ให้แม่เค้าตัดสินใจเองครับ เราช่วยสนับสนุนเฉยๆ ธุรกิจโรงเรียนเอกชนบูมสุดๆครับ รายเล็กสมัยก่อน ปัจจุบันร่ำรวยใหญ่โตมาก ธุรกิจการศึกษากำไรดีครับ
หากมีกำลัง จัดไปเลยครับ.....อย่างน้อยๆ ตอนนี้โรงเรียนทั่วไปรู้สึกจะออกเป็นกฎแล้วว่า
นักเรียนไทยต้องเรียนรู้ขั้นต่ำ 3ภาษา เพื่อรองรับกฎบัตรอาเซียน ที่จะเริ่มดำเนินการณ์เริ่มต้นในปี 58
ส่วนเมืองเกาะสวรรค์ ช่องทางจะยิ่งมี หากที่จะเรียนรู้เรื่องภาษาสากล ยังไงก็ได้เปรียบกว่าบุคคลทั่วไปแหละ
ใครเป็นคนออกกฏ
เดี๋ยวนี้คนเห่อเรียนภาษาจีนกันบอกว่าจีนเปิดประเทศเป็นผู้นำโลกทางเศรษฐกิจในเอเชีย และภาษาจีนมีคนพูดมากที่สุดในโลกสมควรเรียนไว้
ก็อาจจะถูกของเขาหากจะ
ทำธุระกิจกะคนจีน แต่ถ้า
เพื่อการศึกษาหรือเรียนต่อในระดับสูงขึ้นไปหรือคิดจะไปเรียนต่างประเทศ.......ผมว่าไม่น่าจะใช่
สงสัยมีผมอยู่คนเดียวที่คิดแหกคอก..........
๑..ถึงภาษาจีนจะมีคนพูดมากที่สุดในโลกก็จริง....แต่คนที่ว่าก็อยู่ในประเทศจีน หาได้แพร่หลายทั่วไปในภูมิภาคของโลกไม่..........ตรงนี้เรียนไปก็ไม่คุ้ม เทียบกับภาษาอังกฤษไม่ได้
๒..ในวงวิชาการด้านตำรา เท็กบุ๊คต่างๆ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่ และวิศวะกรรมศาสตร์ ล้วนแล้วแต่เขียนด้วยภาษาอังกฤษแทบ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์......ไปเรียนภาษาจีน...จะช่วยอะไรได้
หากไปเจอเล่มที่เขียนด้วยภาษาจีน.......นั่นไปแปลเขามาจากเล่มภาษาอังกฤษ เพราะไม่ปรากฏว่า ในโลกนี้มีชื่อนักวิทยาศาสตร์ ชาวจีนได้ คิดค้น ค้นพบ ทฤษฎีทางฟิสิกส์ ที่สำคัญทางวิชาการแค่ไหน
นั่นซิแล้วเรียนภาษาจีน..จะไปขั้นสูงทางวิชาการต่ออย่างไร หรือ ต้องไปเกี่ยวข้องกะคนจีนจริงๆ คนจีนที่เรียนสูงมาขนาดนั้นมักพูดภาษาอังกฤษได้
๓..หากจำเป็นต้องใช้ภาษาจีนจริงๆ.......เรียนทีหลังทันครับ หลักภาษาจีนเหมือนภาษาไทยครับ รูปแบบประโยคเหมือนกัน การเรียง ประธาน กริยา กรรม เหมือนกัน คนไทยเรียนได้แน่ ไวมากด้วย ยกเว้นภาษาเขียน
๔..ไหนลองยกมหาวิทยาลัยของจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาสัก ๒ แห่งซิ...ที่น่าไปเรียนต่อกันน่ะ จบมาแล้วคนรู้จัก อยากรับเข้าทำงานน่ะ ถ้ามีคน๒คน จบจาก เยอรมันคนหนึ่ง จบจากจีนคนหนึ่ง คุณจะรับใคร
ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าหากอยากเรียนภาษาต่างประเทศมี ๒ ภาษาเท่านั้นที่น่าสนใจ คือภาษาอังกฤษ และ ภาษาเยอรมัน (เรียนที่สถาบันเกอเธ่ได้)