เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 08:33:15 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 35544 35545 35546 [35547] 35548 35549 35550 ... 35779
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน  (อ่าน 25946183 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 229 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #533190 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2016, 03:07:20 PM »





ขอบคุณครับ

ผมก็เป็นสมาชิกเรียนรู้การทำปุ๋ยหมักไม่พลิกกองสูตรนี้ครับ


ไว้ว่างๆมาช่วยกันขึ้นกองสักทีครับพี่
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #533191 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2016, 03:08:27 PM »

Grin Grin Grin + Grin
ผมจะเดินหน้าทำปุ๋ยหมักไม่พลิกกองต่อไปครับ เอาให้ถึงที่สุดเลยครับ
ปุ๋ยหมักกับอีเอ็ม ผมไม่สันทัดนะครับ
จะหาความรู้อยู่เหมือนกัน
ล็อตแรกทำเสร็จตากแห้งแล้วน่าจะได้ปุ๋ยหมักราวๆเกือบสี่ตันครับ เก็บใส่กระสอบรอให้ฝนหยุดจะเอาไปใส่ปาล์มครับ
ฟางพร้อม คนพร้อม ขาดขี้งัว ขี้ไก่ ขี้หมูครับ

ได้ผลผลิตมากขนาดนี้..ต้องหาแบรนด์สวย ๆ ใส่กระสอบขายแล้ว..ไม่รวยปลิ้นให้มันรู้ไป

ช่วยกันครับ ท่านR2D2                               




หาอยู่นานว่าจะให้ใครช่วยออกแบบกระสอบให้ครับ


ไว้จะติดต่อกลับไปนะครับ รอให้ทำจนคล่องแล้วขึ้นทะเบียน ขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อนครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #533192 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2016, 03:44:48 PM »

