ถ้าเปรียบเทียบเรื่องความทนทาน LCD จะทนกว่า PLASMA จอPLASMA มีปัญหาเรื่องความร้อน
-----------------------------------------------------------------
สำหรับข้อมูลอื่นๆในการเปรียบเทียบ
โดยหลักการแล้ว ขนาดของจอLCD มีกว้างขวางหลายขนาด ทำให้ตลาดดูใหญ่กว่าพลาสม่าทีวีมากทีเดียว อันนี้นับรวมทั้งจอภาพมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ไปจนถึงจอภาพโฮมเธียเตอร์ แต่พลาสม่าทีวีเร็นจ์แคบ จับกลุ่มอยู่แต่เฉพาะตลาดดิสเพลย์และโฮมเธียเตอร์ ที่ต้องการขนาดจอมากกว่า42นิ้วขึ้นไปถึง60นิ้ว ไม่มีการลงมาผลิตในตลาด10-30นิ้วแต่อย่างใด
เรื่องของการแสดงสีในทางเทคนิคแล้วแอลซีดีทีวี จะให้สีเต็มอิ่มฉ่ำกว่าพลาสม่า แต่การให้รายละเอียดเฉดสียังเป็นรองพลาสม่าอยู่ สีดำนั้นหากเราวัดกันด้วยมาตรฐานเดิมของจอแบบ CRT ซึ่งเป็นราชาแห่งการแสดงผลสีดำ ให้ความดำมืดสนิทมากที่สุด ไม่ใช่ดำแบบสว่างเรือง หรือแบบดำเทา เปรียบแล้วสีดำของLCD PLASMA จะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
มุมมองในการดูทั้งLCD และPLASMA ผมว่าก็กว้างมากพอกันนะถ้านับเอาจอยุคสมัยปัจจุบัน
เฉดสีดำของLCD เหมาะกับการฉายในที่สว่าง เพราะอาจจะเรืองแสงออกน้ำเงินม่วงผสมผสานออกมาได้หากอยู่ที่มืดสนิท ส่วนพลาสม่าให้สีดำได้ดีในที่สลัว ที่มืด แต่ก็จะต้องหาทางลดเรื่องการสะท้อนของกระจกหน้าจอควบคู่กันไปด้วย
จุดอ่อนที่สุดของพลาสม่าทีวีคือการ Burn-in หมายถึงการแสดงผลภาพนิ่งเป็นเวลานานเกินไป ก็อาจทำให้บาง pixel เสียไปได้ วิธีป้องกันใช้ การปรับ contrast ให้น้อยลงไป ( คือปกติพลาสม่ามีคอนทราสต์สูงมากอยู่แล้ว)อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการเล่นภาพ นิ่งซ้ำเดิม เป็นเวลายาวนาน พลาสม่าทีวีรุ่นใหม่มิวิธีแก้ไข ด้วยการใช้สมองกลควบ คุมจอให้มีการขยับจุดที่นิ่งนานๆ ให้เลื่อนขึ้นลงไปมาได้เล็กน้อยโดยที่ตาคนเราจับสังเกตได้ยาก ถือเป็นการป้องกัน burn-in ที่ดี
และภาพจากพลาสม่าทีวีจะให้ฟีลลิ่งการชมคล้ายCRTมากกว่า อายุการใช้งานแต่เดิมนั้นสั้นกว่าLCD TV ปัจจุบันมีการพัฒนาใกล้เคียงกันแล้วคือ5-60,000ชั่วโมง
สำหรับจอแบบLCDTV ส่วนใหญ่อัตราไบร๊ท์เนส ทำได้สว่างมากกว่าจอแบบ Plasma และจะให้ภาพที่ดีคมชัดกว่า Plasma ในห้องที่มีแสงสว่างเป็นพิเศษ คือต้องให้ได้ความสว่างมากกว่าที่จะเป็นแสงสลัว จอLCD TVการปราศจากปัญหา burn-in อีกทั้งจอจะมีอายุการใช้งานมีอายุการใช้งาน ถึง 60,000 ชม.คงจะต้องยอมรับว่าคุณสมบัติบางด้านของ LCD ทำให้กลายเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามของ Plasma แต่ก็ไม่ได้หมายความLCD เหนือกว่าPLASMAทุกด้าน ต้องว่ากันเป็นเรื่องๆไป
