดงามอลังการณ์ให้แด่คนที่มีความพยายาม เข้าถ้ำไปแล้ว ฝนตกฟ้ารั่ว ก็ไม่เกี่ยวข้องกันครับ ท่านจะอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับภายนอกเลย กิจกรรมตรงนี้ คือชมถ้ำ และรีวิวไฟฉายครับ จะได้รู้กันว่า ไฟฉาย อันละ 40-50 บาท กับไฟฉาย อันเป็นหลักพัน จะคุ้มค่าอันใหนกว่ากัน อิๆ
ปล.เฉพาะตรงนี้ ใครที่มีพุงมาก กรุณาลดพุงหน่อยน๊ะครับ เผื่อว่า ท่านอุสาห์เดินขึ้นบันใดเป็นร้อยๆขั้น แต่พอไปถึงทางเข้า ท่านไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะติดพุง ผมจะไม่อธิบายตรงนี้ ขอให้ท่านไปพิสูจน์คำพูดผมเอาเอง คริๆ ช่างภาพ ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ อย่าลืมล้าง เมมโมรี่ ให้ว่างเปล่าน๊ะครับ และขาตั้งกล้อง ท่านมีเวลา ที่จะถ่ายได้ครับ เปิดหน้ากล้องกว้างๆ สปีดช้าๆ เราจะใช้เวลาตรงนี้ ประมาณ 2 ชั่วโมง ถึง 2 ครึ่งครับ
เสร็จจากนั้น ขบวนก็จะเดินทางเข้าค่ายลูกเขือ ที่วังแว่น ดำเนินกิจกรรม หุงปรุง กิน เล่น เมา &โม้ เวลาไม่จำกัด เหมือนเดิมครับ ตรงนี้ ก็รีวิว อาหาร เครื่องดื่ม ที่สำคัญสุดคือ การจุดตะเกียงจ้าวพายุ ครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเรา หรืออาจของประเทศไทย หรืออาจจะเป็นของโลกก็ได้ ที่มีจำนวนตะเกียงจ้าวพายุมาจุดพร้อมๆกัน ในจำนวนที่มากๆ จะจำนวนกี่ลูก ก็ต้องไปลุ้นกันในงานและครับ เหมือนที่ผมเคยกล่าวมาแล้ว อิๆ ไม่แน่พวกเราทั้งหลายอาจได้บันทึกอะไรสักอย่าง ก็ได้ แต่แม้นไม่มีอะไร มันก็มีความหมายสำหรับพวกเราเองอยู่แล้วครับ อิๆ แล้วเราก็จะมีพิธีการ ใว้อาลัยให้กับ จ่าหมิ๋น เพื่อนของพวกเราทุกคน ที่ได้จากพวกเราไปแล้ว อย่างไม่มีวันกลับ
ใครจะคุยกับใคร ใครจะดื่มกับใคร ใครจะดื่มอะไร ใครจะกินอะไร ใครจะทำอะไร ก็ตามอัธยาศัยครับ เวลาเป็นของเรา ไม่จำกัดเหมือนเดิม ขอแต่ว่าเมาแล้ว อย่างวนเพื่อน เป็นพอ 55+
เช้ามา เราก็กินมื้อเช้า รีสอร์ทจะเตรียมให้เรา และบางส่วนที่พวกเราเตรียมไป กินกันให้อิ่ม เต็มที่ จากนั้น เราก็จะไปล่องลำธารกันครับ เราต้องใช้แรงพายเรือ ซึ่งเส้นทาง อีกเส้นทางหนึ่ง ไม่ใช่เส้นทางครั้งก่อนครับ ก็เสร็จ ประมาณเที่ยง เราก็จะมากินมื้อเที่ยงที่รีสอร์ทเตรียมใว้ให้ ก็เป็นอันจบกิจกรรม ในครั้งนี้ ก็แยกย้ายกันครับ
ทีนี้ ใครจะต่อกับใคร ใครจะไปกับใคร ใครจะไปที่ใหน อย่างไร ก็ตามอัธยาศัย ละครับ คุณลุง ปู