เคยทราบไหมครับ ว่าการทำปุ๋ยหมักนั้นไม่ว่าจะดูแลน้ำหรือไม่ดูแล สัดส่วนผสมจะถูกต้องหรือไม่ ..... สุดท้ายก็จะเป็นปุ๋ยหมักได้อยู่ดีครับ ..... เพียงแต่ต่างกันที่ว่า กระบวนการใช้เวลาสั้นหรือนาน ได้ปุ๋ยหมักแรงหรือไม่แรง ปุ๋ยหมักมีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์หรือเทียบเท่าดินปลูกเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น ใบไม้ในป่าที่จะค่อย ๆ เปื่อยเป็นฮิวมัสภายในเวลา 2 - 5 ปี จากผลงานย่อยสลายของจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวดิน และจากสัตว์หน้าดินขนาดเล็ก เช่น ปลวก ไส้เดือน กิ้งกือ ตามยถากรรม ....... แต่ถึงแม้ฮิวมัสนี้จะมีคุณภาพเทียบไม่ได้เลยกับค่าตามมาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ แต่เกษตรกรทุกคนก็ไฝ่ฝันจะให้ดินเพาะปลูกของตนมีสีดำ ร่วนซุย อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์ เหมือนกับดินดำในป่า ...... ดินดำแบบนี้เอาใส่ถุงขายไม่ได้ ขายก็ผิดกฎหมายเพราะมีค่าต่าง ๆ ไม่ผ่านค่ามาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ครับ ....... แต่ปุ๋ยหมักขายเป็นเงินได้
แต่ถึงจะขายไม่ได้ ใบไม้ที่เปื่อย ๆ แบบนี้เวลาเอาไปใช้ พืชก็ชอบทุกครั้งใช่ไหมครับ ...... เช่นเดียวกันเลยครับ ปุ๋ยหมักทำถูกวิธีหรือผิดวิธี เวลาเอาไปใช้พืชก็ย่อมชอบหมดครับ ..... พืชต้องการอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมัก เอาไปเป็นอาหารจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์ สร้างระบบนิเวศในดิน ....... เมื่อดินมีชีวิต ผลผลิตก็ดีตามมาเองครับ
เพราะฉะนั้น ก็ขอให้สบายใจได้ครับ ว่าการทำปุ๋ยหมักยังไงก็ต้องสำเร็จ ..... ไม่วันใดก็วันหนึ่ง .... แต่ถ้าอยากให้เสร็จเร็ว ๆ กระบวนการไม่มีกลิ่น ปุ๋ยหมักที่แห้งแล้วมีคุณภาพสูง ๆ แรง ๆ ผ่านมาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ .... ก็ต้องทำตามวิธีการที่ผ่านการทดลองและทำจริง ซ้ำแล้วซ้ำอีกนับ 10 ปีของจารย์ลุง ที่มาแนะนำสอนพวกเราครับ ........ อ่านวิธีทำให้ละเอียด อย่าใจร้อน ฝึกทำอะไรให้ประณีตบ้าง .......... นึกทบทวนแล้ว ททท ทำ ทัน ที .... สงสัยก็ถามเข้ามา รับรองว่าเหล่าศิษย์พี่ตอบเร็วทันใจทุกคำถามจ้า ..... อันไหนที่จารย์ลุงตอบไม่ได้ก็ขอบาย ตอบไม่ได้คือไม่ได้ ไม่มีอายจ้า ^^
วิธีการทำปุ๋ยหมักของจารย์ลุงเป็นวิธีของฝั่งวิศวกรรม จึงต่างจากวิธีของฝั่งเกษตรกรรมอย่างสิ้นเชิง แต่สุดท้ายทั้งสองวิธีก็จะได้ปุ๋ยหมักที่มีค่าผ่านมาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์เหมือน ๆ กันครับ ..... จะเลือกทำวิธีไหนก็ขอให้ลงมือทำเท่านั้นครับ พืชรออยู่ ...... แต่ถ้าขี้เกียจพลิกกอง ขี้เกียจวิ่งหาสารต่าง ๆ อยากใช้แต่เศษพืชและมูลสัตว์เท่านั้น และชอบกองปุ๋ยที่ไม่มีกลิ่นเลย แถมสามารถจัดการเปลือกส้ม เปลือกทุเรียนได้ จัดการทะลายปาล์ม ผักตบ เศษข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ จะทำกองปุ๋ยยาวเป็นกี่กิโลก็เสร็จใน 2 เดือนเหมือนกัน ...... ก็ต้องวิธีของจารย์ลุงเลยครับ
ปุ๋ยหมักคือปุ๋ย หาใช่ดินปลูกไม่ ใส่มากพืชสำลักธาตุอาหารตายนะครับ ..... เพราะในปุ๋ยหมักจะอุดมไปด้วยโบรอน โมลิบดินัม เหล็ก ทองแดง สังกะสี แมงกานีส คลอรีน นิกเกิ้ลที่เป็นจุลธาตุ และยังมีแคลเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ที่เป็นธาตุอาหารรอง นอกเหนือจากที่มีธาตุอาหารหลัก N P K ด้วยครับ ..... ธาตุอาหารพวกนี้มาจากการใช้คาร์บอนในเศษพืชเป็นอาหารของจุลินทรีย์ แล้วเหลือทิ้งพวกธาตุอาหารเหล่านี้ไว้ ...... การควบคุมกระบวนการในการทำปุ๋ยหมักจึงเป็นการเร่งกิจกรรมการย่อยสลายในป่า แต่ได้ปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพสูงกว่าครับ ..... ได้ปุ๋ยหมักคุณภาพสูงทุกรุ่น
ลงมือทำให้เยอะ ๆ ให้พอใช้นะครับ อย่ามัวเสียเวลาทดลองทำ .... เพราะจารย์ลุงทดลองทำให้หมดแล้วครับ พวกเรามีหน้าที่ทำเยอะ ๆ ให้พอใช้ ที่เหลือก็แบ่งขายเลย เอาทุนคืน ..... เศษพืช + มูลสัตว์ + น้ำ = เงินครับ
...... พลิกฟื้นผืนดิน ทั่วถิ่นแดนทอง ปุ๋ยหมักไม่พลิกกอง แม่โจ้ (ช่วย) พัฒนา ......
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
R2D2
ท้าเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
Hero Member
*****

คะแนน 366
ออฟไลน์

กระทู้: 6023



« ตอบ #533193 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2016, 04:19:35 PM »

package สวยขนาดนี้..ลุง Guns.คิดค่าออกแบบเท่าไหร่คับ ?
บันทึกการเข้า
R2D2
ท้าเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
Hero Member
*****

คะแนน 366
ออฟไลน์

กระทู้: 6023



« ตอบ #533194 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2016, 06:00:00 PM »

http://manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9590000081689       เรื่องนี้น่าสนใจนิ  
ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสทั้งทางบกและทางทะเลรอบแหลมมลายู ทรงออกจากเมืองสมุทรปราการในวันที่ ๑๖ เมษายนโดยเรือสุริยมณฑลไปขึ้นบกที่ชุมพร จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินบุกป่าฝ่าดงผ่านคอคอดกระ ไปประทับเรือพระที่นั่งอุบลบุรทิศ ซึ่งจอดรอที่จังหวัดระนอง เสด็จเลียบฝั่งอันดามัน ผ่านตะกั่วป่า พังงา ภูเก็ต แล้วอ้อมแหลมมลายูเข้าอ่าวไทย กลับมาถึงกรุงเทพฯในวันที่ ๒๒ มิถุนายน เป็นเวลา ๖๗ วัน
        
