เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« ตอบ #160075 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2009, 06:37:03 PM » |
|
ภาษาไทยถิ่นใต้แยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
[แก้] ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันออก ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันออก ได้แก่ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดกันมากทางฝั่งตะวันออกของปักษ์ใต้ บริเวณจังหวัด นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี (อำเภอโคกโพธิ์, อำเภอแม่ลาน, อำเภอหนองจิก และ อำเภอเมือง) ตรัง สตูล (และในรัฐปะลิส-หมู่บ้านควนขนุน บ้านตาน้ำ ,ในรัฐเคดาห์-บ้านทางควาย บ้านบาลิ่ง ) ภาษาไทยถิ่นใต้ที่ใช้ในกลุ่มนี้ จะมีลักษณะของภาษาที่คล้ายคลึงกัน (ตรัง และสตูล แม้จะตั้งอยู่ฝั่งทะเลตะวันตก แต่สำเนียงภาษา ถือเป็นกลุ่มเดียวกับพัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช คือ ออกเสียงตัวสะกด ก.ไก่ ได้ชัดเจน)
[แก้] ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันตก ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันตก ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี และชุมพร ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดเหล่านี้ จะมีลักษณะเด่นที่คล้ายคลึงกัน เช่นออกเสียงคำว่า แตก เป็น แตะ ดอกไม้ เป็น เดาะไม้ สามแยก เป็น สามแยะ ฯลฯ (สำเนียงนครศรีธรรมราช กลุ่มฉวาง พิปูน ทุ่งใหญ่ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาหลวง ก็อยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนจังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม้จะตั้งอยู่ฝั่งทะเลตะวันออก แต่สำเนียงภาษาถือเป็นกลุ่มเดียวกับจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต คือ ออกเสียงตัวสะกด ก.ไก่ ไม่ได้)
[แก้] ภาษาถิ่นใต้สำเนียงสงขลา ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงสงขลา ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดสงขลา บางส่วนของจังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
[แก้] ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงเจ๊ะเห ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงเจ๊ะเห ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี(เฉพาะ อำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ และอำเภอสายบุรี) รวมทั้งในเขตรัฐกลันตันของมาเลเซีย ในหมู่บ้านที่พูดภาษาไทย จะใช้ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงเจ๊ะเห นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกหนึ่งภาษาคือภาษาถิ่นพิเทน ซึ่งพูดกันในตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง และตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานีเท่านั้น
