ถ้ามีโอกาส แนะนำให้ซื้อรถใหม่ครับน้าสิงห์ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อม
หรือหากซื้อมือสอง ก็ลอง ๆ เข้าเว็บบอร์ดรุ่นนั้น ๆ ก่อน ลองเช็คดูว่าอะไหล่ที่มักเสียบ่อยคืออะไรบ้าง ราคาเท่าไร ลองบวกลบคำนวณดู ว่าเมื่อซื้อรถเก่าแล้วบวกกับค่าซ่อม เบ็ดเสร็จประมาณเท่าไร
อย่างเอสคาปี้ผมนั้นเปลี่ยนไดชาร์จไปแล้วหนึ่งลูก เนื่องจากรถรุ่นนี้แสนกิโลต้องเป็นอยู่แล้ว วันก่อนเห็นไฟแบตมันแว๊บ ๆ เลยเข้าเช็ค ปรากฎว่าไฟอ่อน ก็เลยเปลี่ยนซะ เมื่อก่อนของศูนย์หมื่นกว่า ๆ เกือบสองหมื่น หรือสองหมื่นกว่า ๆ นี่แหละ ตอนนี้เหลือเจ็ดพันปลาย ๆ ข้างนอกที่ไปถามบางร้านแพงกว่า บางร้านถูกกว่า แต่ศูนย์มันประกันหนึ่งปีหรือสองหมื่นกิโล ก็เลยยอมจ่ายค่าแรงแพงไปประมาณหกร้อยบาท เพื่อแลกกับการรับประกัน
และที่เปลี่ยนอีกก็คือคอยล์ คอยล์เสียหนึ่งตัว แต่ผมเปลี่ยนหมด เนื่องจากรถรุ่นนี้แสนกิโลต้องเป็นอยู่แล้ว ของศูนย์ตัวละสองพันรวมแวต ข้างนอกตัวละพันสอง ผมเลยซื้อข้างนอก
ส่วนอีกอันหนึ่งก็ลูกหมากหน้าซ้ายขวาและ้บูทอะไรนี่แหละจำไม่ได้อีกสองอัน อันนี้ผมเปลี่ยนร้านเพื่อนพี่แพะ แต่ที่ร้านแกไม่มีของ แต่แกโทรหาจากบางกอกให้ได้ แกบอกว่าถ้ารถญี่ปุ่นนะมีอยู่ที่ร้านแล้ว แต่รถยุโรปส่วนใหญ่นาน ๆ มาทีเลยไม่ได้สต็อกไว้ รู้สึกเมื่อหักลบแล้วถูกกว่าของศูนย์อยู่หลายอัฐเหมือนกัน
นำข้อมูลมาให้น้าสิงห์อ่านดูครับ เพื่อไตร่ตรองนำไปวางแบบแผนการซื้อ
ยังไงถ้ามีโอกาสและจังหวะ แนะนำให้ซื้อรถใหม่ครับน้าสิงห์ จะได้ตั้งหน้าตั้งตาผ่อนอย่างเดียว หากรถเสียในระยะสามปีก็เข้าเคลมอย่างเดียว
แต่ถ้างบจำกัด หันมามองมือสอง สภาพดี ๆ ก็ไม่มีปัญหาครับ
พอแนะนำแบบจริงจัง ก็มีสาระดีนิครับ