        ในระหว่างเสด็จประพาส ได้ทรงบันทึกเรื่องราวที่ได้เสด็จไปในที่ต่างๆ นำมาพิมพ์เผยแพร่ให้พสกนิกรได้อ่านกัน แต่กระนั้นในตอนหนึ่งก็ทรงบันทึกไว้ว่า
        
        “ยังการที่เที่ยวกลางคืนอีกอย่างหนึ่ง น่าเล่าเต็มที มิใช่เรามีความปรารถนาในการผู้หญิงยิงเรืออะไร....ถ้ามีเวลาจึงจะเขียนลองดูอีกที....”
        
        หลังจากนั้นก็ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องเสด็จประพาสรายการพิเศษนี้ขึ้นอีกเล่ม ทรงพรรณาที่ได้เสด็จไปในสำนักนางโลมที่ปีนังและสิงคโปร์อย่างละเอียด ทั้งยังทรงพิสูจน์ให้ประจักษ์แจ้งด้วยพระเนตรที่ว่า “ผู้หญิงจีนนั้นเขาว่ารัดตีนเพื่อให้ล้นขึ้นไปข้างบน” และโปรดฯให้พิมพ์ออกแจกจ่าย ซึ่งหนังสือเล่มนี้ยังมีอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ ในชื่อ “เที่ยวกลางคืน”
        
        ทรงพระสำราญในการเสด็จประพาสต่างแดนที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่ถูกสกัดกั้นด้วยศักดิ์ยศ ซึ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า
        
        “การเที่ยวกลางคืนในเมืองปีนังและสิงคโปร์ เป็นที่ให้เกิดความสนุกสบายแก่เรามาก แต่ตามความจริงมันสบายครึ่งตัววิตกรำคาญครึ่งตัว ความสบายนั้นเกิดแต่การที่ “ไม่เคยรับ” คือไม่ได้เที่ยวเตร่โดยลำลองเช่นนี้ได้มาแต่เล็กคุ้มบัดนี้ การที่ได้ไปตามสบายใจไม่มีเครื่องกดขี่ คือผู้ใหญ่คอยขู่เขี้ยว หรือมีเครื่องสกัดกั้น กล่าวคือกลัวอันตราย เสื่อมศักดิเสียยศ และเป็นความลำบากแก่ผู้อื่นเป็นเครื่องห้ามหวงอยู่ ได้เที่ยวตามลำพังใจไม่ต้องระวังตัวและผู้อื่น นับว่าเป็นความสนุกสบาย ส่วนวิตกรำคาญนั้นไปเห็นบ้านเมืองเขาปกติเรียบร้อย ไม่มีคนเมามายตามถนนหรือคนวิ่งราวฉกลัก จะเดิรไปถนนใดทางใดเหมือนเดิรไปในบ้าน จนได้เห็นหนังสือพิมพ์มีข่าวคนตายกลางถนนและผู้ร้ายปล้นตีฟันกันฟังไม่น่าเชื่อ ครั้นกลับมานึกถึงบ้านเราได้ยินแต่วิ่งราวเมามายกันไม่ได้ขาดหู เป็นเหตุให้มีน้ำใจหดหู่ เอาความที่นึกเหล่านี้เข้าไปปนสนุกเสียกึ่งหนึ่ง จึงเปนอันสนุกครึ่งหนึ่งวิตกรำคาญครึ่งหนึ่ง”
        
        ผู้หญิงหาเงินที่ปีนังและสิงคโปร์ในยุคนั้น มีทั้งผู้หญิงกวางตุ้ง ฝรั่ง และญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ร่วมสำนักกัน แบ่งแยกย่านกันชัดเจน เพราะแขกที่มาเที่ยวรังเกียจที่จะปะปนใช้ร่วมกัน ซึ่งทรงบรรยายเรื่องนี้ไว้ว่า
        