ในเขตจังหวัดนราธิวาส เนื่องมีคนในจังหวัดอื่นๆ มาอาศัยหรือทำงานในจังหวัดนราธิวาส จึงนำภาษาไทยถิ่นใต้ของแต่ละจังหวัดมาพูดกันในจังหวัดนราธิวาส ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยถิ่นใต้จากจังหวัดพัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช คนนราธิวาส จึงมีภาษาไทย 2 สำเนียง คือ ภาษาไทยถิ่นใต้ สำเนียง เจ๊ะเห และสำเนียงภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันออก ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียง เจะเห มักพูดกันในกลุ่มเครือญาติ หรือตามชนบทของนราธิวาส แต่ในเมืองมักจะพูดสำเนียงภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันออก
[แก้] ตัวอย่างคำศัพท์ [แก้] พืช ผัก ผลไม้ มะม่วงหิมพานต์ = กาหยู (เทียบอังกฤษ cashew) , กาหยี (ใช้มากในแถบ ภูเก็ต พังงา คำนี้เข้าใจว่าคนใต้ฝั่งตะวันตกจะรับมาจากฝรั่งโดยตรง ) , ยาร่วง, ย่าโห้ย, ย่าหวัน, หัวครก (ใช้มากแถบพัทลุง สงขลา) , ม่วงเล็ดล่อ, ท้ายล่อ ชมพู่ = ชมโพ่แก้ว, น้ำดอกไม้, ชมโพ่น้ำดอกไม้ ฝรั่ง = ชมโพ่ ยาหมู่ หย้ามู้ (คำนี้มาจาก jambu ในภาษามลายู ) ฟักทอง = น้ำเต้า ฟัก = ขี้พร้า ขมิ้น = ขี้หมิ้น ตะไคร้ = ไคร พริก = ดีปลี โลกแผ็ด ลูกเผ็ด ข้าวโพด = คง (คำนี้มาจาก jagong ในภาษามลายู ) มะละกอ = ลอกอ สับปะรด = หย่านัด (คำนี้ ใช้ทั่วไปทั้งภาคใต้ บางครั้งจะออกเสียงเป็นหย่าน-หัด; คำนี้เข้าใจว่าคนใต้รับมาจากฝรั่งโดยตรง โดยฝรั่ง รับมาจากภาษาอินเดียนแดงแถบบราซิล ซึ่งเรียกพันธุ์ไม้ชนิดนี้ว่า อนานัส เมื่อถ่ายทอดเสียงมาถึงปักษ์ใต้ จึงกลายเป็น หย่านัด) มะ-หลิ (คำนี้ใช้มากในเขตจังหวัดพัทลุง อำเภอรัตภูมิ อำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนด ของจังหวัดสงขลา) ดอกมะลิ = ดอกมะเละ (เสียง อิ แปลงเป็นเสียง เอะ) แตงโม = แตงจีน ตำลึง = ผักหมึง รสสุคนธ์ = เถากะปด (ประจวบคีรีขันธ์), ย่านปด, ปดคาย หม้อข้าวหม้อแกงลิง = หม้อลิง ละมุด = ซ่าว้า (คำนี้ใช้เฉพาะในเขตสงขลา สตูล พัทลุง มาจาก sawa ในภาษามลายู) หม่าซี้กู๊ (ใช้เฉพาะเขต พังงา ตะกั่วป่า) ผลไม้ที่มีคำว่า "มะ" นำหน้า (บางคำ) จะเปลี่ยนเป็น "ลูก" เช่น มะม่วง-ลูกม่วง, มะนาว-ลูกนาว, มะขาม-ลูกขาม, มะเขือ-ลูกเขือ เป็นต้น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวมักมีคำว่า "ส้ม" นำหน้า เช่น มะขาม-ส้มขาม, มะนาว-ส้มนาว