PLASMA TV บทสรุป ที่อาจจะทำให้เราต้องไปขบคิดกันก็คือ จอพลาสม่าทีวีไม่มีการเรืองแสงแบบBack light มุมมองที่เรียบแฟล็ตเท่ากัน สีสันความสว่างไม่เปลี่ยนแปลงที่มุมมองแตกต่างกัน การเคลื่อนไหวสมูท มีความต่อเนื่องของภาพ ปราศจากดีเลย์ ให้สีได้เที่ยงตรง เฉดสีทำได้มากกว่า กระบวนการผลิตจะAccurateกว่าโอกาสเกิดJagged รอยหยักแบบเหลี่ยมน้อยกว่า สีดำจะสมจริงและการไล่โทนดำเทาดีกว่า อัตราContrast Ratioเหนือกว่า
ข้อเสียคือ หน้ากระจก ทำให้เกิดการสะท้อนเป็นเงาได้ ต้องเลือกจอพลาสม่าที่มีการโค้ทติ้งผิวหน้าจอกันสะท้อนที่ดี
ขนาดของจอมีอยู่ในเร็นจ์ที่แคบ32, 42, 50 และ 60นิ้วอัตราการกินพลังงานเฉลี่ยใกล้เคียงกับ LCDความเข้มของสีดำน้อยกว่าLCD
อัตราการสู้แสงสว่างน้อยกว่าLCD
LCD TVหน้าจอแห้งเรียบ ไม่มีการสะท้อนเงารบกวนสายตาขนาดของจอมีอยู่ในเร็นจ์ที่กว้าง10-60 นิ้ว อัตราการกินพลังงานเฉลี่ยเท่าเทียมกับ PlasmaTV อันนี้จะต้องเรียนเอาไว้เพื่อความเข้าใจนะครับว่า จอแอลซีดีแม้จะกินไฟต่ำ แต่ก็แสดงผลตลอดเวลาที่หน้าจอ พลาสม่าทีวี จะแสดงผลจากการปิดหรือเปิดแสงไปตามความสว่างมืดของภาพ ดังนั้นคิดเฉลี่ยแล้วก็จะสิ้นเปลืองพลังงานพอๆกัน จอLCD TVความเข้มของสีดำที่LCDเด่นกว่าPLASMA อัตราการสู้แสงสว่างดีกว่าPLASMAจึงตั้งไว้ดูที่สว่างๆได้โดยไม่มีปัญหา รบกวนหน้าจอ อายุการใช้งานประมาณ 60,000ชั่วโมง
มีข้อเสียคือธรรมชาติในโครงสร้างของมัน มีการเรืองแสงแบบBack lightมุมมองที่เปลี่ยนไปตามตำแหน่งที่นั่งชม
สีสันความสว่างอาจเปลี่ยนแปลงได้ ภาพการเคลื่อนไหวมีโอกาสไม่สมูทสูงเนื่องจากอุณหภูมิ มีการดีเลย์ของภาพได้ ให้สีได้เที่ยงตรง มีโอกาสเกิดJagged รอยหยักแบบเหลี่ยมได้บ้าง อยู่ที่ตัวควบคุมหรือเอนจิ้น การไล่โทนดำเทาจะทำได้น้อยกว่าPlasmaอัตราContrast Ratioต่ำกว่าPlasma
ทุกอย่างในเทคโนโลยีพลาสม่าและ แอลซีดีทีวี จึงเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบกันบนพื้นฐานเทคนิค ไม่ได้หมายความว่าใครจะดีกว่ากันแบบทิ้งขาด ให้เลือกจากความจำเป็นและความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลัก คืออัตราส่วนหรือขนาดจอภาพและคุณภาพ เปรียบเทียบราคาจำหน่าย
http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20071011235650AAEjWpA