        “โรงคนชั่วที่ใน ๒ เมืองนี้มีเปนคนละส่วนคือพวกจีนกวางตุ้งพวก ๑ ฝรั่งและญี่ปุ่นพวก ๑ เปนคนหาเงินออกหน้า ที่สิงคโปร์แบ่งเปนคนละถนน คือพวกจีนอยู่กำพงยาวา พวกฝรั่งพวกญี่ปุ่นที่ถนนกำพงกะลำ คนละส่วนแห่งเมือง แต่ที่ปีนังอยู่ถนนเดียวกันแต่เปนคนละตอน ยังมีพวกแขกที่หากินลับเปนเทือกคนเถื่อนอีกพวกหนึ่งต่างหาก
        
        คนกวางตุ้งนั้นอยู่ตึกสูงๆ ๒-๓ ชั้นบ้าง คนโรงหนึ่งอยู่ตั้ง ๒๐ คนขึ้นไป การที่ตกแต่งนั้นชั้นล่างมีโต๊ะเครื่องบูชาติดโคมมีกระจกฉายข้างหลังดูสว่างแวววาวมาก ห้องที่อยู่ปันเปนชั้นๆ ชั้นบนเป็นชั้นที่ ๑ ชั้นรองมาเปนชั้นที่ ๒ ชั้นต่ำเปนชั้นที่ ๓ โรงที่เราไปดูนั้นที่ปีนังโรงเดียว เพราะเป็นตึกของเต๊กชุนให้เช่า ทั้งเขาเป็นผู้อุปถัมภ์บำรุงคนพวกนี้อยู่โดยมากจึ่งได้ขึ้นไปดูได้ เพราะคนพวกนี้ไม่รับคนชาติใดนอกจากจีนด้วยกันถ้ารับคนอื่นคือฝรั่งเปนต้นแล้ว พวกจีนพากันรังเกียจไม่มีใครไป...”
        
        ส่วนภายในสำนักตลอดจนวิธีรับแขกนั้น ทรงสังเกตอย่างละเอียด และบรรยายไว้ว่า
        
        “ห้องที่กั้นนั้นใช้ฝาไม้กั้นตามยาวของตึกเพียงครึ่งผนัง เปนห้องสองฟากทางเดิรกลาง ไม่มีหน้าต่างอย่างอุดอู้ตามธรรมเนียมจีน ถ้าขึ้นกระไดแลลงไปในห้อง ประตูก็มีแต่ผ้าแดงเปนม่านห้อยลงมาผืนเดียวเท่านั้น ดูน่ารำคาญเต็มที แต่ดูมันนอนสบายไม่เดือดร้อนอันใด ในห้องเช่นนั้นมียกพื้นขึ้นไปสูงสักศอกหนึ่ง มีมุ้งผ้าขาวเก่าๆหลังหนึ่ง หน้ามุ้งมีเสื่อห้องกับหมอนกำมะลอกับตะเกียงฝิ่น มีเครื่องอะไรรุงรังตั้งหรือกองอยู่ริมฝาบ้าง การที่รู้กันว่าคนอยู่ในนั้น คือปิดม่านแล้วก็เปนอันไม่มีใครเปิดเข้าไป แต่ห้องชั้นที่ ๑ นั้นมีอยู่ ๓ ห้องกั้นฝาไม้ประตูมีม่านเหมือนกัน แปลกแต่ข้างในไม่ได้ยกพื้น มีเตียงที่นอนมุ้งแพร มีที่ล้างหน้า โต๊ะแต่งตัวกับเก้าอี้ ๒ ตัวแต่กี๋คั่นกลาง ตั้งริมฝาเปนเครื่องอย่างจีนทั้งนั้น มีเจ้าพวกเครื่องกินเล่นคือเม็ดแตงและถั่วสัก ๒-๓ จาน ใช้จานตะกั่วเล็กๆ มีตะเกียงอย่างกะทะตะกั่วตั้งดวง ๑
        
        ที่ชั้นบนนี้มีห้องกว้างกั้นฝาเพี้ยมสามด้าน เปนประตูออกไปเฉลียงหลังคาตัดด้านหนึ่ง เฟอนิชเชอรในนั้นมีโต๊ะศาลเจ้าโต๊ะหนึ่งกับเก้าอี้ยาวตั้งริมฝารอบ ที่กลางมีโต๊ะกลมกินเข้า ๒ โต๊ะๆนี้ทำเปนอย่างโต๊ะฝรั่ง แต่ที่กลางยกสูงขึ้นไปหมุนได้รอบๆ เพราะจีนกินกับเข้าทีละชาม เมื่อใครจะกินก็จับหมุนไปตรงหน้าคนนั้น ชั้นล่างเปนแต่ที่วางจานช้อนตะเกียบกับถ้วยเหล้าเท่านั้น ใช้เก้าอี้ไม้ถักหวายของฝรั่ง มีเก้าอี้อย่างเหยียดขาอ่านหนังสืออีกมากเปนที่นั่งพัก
        