เป็นต้น [แก้] ทั่วไป เป็นไงบ้าง/อย่างไรบ้าง = พรือมัง, พันพรือม, พันพรือมัง (สงขลา จะออกเสียงว่า ผรื่อ เช่น ว่าผรื่อ = ว่าอย่างไร) ตอนนี้ ปัจจุบัน = หวางนี่ (คำนี้ใช้ ในภาษาถิ่นใต้ทั่วไป) , แหละนี่ (คำนี้จะใช้เฉพาะในเขตอำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย ของจังหวัดสงขลา และอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี) โง่ = โม่, โบ่ วัว = ฮัว (มาจากคำว่า งัว ในภาษาเก่า เนื่องจากในสำเนียงใต้จะไม่มีเสียง ง. งู แต่จะใช้เสียง ฮ. นกฮูก แทน) เจ้าชู้ = อ้อร้อ (จะใช้เฉพาะ กับผู้หญิง เช่น สาวคนนี้ อ้อร้อ จัง คำ ๆ นี้มีความหมายในแง่ลบ ใกล้เคียงกับคำว่า แรด ในภาษากรุงเทพ) ทุกข์ ลำบาก = เสดสา มาจากภาษามลายู siksa (เช่น ปีนี้เสดสาจัง = ปีนี้ลำบากมาก) กลับบ้าน = หลบบ้าน, หลบเริน เยอะๆ หลายๆ = ลุย, จังหู, จังเสีย, กองเอ, คาเอ, จังแจ็ก, จังเสีย, จ้าน, กองลุย ไปไหน มาไหนคนเดียว = มาแต่สวน แฟน = แควน (ฟ จะเปลี่ยนเป็น คว เกือบทุกคำ) ,โม่เด็ก ตะหลิว = เจียนฉี่ คำนี้แถบจังหวัดพัทลุงจะออกเสียงเป็น ฉ่อนฉี (ช้อนฉี)), แถบอำเภอฉวาง อำเภอพิปูน จะใช้คำว่า หวักผัด ชะมด = มูสัง มาจากภาษามลายู musang อร่อย = หรอย อร่อยมาก = หรอยจังหู, หรอยพึด, หรอยอีตาย ไม่ทราบ = ม่ารู่ม้าย (คำนี้ใช้ในเขต นครศรีธรรมราช และใกล้เคียง) ไม่โร่ (สำเนียงสงขลา เสียง อู จะแปลงเป็น เสียง โอ เช่น รู้ คนสงขลาจะพูดเป็น โร่, คู่ คนสงขลาจะพูดเป็น โค่, ต้นประดู่ = ต้นโด ฯลฯ ) ขี้เหร่, ไม่สวยไม่งาม = โมระ หรือ โบระ (ออกเสียงควบกล้ำ มากจาก buruk เทียบมลายูปัตตานี ฆอระ) กังวล, เป็นห่วง = หวังเหวิด (คำนี้มักใช้ในภาษาไทยถิ่นใต้ตอนบน แต่โดยทั่วไปก็เข้าใจในความหมาย) มิมัง (ภาษาไทยถิ่นใต้ ในเขต จะนะ เทพา สะบ้าย้อย) ศาลา = หลา ภาชนะสำหรับตักน้ำในบ่อ = ถุ้ง, หมาตักน้ำ บางถิ่นเรียก ตีหมา หรือ ตีมา มาจาก timba ในภาษามลายู รีบเร่ง ลนลาน = ลกลัก หรือ ลกลก อาการบ้าจี้ = ลาต้า ขว้างออกไป = ลิว, ซัด ซอมซ่อ = ม่อร็อง, ร้าย หรือร้ายๆ , หม็องแหม็ง โลภมาก = ตาล่อ, หาจก, ตาอยาก โกรธ = หวิบ, หวี่ โกรธมาก = หวิบอย่างแรง , หวิบหูจี้ บ๊อง = เบร่อ, เหมฺร่อ ,เร่อ ทำไม = ไซ (หรืออาจออกเสียงว่า ใส) อย่างไร = พันพรือ, พรือ โกหก = ขี้หก, ขี้เท็จ กระท่อม = หนำ, ขนำ, ก๋องซี (บ้านพักชั่วคราวซึ่งปลูกขึ้นอย่างง่ายๆ)มาจาก 公司 ในภาษาจีน อีกแล้ว = หล่าว กะละมัง = โคม, พุ้น เลอะเทอะ = หลูหละ, ซอกปร็อก (มาจากคำว่า สกปรก แต่ออกเสียงสั้นๆ ห้วนๆ กลายเป็น สก-ปรก) หกนองพื้น = เพรื่อ ประจำ = อาโหญฺะ, โหญฺะ (เสียงนาสิก) ทิ้ง = ทุ่ม