เห็นหน้าตาประหลาดแบบนี้ นับตั้งแต่การเปิดตัวพร้อมขายที่ญี่ปุ่นบ้านเกิด ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นิสสัน จู๊ค (Nissan Juke) ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ กวาดยอดจองไปกว่า 5,000 คัน เช่นเดียวกับแผ่นดินยุโรป ได้การตอบรับล้นหลามระดับ 15,000 คัน ภายในเวลา 1 เดือน !
สำหรับลูกค้าชาวไทยมีโอกาสซื้อหามาครอบครอง จากบรรดาผู้นำเข้าอิสระ โดยเฉพาะเกรย์มาร์เก็ตไฟแรง TSL ที่รีบนำเข้า จู๊ค รุ่นขับเคลื่อนสองล้อ มาทำตลาดพร้อมเดินสายโรดโชว์ประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคม รวมถึงส่งรถมาให้ ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง ได้ลองขับก่อนใคร
นิสสัน จู๊คพัฒนาจากพื้นฐาน B-Platform เช่นเดียวกับเก๋งอย่าง คิวบ์ โน้ต หรือ มาร์ช โมเดลเก่า (K12)โดยรุ่นที่ขายในญี่ปุ่น(ไทย)วางเครื่องยนต์ขนาด1.5 ลิตร ดังนั้นถ้าเราจะเรียกจู๊ค เป็น ซับคอมแพกต์เอสยูวี ก็ไม่น่าจะผิด ทั้งนี้ระดับการทำตลาดต่ำกว่า เอ็กซ์-เทรล และแคชไค (ดูอัลลิส) ขณะเดียวกันก็เป็นรถอเนกประสงค์ไม่เน้นลุยหนัก
ส่วนรูปลักษณ์หลุดโลก ล้ำอนาคต เป็นฝีมือของทีมออกแบบ Nissan Design Europe (NDE)ประเทศอังกฤษ ใครชอบไม่ชอบอย่างไรสุดแล้วแต่ ซึ่งตัวผู้เขียนเองชื่นชมความคิด กล้าจินตนาการของทีมงานนิสสัน ด้านหน้าย้ายไฟหรี่-ไฟเลี้ยวไปอยู่บนฝากระโปรง และแยกไฟหน้าโคมกลมออกมา ขณะที่ไฟตัดหมอกฝังซ่อนอยู่ในแผงกันกระแทกด้านล่าง
เส้นสายลาดเอียงตั้งแต่เสาเอ-พิลลาร์ ไล่จรดถึงสปอยเลอร์หลังคา รับไฟเบรกดวงที่สาม ที่เปิดประตูหลังซ่อนอยู่ตรงกระจกหน้าต่าง หรือใกล้ๆแนวเสา ซี-พิลลาร์ โดดเด่นกับไฟท้ายแสนเซ็กซี่ ด้านข้างตีโป่งทะมัดทะเมง เต็มซุ้มกับล้ออัลลอย์ขนาด 17 นิ้ว ประกบยางโยโกฮามา 215/55 R17
ภายในเน้นโทนดำ พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้านทรงสปอร์ตพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและฟังก์ชันต่างๆของรถ จอด้านหน้าแสดงระบบนำทาง Navi และดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงโชว์ภาพจากกล้องส่องถอยหลัง ถัดลงมาจะมีหน้าจอแปลกๆ ซึ่งสามารถสลับการแสดงผลของระบบปรับอากาศ (AIR-CON) และรูปแบบการขับขี่ (D-MODE) ที่เลือกได้ 3 โหมด คือ Eco Normal และ Sport
...หลังจากโยกปรับเบาะหน้าจนได้ระดับ พบว่าวิสัยทัศน์ของ จู๊ค ใช้ได้ครับ ระยะด้านหน้าเคลียร์กว้างชัดเจน จะเห็นโคมไฟเลี้ยว บนฝากระโปรงปูดนูนเล็กน้อย กระจกมองข้างบานโตมองชัด พวงมาลัยจับถนัดกระชับมือ และแม้จะมีพื้นฐานพัฒนามาจากพวกเก๋งซับคอมแพกต์ แต่ภายในห้องโดยสารก็กว้างขวาง ตำแหน่งคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า ระยะหัวเหลือเพียบ ส่วนระยะขาก็วางได้หลวมๆสบายๆ
สำหรับผู้โดยสารแถวสองนั่งไม่อึดอัด ยัดกันไปสามคนสบาย พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 251 ลิตร แต่ถ้าเน้นขนของ ก็พับเบาะได้แบบ 60:40 หรือจะพับเรียบลงมาทั้งหมดก็เพิ่มพื้นที่ได้อีกโข เรียกว่าจัดสรรความอเนกประสงค์ ได้อย่างลงตัว
ด้านขุมพลัง HR15DE ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ลูกเดียวกับที่ใช้ใน นิสสัน มาร์ช เมืองไทย(ส่งกลับไปขายญี่ปุ่น)