        วิธีการรับแขกนั้น คือแรกขึ้นไปเจ้าพวกผู้ชายคนใช้กาหลกันอย่างยิ่ง ชักรอกผ้าระบายที่ใต้สาหร่ายกับม่านขึ้นแขวน ขนเครื่องดีดสีตีเป่าออกมาตั้ง และสั่งให้ไปทำกับเข้าที่เตี๊ยมใกล้กับที่ตึกนั้น มีน้ำชามาเลี้ยงก่อน น้ำชานั้นใช้ถ้วยชงลายสี่รดู สีอย่างเลวมีจุ๊นกลมอย่างที่ไทยๆเราเรียกว่าจุ๊นยี่ปุ่น ทำด้วยตะกั่ว ในนั้นมีใบชาอยู่ในก้นถ้วย แล้วเอาน้ำร้อนเปล่ามาริน เวลาจะกินขยับฝาให้เคลื่อนกันใบชา ซดทางช่องข้างฝาถลำลงไปนั้น ในเวลาแรกนี้มีเด็กผู้หญิงอายุสัก ๑๓-๑๔ ปี ๒ คน ขวั้นผมเข้าไปครึ่งหัวถักเปีย ผมตีนไรไว้ยาวสัก ๒ นิ้วกริบเสมอ นุ่งกางเกงแพรสวมเสื้อแพรติดขลิบใหญ่อย่างผู้หญิง แต่ดูรูปร่างหน้าตามันเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จนตกลงกันเรียกว่าอ้าย เด็ก ๒ คนนี้เป็นคนมาฝึกหัดการปฏิบัติตั้งแต่ดีดสีขับร้องเปนต้นไป ใครจะเล่นลูบหัวลูบคลำก็ได้ เว้นไว้แต่ถ้าจะ“เปิด” ต้องเสียเงินมาก ในคราวแรกมีผู้หญิงออกมารับหน้าอยู่ ๒ คนยังไม่ได้แต่งตัวคือสวมเสื้อและกางเกงผ้าดำ ต่อคนอื่นแต่งตัวมาเปลี่ยนแล้วจึ่งได้กลับไปแต่งตัวใหม่ การที่แต่งตัวนั้นคือสวมกางเกงแพรสีหนึ่ง เสื้อสีหนึ่ง เป็นสีเทาๆ ต่างๆไม่ฉูดฉาด เสื้อใช้แขนโตอย่างมากติดขลิบดำและลูกไม้โตรอบ ผมเกล้าอย่างจีนมีสไตลต่างๆไม่ใคร่เหมือนกัน สวมถุงเท้ารองเท้าอย่างจีน นางคนหนึ่งตีนเล็กเหมือนตีนกวางแท้ๆ แต่ดูมันเดิรคล่องแคล่วไม่กระโผลกกระเผลกเลย เสื้อชั้นในใช้รัดเชือกอย่างเสื้อละคอน มีตุ้มหูทองเปล่าบ้างประดับหยกบ้าง ปิ่นที่ปักผมก็เหมือนกัน การปฏิบัติก็คือผลัดกันร้องและดีดสีต่างๆ และเอากล้องมรกู่มาบรรจุยาให้สูบบ้าง มีมานั่งให้หยอกเปนพื้น”
        
        สถานที่ที่“เต๊กชุน” ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดถวายการต้อนรับครั้งนี้ คล้ายกับเป็นภัตตาคารที่มีผู้หญิงบริการ ซึ่งเสร็จจากรับประทานอาหารแล้ว ก็สามารถ“หิ้ว”ไปได้ ตามราคาที่แล้วแต่จะตกลงกันเป็นรายตัว แต่การบริการนั้นดูจะมีพิธีรีตรองมาก ซึ่งทรงบรรยายว่า
        