อาการขว้างสิ่งของลงบนพื้น = ฟัด (อาจออกเสียงว่า ขวัด) กัด = ขบ, ค็อบ, คล็อด กลิ่นที่รุนแรง = ฉ็อง (ตัวอย่าง "เหม็นฉ็องเยี่ยว" = เหม็นกลิ่นฉี่) ดื้อรั้น = ช็องด็อง กินไม่หมด = แหญะ (ข้าวที่เหลือจากการกิน เรียกว่า ข้าวแหญะ) เอาเงินไปแลก = แตกเบี้ย (แลกเงินเป็นแบงค์ย่อยสัก 100 บาท เรียกว่า แตกเบี้ยซักร้อยบาท) สะใจดี = ได้แรงอก เขียง = ดานเฉียง นิ่งเสีย, นิ่งเดี๋ยวนี้ = แหน่งกึ๊บ (คำนี้ใช้ขู่เด็กขี้แยให้หยุดร้องไห้) ผงชูรส = แป้งหวาน บริเวณที่ลุ่ม มีน้ำแฉะ = โพระ หรือ พรุ (มาจาก baroh ในภาษามลายู) กาแฟ = กาแคว, โกปี้ (มาจาก kopi ในภาษามลายู) การแสดงความเคารพของทหาร ตำรวจ = ตะเบะ (มาจาก tabik ในภาษามลายู) ก็เพราะว่า = เบ่อ และใช้แทนคำลงท้าย หรือเป็นคำจบประโยค (เป็นคำที่ใช้กันในอำเภอหาดใหญ่ และใกล้เคียง เป็นคำติดปากที่ใช้เกือบทุดประโยคที่พูด) คาดว่า, น่าจะ, คงเป็นเช่นนั้น = ส่าหวา, สาว่า เศษเหรียญ = ลูกกัก, ลูกเหรียญ, ลูกตาง จะ = อี (เช่น จะใช้แล้วเร็วๆหน่อย เป็น อีใช้แล้วแขบๆอิ้ด), ติ (เช่น ติไปใส = จะไปไหน) รีบ = แขบ ทำไม = ไซ กระทุ้ง = แท่ง แอบ = หยบ กลับบ้าน = หลบเริน รู้ความ = รู้สา รู้สึก(รังเกียจ) = สา กะปิ = เคย น้ำพริก = น้ำชุบ เอาอีกแล้ว = เอาแหล่วหลาว ตะปู = เหล็กโคน [แก้] สำนวน ลอกอชายไฟ = ใช้พูดเพื่อตัดพ้อผู้ที่มองไม่เห็นคุณค่าของตน แต่พอผิดหวังกับคนที่หวังเอาไว้ จึงค่อยหันกลับมาเห็นความสำคัญทีหลัง ช้างแล่นอย่ายุงหาง = อย่าขัดขวางผู้มีอำนาจ ("แล่น" หมายถึง วิ่ง, "ยุง" หมายถึง พยุง จับหรือดึง) คุ้ยขอนหาแข็บ = มีความหมายเดียวกับ "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ" ในภาษาไทยกลาง ซึ่งตามพจนานุกรม หมายถึง คุ้ยเขี่ยหาความที่สงบแล้วให้กลับเป็นเรื่องขึ้นมาอีก อยู่ไม่รู้หวัน = ใช้ว่าคนที่เฉิ่ม ๆ หรือไม่ค่อยรู้เรื่อวรู้ราว มาจากอยู่ไม่รู้วันไม่รู้คืน ( ส่วนใหญ่จะพูดย่อ ๆ ว่า อยู่ไม่หวัน ) เหลี่ยมลอกอลิด = ใช้กับคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวกคล้ายๆกับมะละกอ ("ลอกอ" หมายถึงมะละกอ) ที่ถูกปอกเปลือก ("ลิด" หมายถึงปอกเปลือก) ซึ่งเมื่อปอกไปมากๆ จะเกิดเหลี่ยมมุมมากขึ้นเรื่อยๆจนนับไม่ถ้วน ควัดด็องเปล่า = การกระทำอะไรซึ่งทำแล้วไม่เกิดผลอะไรต่อตนเองเลยแม้แต่น้อยเป็นการเสียแรงเปล่าๆ (เหมือนการฝัดข้าวด้วยกระด้งที่ไม่มีข้าวอยู่เลย "ด็อง" คือกระด้ง) ทั้งกินทั้งขอ ทั้งคดห่อหลบเริน = การตักตวงผลประโยชน์เข้าตัว ("คดห่อ"หมายถึงการนำข้าวใส่ภาชนะแล้วพาไปไหนมาไหน)เปรียบกับเมื่อบ้านไหนมีงานแล้วจะมีคนที่ทั้งกินส่วนที่เขาให้กิน แล้วยังไปขอเพิ่มและห่อกลับบ้านไปอีก
|