เอามาฝากป๋า
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเมนบอร์ดชิปเซ็ต P55 มาใช้งานก็คงจะมึนไม่น้อยเพราะถ้านับเฉพาะของ ASUS ที่ออกมาในขณะนี้ก็ปาไปเกือบสามสิบรุ่นได้แล้ว ซึ่งถ้าไม่ได้เป็นผู้ที่สนใจจริงๆ ก็คงจะยากที่จะแยกออก เหมือนกับเมนบอร์ดรุ่นนี้ที่ก็คล้ายๆ กับรุ่นอื่นๆ แต่ก็จัดเป็นรุ่นหลังๆ แล้วที่ออกมาทำให้มีเทคโนโลยีต่างๆ อย่างครบถ้วนรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ASUS P7P55D-E PRO เมนบอร์ดชิปเซ็ต Intel P55 ที่มาพร้อมกับ 2 เทคโนโลยีใหม่อย่าง USB 3.0 และ SATA 6Gb/s นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับภาคจ่ายไฟในแบบ Hybrid ในแบบ 16 เฟส ส่วน
ซีพียูที่รองรับก็จะเป็นซีพียูในตระกูล Lynnfield ที่ใช้กับซ็อกเก็ต 1156 ไม่ว่าจะเป็น Core i5, Core i7 ซึ่งเป็นซีพียู 4 คอร์ รวมไปถึงในตระกูล Clarkdale อย่าง Core i3 ซึ่งเป็นซีพียูในแบบ 2 คอร์ เรียกว่าใช้ได้ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่
หน่วยความจำที่ใช้ก็จะเป็น DDR3 ที่รองรับความเร็วได้สูงสุดถึง 2200MHz ในแบบ Dual Channel โดยใส่ได้เต็มที่ 16GB ไม่ต่างจากเมนบอร์ดรุ่นใหญ่ตัวอื่นๆ มีสล็อต PCIE x16 มาให้ 2 สล็อตซึ่งจะวิ่งที่ 16x ในแบบการ์ดเดี่ยวและวิ่งที่ 8x ถ้าใช้การ์ดคู่ โดยมี PCI 2 สล็อต และ PCIE x1 อีก 3 สล็อต สามารถใช้เทคโนโลยีได้ทั้ง nVidia SLI และ ATI CrossFireX
พอร์ตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ SATA 3Gb/s ทั้ง 6 พอร์ต รองรับ RAID 0, 1, 5 และ 10 จะถูกควบคุมด้วยชิปเซ็ต P55 ส่วนทางด้านพอร์ต IDE UltraDMA 133, eSATA และ SATA2 อีกหนึ่งพอร์ตสีดำ จะถูกควบคุมด้วยชิปเซ็ต JMicron JMB363 PATA และที่เหลืออีกสองพอร์ต สีเทา ที่รูปทรงจะแปลกตาหน่อยนั่นก็คือ SATA 6Gb/s ซึ่งจะถูกควบคุมด้วยชิป Marvell ส่วนทางด้านเสียงจะใช้ชิปเสียง VIA VT1828S ที่รองรับเทคโนโลยีเสียงในแบบ Absolute Pitch BD192/24 bit รอบทิศทาง 8 แชนแนล น้อยกว่าในรุ่น Premium ที่รับได้สูงสุดถึง 10 แชนแนล
ภาคจ่ายไฟของเมนบอร์ดตัวนี้จะเป็นแบบ 12+2 เฟส โดยแบ่งเป็นในส่วนของภาคจ่ายไฟซีพียู 12 เฟส และอีก 2 เฟสจะเป็นในส่วนของเมมโมรี่คอนโทรลเลอร์ พร้อมกันนี้ยังติดไมโครชิป T.Probe ซึ่งจะทำหน้าที่ในการควบคุมการจ่ายไฟให้มีความบาลานซ์และช่วยให้ระบบมีความ เย็นมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานยาวนานมากกว่าเดิม ส่วนวัสุดที่ใช้ก็จะเป็นตัวโซลิดคาปาซิเตอร์คุณภาพสูงจากญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งค่อนข้างจะขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพและมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงจึงช่วย สร้างความมั่นใจสำหรับผู้ที่ใช้งานนบอร์ดรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี
สล็อตต่อเพิ่มให้มากันถึง 7 สล็อต ไล่มาตั้งแต่ PCIe 2.0 x16 ที่มีอยู่ 2 สล็อตโดยจะวิ่งที่ x16 ถ้าใช้งานแบบสล็อตเดียวแต่ถ้าใช้โหมดการ์ดคู่ก็จะวิ่งที่ x8/x8 ซึ่งจะรองรับทั้งเทคโนโลยี nVidia SLI และ ATI CrossFireX ส่วน PCIe 2.0 x1 จะมีให้มาถึง 3 สล็อต และ PCI อีก 2 สล็อต
ฮีทซิงค์ระบายความร้อนสีฟ้าที่ออกแบบมาได้อย่างแปลกตาแต่ระบายความร้อน ได้อย่างยอดเยี่ยม จะติดให้มาครบทุกจุดแต่จะไม่ได้ติดฮีทไปป์มาให้ มีสวิทซ์ Overvoltage เพียง 1 ตัวเท่านั้นในส่วนของแรมต่างจากในรุ่น Premium ที่จะให้มา 3 ส่วน ซึ่งมีไว้สำหรับการโอเวอร์คล็อกที่ต้องการจะปรับไฟเลี้ยงให้สูงขึ้นกว่า มาตรฐานที่ให้มา โดยถ้าไม่ปรับตรงจุดนี้จะปรับไฟเลี้ยงในส่วนของแรมได้แค่ 2.0V เท่านั้นแต่ถ้าปรับจะได้ถึง 2.5V เลยทีเดียว
พอร์ตต่างๆ ด้านหลังมากันอย่างครบเซ็ตโดยมี USB 2.0 ให้มาทั้งหมด 6 พอร์ต ส่วน USB 3.0 จะให้มา 2 พอร์ต มี eSATA, IEEE1394a และ แลน ให้มาอย่างละ 1 ระบบเสียงในแบบ 8 แชนแนลจากชิปเซ็ต VIA VT1828S ซึ่งรองรับเสียง DTS Surround Sensation UltraPC
อ่านต่อที่นี่
http://www.quickpcextreme.com/blog/archives/7458