        “ครั้นเมื่อจัดโต๊ะพร้อมแล้วไปนั่งที่ตั้งเก้าอี้ล้อมรอบ บรรดาผู้หญิงที่มาก็ปันกันเปนผู้ปฏิบัติตามมากและน้อย บางคนก็มี ๓ คน ๒ คนจนคนเดียว ยกเก้าอี้มาตั้งนั่งข้างหลังล้อมรอบออกไปอีกชั้นหนึ่ง ที่ตรงหน้าคนที่นั่งโต๊ะ มีจานรองตะเกียบช้อนและถ้วยน้ำนมตักเหล้าคนละใบ จานน้ำปลาคนละใบ มีจานเม็ดแตงและถั่วรายไปด้วย เหล้าสำหรับที่จะจับจ่ายใช้รินลงถ้วยแก้วใบตั้งกลาง กับเข้าใช้ชามรูปต่างๆยกมาทีละชาม แต่กินแล้วไม่ได้ยกกลับไป กินจ้ำกันต่อไปอีกเท่าใดก็ได้ แต่จะกินมีพิธีมาก คือต้องสมมตินางคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่หยอดกันว่าดีว่าเพื่อนเป็นพนักงานสำหรับเชิญ แรกลงมือเชิญให้กินเหล้า คือเอาถ้วยน้ำนมกับถ้วยแก้วเหล้าถือเดิรไปรอบๆ ตักเหล้าแล้วบอกเชิญกินเหล้าเอาป้อนให้ที่ปาก ผู้กินเอาเหล้าในถ้วยของตัวให้นางคนนั้นกินทีละคนจนรอบแล้วหยุดนั่งรอกันนิ่งไปทีหนึ่ง คราวนี้ลุกขึ้นใหม่เอาตะเกียบคีบกับเข้าป้อนให้ทีละคนจนรอบ แล้วจึ่งร้องเชิญให้กินต่อไป คนที่กินจึ่งได้ลงมือกินกับเข้าเปลี่ยนไปทีละสิ่งจนหมดมีน้ำชามาให้ในระวางนั้นด้วย เมื่อถึงของหวานนางผู้เชิญลุกขึ้นเอาตะเกียบคีบป้อนทีละคนใหม่จนรอบแล้วป้อนเหล้ารอบอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้บรรดานางคนอื่นที่ล้อมอยู่นั้นลุกขึ้นจับถ้วยเหล้าเที่ยวป้อนทุกๆรอบโต๊ะทั้ง ๓๐-๔๐ คน ถ้าจะกินจริงๆสัก ๔๐ ถ้วยจะเมาเกือบตาย แต่ไม่ต้องกิน พอแจะๆปากก็เปนใช้ได้ เวลานางคนไหนมาป้อน ผู้กินก็ต้องขอให้นางคนนั้นกินด้วยทุกครั้ง อนึ่ง เมื่อกำลังกินนั้นจีนเขาเล่นทายนิ้วกันกับพวกผู้หญิง แต่พวกเราเล่นไม่เป็น เกณฑ์ให้มันเล่นกันเอง ถ้านางที่ปฏิบัติใครแพ้มันมักขอให้ผู้ชายกินเหล้าแทน ถ้ากินให้ก็ดูเป็นการกระจู๋กระจี๋ขึ้น แต่ถ้าอืดเอามันเสียมันก็กินเองได้ ดูมันกินเหล้าจุๆกันทุกคน เสียอยู่หน่อยหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าราคาสิ้นมากน้อยเท่าใดในการมาเล่นเช่นนี้ เพราะเต๊กชุนจัดเป็นการรับรอง ถามก็ไม่บอก การเลี้ยงแล้วเสร็จยังมีการที่ยืดยาวใหญ่อีกต่อไปคือการที่จะเปรียบคู่ ผู้ต้อนรับเขาอยากรู้ว่าเราจะชอบคนใด เราไม่มีความประสงค์จะทำไม ไม่รับก็ไม่ฟัง ใครๆก็ไม่ตกลงกันลงไปได้ เราเห็นจะเปนเรามากีดเขาอยู่จึ่งต้องยอมรับเลือกสำหรับดูเล่นคน ๑ คือนางตีนเล็ก เขาว่ารัดตีนเพื่อจะให้ลั่นขึ้นไปข้างบน เราไม่เชื่อจึ่งใคร่ที่จะเห็นว่าจริงหรือไม่อยู่บ้าง เรารับแล้วคนอื่นจึ่งเลือกกันต่อไป แต่เป็นการกาหลอันยิ่งใหญ่เพราะมันไม่ใคร่ยอมรับคนต่างประเทศ ต้องทาวกันแล้วทาวกันเล่าอยู่เปนเท่าหนึ่งเท่าใด อีตีนกวางยิ่งเล่นตัวยิ่งใหญ่ไปกว่าคนอื่น เขาแอบไปได้ยินว่ากันร้อยห้าสิบเหรียญแล้วยังไม่ตกลง เราเห็นเขาจะฉิบหายเพราะค่าดูเท่านั้น บอกเลิกเสียเลยก็ไม่ยอม กลับมาบอกตกลงเปนได้ ไม่รู้ว่าจะเอาเท่าใด แต่การที่จะอยู่ที่นี่สกปรกเต็มที เราลืมกล่าวถึงไป ที่ห้องเรือนนี้พื้นเต็มที ดูกลางถนนจะสอาดกว่า มันนึกจะถ่มน้ำลายหรือเทน้ำลงที่ไหนถ่มเทลงไปที่นั่น ที่ชลาหลังคาตัดนั้นเหม็นเยี่ยวออกคลุ้งไปทั้งนั้น ไม่มีที่ทางอันใดจะที่ไหนได้ที่นั่น เต๊กชุนจึ่งชวนไปที่บ้านสวน”
        
