ขอบคุณน้องรอง สำหรับการเลี้ยงส่ง เอาวันตามสะดวกของทุกคนเลยครับ ส่วนการเดินทางคงต้นเดือน พ.ค. จากนี้คงไม่ได้เมาโม้กัน
เหมือนแต่่ก่อน แต่ถ้าใครเข้ากรุงเทพ ค่อย ว.13 หานะครับใช้เบอร์เดิมครับ ส่วนจะได้เอามาท่องราตรีเมืองกรุงด้วยไหมก็แล้วแต่จังหวะ
นะครับ ถ้าไม่มีภาระกิจก็ยาวได้ตลอดครับ ... ทำให้นึกถึง พ.ค. ปีที่แล้ว พี่ใหญ่อย่างเฮียอ๋าก็มาจากไปอย่างมิมีวันกลับ แต่แกก็ยังอยู่ใน
หัวใจน้องๆอย่างเราๆเสมอ มาถึง พ.ค. นี้ พี่ใหญ่(อุปโหลก)คนนี้ ก็ต้องมาจำพราก ลาจากจร แต่ก็ห่างกันเพียงสถานที่และระยะทาง ลม
หายใจยังอยู่ พร้อมหายใจรดต้นคอน้องๆ เสมอที่เจอกัน ต่างถิ่นฐาน แต่ความสัมพันธ์นั้นมิได้แตกต่างเลยแม้แต่น้อย จากไปแล้วดังลม
รำเพย โอ้อกเอ๋ยไม่หวนกลับหลัง ดั่งราตรีที่ลืมรุ่งราง ดุจดาวที่หลงฟ้ากว้าง ดั่งทางที่ร้างสัญจร จากก็เจ็บอยู่ก็จำเจจึง ไปเพื่อไถ่ถามถึง
ห่วงหากันอีกสักหน ... โชคดี
ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด
ร้อนที่แผดก็ผ่อน เพลาพระเวหา
พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
เพียง กระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว
ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
เพียงแววตาคู่ นั้นสั่นสะทก
ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ
โซ่ประตูตรึงผูก ถูกกระชาก
เสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่
สว่างแวบแปลบพร่ามาไรไร
ก็ รู้ได้ว่าทางยังพอมี
มือที่กำหมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อ
ก็ร้อน เลือดเดือดเนื้อถนัดถนี่
กระหืดหอบฮวบล้มแต่ละที
ก็ยังดีที่ได้สู้ ได้รู้รส
นิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็น
เรี่ยวแรงที่แฝง เร้นก็ปรากฏ
ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด
เกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับ
สี่สิบปีเปล่าโล่งตลอดย่าน
สี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับ
ดิน เป็นทรายไม้เป็นหินจนหักพับ
ดับและหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจ
นก อยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้า
ปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่
ไส้เดือนไม่ เห็นดินว่าฉันใด
หนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจม
ฉันนั้นความเปื่อย เน่าเป็นของแน่
ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสม
แต่วันหนึ่งความเน่า ในเปือกตม
ก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัว
และแล้วความเคลื่อนไหวก็ ปรากฏ
เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว
มันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัว
แต่ ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน
พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า
ก็รู้ ว่าวันพระมาอีกหน
พอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑล
ก็รู้ว่าประชาชนจะชิง ชัย
กลอน อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เรื่อง เพียงความเคลื่อนไหว