        บ้านสวนที่เต๊กชุนนำเสด็จไปนี้ถูกจัดไว้เป็นที่รับรองโดยเฉพาะ ซึ่งได้ทรงพิสูจน์ “นางตีนเล็ก” ที่บ้านหลังนี้ด้วย ทรงบรรยายไว้ว่า
        
        “...ครั้นเมื่อถึงใครๆก็พากันรอเราๆเห็นมันไปกีดเขาอยู่จึ่งตกลงยอมไปเข้าห้อง ดูนางตีนเล็กไม่เห็นจริงดังคำกล่าวนั้นเลย แต่เราไม่ได้มีธุระอันใดต่อไป นั่งเล่นอยู่ข้างนอกซึ่งเปนที่ประชุม ต่อเวลาดึกมากจึ่งได้กลับมา”
        
        บทพระราชนิพนธ์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การเสด็จประพาสแหลมมลายูครั้งนั้น ทรงศึกษาและทอดพระเนตรทุกด้านอย่างละเอียด โดยเฉพาะปีนังและสิงคโปร์ซึ่งอยู่ในความปกครองของอังกฤษ ใช้รูปแบบการปกครองและพัฒนาแบบตะวันตก และทรงนำแบบอย่างมาปรับปรุงพัฒนาเมืองไทยได้หลายอย่าง แม้แต่กิจการด้าน “นางโลม” ก็ยังทอดพระเนตรอย่างละเอียด นำมาเล่าให้พสกนิกรเป็นความรู้
 
บันทึกการเข้า
GUNRUNNER
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13331



« ตอบ #533195 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2016, 08:53:03 PM »

Grin Grin Grin + Grin
ผมจะเดินหน้าทำปุ๋ยหมักไม่พลิกกองต่อไปครับ เอาให้ถึงที่สุดเลยครับ
ปุ๋ยหมักกับอีเอ็ม ผมไม่สันทัดนะครับ
จะหาความรู้อยู่เหมือนกัน
ล็อตแรกทำเสร็จตากแห้งแล้วน่าจะได้ปุ๋ยหมักราวๆเกือบสี่ตันครับ เก็บใส่กระสอบรอให้ฝนหยุดจะเอาไปใส่ปาล์มครับ
ฟางพร้อม คนพร้อม ขาดขี้งัว ขี้ไก่ ขี้หมูครับ

ได้ผลผลิตมากขนาดนี้..ต้องหาแบรนด์สวย ๆ ใส่กระสอบขายแล้ว..ไม่รวยปลิ้นให้มันรู้ไป

ช่วยกันครับ ท่านR2D2


หาอยู่นานว่าจะให้ใครช่วยออกแบบกระสอบให้ครับ

ไว้จะติดต่อกลับไปนะครับ รอให้ทำจนคล่องแล้วขึ้นทะเบียน ขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อนครับ



package สวยขนาดนี้..ลุง Guns.คิดค่าออกแบบเท่าไหร่คับ ?


บันทึกการเข้า

ปืน...ดีทุกกระบอก...ขอให้คนยิงยิงให้ดีก็แล้วกัน...
          ...พวกอินเดียนแดงเค้าบอกไว้นานแล้วครับ...
R2D2
ท้าเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
Hero Member
*****

คะแนน 366
ออฟไลน์

กระทู้: 6023



« ตอบ #533196 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2016, 05:53:43 PM »

วันนี้มีหน่วยรับบริจาคโลหิตจรมาที่อำเภอ..ผมก็ไปต่อคิวกรอกประวัติกับเขา จนท.ที่สัมภาษณ์ถามว่าตอนนี้กินยาอะไรอยู่
ผมบอกว่ายา..xxxx..(โรค fatty Liver) และฮอร์โมนเพศ (โรคปัสสาวะบ่อย)..มันไล่กลับเลย..(โฮ..โฮ..) 
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #533197 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2016, 10:13:03 PM »

กระจายข่าวไปทั้งตำบลแล้วครับ รับซื้อขี้งัวแห้งไม่อั้นครับ

ทำให้ดังสักทีคราวนี้ ฮ่าๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #533198 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2016, 11:22:55 PM »

 Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
golek
Hero Member
*****

คะแนน 1076
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4257



« ตอบ #533199 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 11:23:11 AM »


    ไหว้ ไหว้ ไหว้ ..................  Grin Grin GrinGrin


บันทึกการเข้า

อยู่ด้ามขวานไทย ภูมิใจรักษ์บ้านเกิด
ไม่รวยเบี้ยพอให้ยืมได้  แต่น้ำใจพร้อมแบ่งปัน ครับ
Biggaju
Hero Member
*****

คะแนน 693
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3646



« ตอบ #533200 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 04:18:17 PM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้หลงทางมาสวัสดีสมาชิกทุกๆท่านครับผม   ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

ธงชาติไทยไกวพัดสะบัดพริ้ว   แลริ้วริ้วสลับงามเป็นสามสี   ผ้าผืนน้อยบางเบาเพียงเท่านี้   แต่เป็นที่รวมชีวิตและจิตใจ

ไทยรุ่นเยาว์ยืนเรียบระเบียบแถว   ดวงตาแน่วนิ่งตรงธงไสว ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย  ฟังคราใดเลือดซ่านแล่นพล่านทรวง
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #533201 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 06:30:02 PM »

ไหว้ ไหว้ ไหว้หลงทางมาสวัสดีสมาชิกทุกๆท่านครับผม   ไหว้ ไหว้ ไหว้

ขึ้นมาบนเรินก่อนต่ะ นานๆมา หมาจำไม่ได้อีขบเอา
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #533202 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 09:16:02 PM »

มีข้อสงสัยครับ ทำไมใบยางร่วงครับช่วงนี้ เต็มหมดสวนแถวข้างบ้านครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #533203 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 09:33:44 PM »

มีข้อสงสัยครับ ทำไมใบยางร่วงครับช่วงนี้ เต็มหมดสวนแถวข้างบ้านครับ

ลักษณะใบที่ร่วง มีอะไรผิดปกติไปจากการร่วงตอนหน้าแล้งบ้าง

มันแตกต่างกันอยู่แล้วแหละ แต่แตกต่างแบบไหนนั่นคือประเด็น

ร่วงใบแดง ๆ เหลือง ๆ นั่นสาเหตุหนึ่ง

ร่วงใบเขียว ๆ อีกสาเหตุ

ร่วงทั้งใบทั้งก้านก็อีกอย่าง

ใบร่วงพร้อมมีดอกออกลูกผิดฤดูกาลก็อีกอาการ

ใบร่วงแถมด้วยต้นปะทุมียางย้อยก็อีกอย่าง

ใบเขียวร่วง ดูที่ใบ ก้านใบเน่าแห้งแต่ใบยังสดก็อาการนึง

แห้งเฉพาะเส้นก้าน เนื้อใบสดก็อีกเรื่อง
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #533204 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 09:53:09 PM »

มีข้อสงสัยครับ ทำไมใบยางร่วงครับช่วงนี้ เต็มหมดสวนแถวข้างบ้านครับ

ลักษณะใบที่ร่วง มีอะไรผิดปกติไปจากการร่วงตอนหน้าแล้งบ้าง

มันแตกต่างกันอยู่แล้วแหละ แต่แตกต่างแบบไหนนั่นคือประเด็น

ร่วงใบแดง ๆ เหลือง ๆ นั่นสาเหตุหนึ่ง

ร่วงใบเขียว ๆ อีกสาเหตุ

ร่วงทั้งใบทั้งก้านก็อีกอย่าง

ใบร่วงพร้อมมีดอกออกลูกผิดฤดูกาลก็อีกอาการ

ใบร่วงแถมด้วยต้นปะทุมียางย้อยก็อีกอย่าง

ใบเขียวร่วง ดูที่ใบ ก้านใบเน่าแห้งแต่ใบยังสดก็อาการนึง

แห้งเฉพาะเส้นก้าน เนื้อใบสดก็อีกเรื่อง



ร่วงทั้งใบร่วงทั้งก้านครับ  ว่าอี้จ้างเด็กกวาดตามข้างหนนมาไว้ทำปุ๋ยหมักแล้วนิครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
หน้า: 1 ... 35544 35545 35546 [35547] 35548 35549 35550 ... 35779
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.087 วินาที กับ 21 คำสั่ง