เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« ตอบ #284236 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 05:05:58 PM » |
|
ข่าวฝากเถ้าแก่สวนยางทุกท่าน วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 10:57:02 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เปิดโควตาปลูกยางลอตแรก 2 แสนไร่ "กิ่งพันธุ์"ขาดหนัก ต้องจองล่วงหน้าข้ามปี
เปิดโควตาพื้นที่จัดสรรโครงการ "ปลูกยางพาราในพื้นที่แห่งใหม่" ลอตแรกปีนี้ สกย.เคาะแล้ว 52 จังหวัด 200,000 ไร่ จังหวัดหนองคายสูงสุด 16,600 ไร่ ฉะเชิงเทรา 12,100 ไร่ นครพนม 8,700 ไร่ ภาคอีสานนำโด่ง ยอดรวมแสนกว่าไร่ เผยพันธุ์ยางขาดตลาดหนัก ต้องจองคิวซื้อข้ามปี ดันราคาพุ่งต้นละ 40-45 บาท ขณะที่ปุ๋ย-อุปกรณ์กรีดยางราคาปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
จากที่รัฐบาลมอบหมายให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) จัดทำโครงการปลูกยางพาราในพื้นที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 (ปี 2554-2556) จำนวน 8 แสนไร่ งบประมาณลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งการดำเนินงานดังนี้ ปี 2554 พื้นที่เป้าหมาย 2 แสนไร่ ปี 2555 พื้นที่ 3 แสนไร่ และปี 2556 พื้นที่ 3 แสนไร่
ล่าสุดผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า สกย.ได้จัดสรรพื้นที่เป้าหมายปลูกยางพันธุ์ดีในพื้นที่เหมาะสมสำหรับปี 2554 ในพื้นที่ 52 จังหวัด จำนวน 2 แสนไร่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการจัดสรรมากสุด 16 จังหวัด จำนวน 117,500 ไร่ รองลงมาคือภาคเหนือ 7 จังหวัด จำนวน 40,000 ไร่ ภาคตะวันออกและภาคกลาง 5 จังหวัด จำนวน 24,680 ไร่ และภาคใต้ 14 จังหวัด จำนวน 17,820 ไร่
@ เปิดโพยพื้นที่ส่งเสริมปลูกยางรายภาคปี54 เป้าหมายปลูกยางในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 117,500 ไร่ 16 จังหวัดที่ สกย.จัดสรรให้ ประกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ 6,500 ไร่, ขอนแก่น 2,500 ไร่, นครพนม 8,700 ไร่, นครราชสีมา 6,400 ไร่, บุรีรัมย์ 7,000 ไร่, มุกดาหาร 7,000 ไร่, ยโสธร 8,200 ไร่, ร้อยเอ็ด 4,400 ไร่, เลย 8,200 ไร่, ศรีสะเกษ 7,000 ไร่, สกลนคร 7,300 ไร่, สุรินทร์ 8,300 ไร่, หนองคาย 16,000 ไร่, หนองบัวลำภู 3,300 ไร่, อุดรธานี 8,300 ไร่ และอุบลราชธานี 7,800 ไร่
ภาคเหนือ 40,000 ไร่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงราย 6,700 ไร่, เชียงใหม่ 7,100 ไร่, ตาก 4,900 ไร่, พะเยา 3,600 ไร่, พิษณุโลก 7,300 ไร่, แพร่ 6,900 ไร่ และอุทัยธานี 3,500 ไร่
ภาคตะวันออกและภาคกลางรวม 24,680 ไร่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.จันทบุรี 2,900 ไร่, ระยอง 440 ไร่, ตราด 1,300 ไร่, ฉะเชิงเทรา 12,100 ไร่ และกาญจนบุรี 7,940 ไร่
ภาคใต้ 17,820 ไร่ 14 จังหวัด 1 อำเภอ ประกอบด้วย จ.ภูเก็ต 1,100 ไร่, ระนอง 200 ไร่, พังงา 270 ไร่, ตรัง 130 ไร่, นครศรีธรรมราช (เขต 1) 2,060 ไร่, นครศรีธรรมราช (เขต 2) 2,100 ไร่, สุราษฎร์ธานี 250 ไร่, กระบี่ 730 ไร่, ชุมพร 4,350 ไร่, สงขลา (เขต 1) 500 ไร่, สงขลา (เขต 2) 850 ไร่, สตูล 1,780 ไร่, พัทลุง 450 ไร่, ยะลา 2,400 ไร่, ปัตตานี 1,000 ไร่, นราธิวาส 600 ไร่ และ อ.เบตง จ.ยะลา 50 ไร่
@ "หนองคาย-แปดริ้ว-นครพนม"ครองแชมป์
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีโควตาพื้นที่ปลูกยางใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ หนองคาย 16,000 ไร่ ฉะเชิงเทรา 12,100 ไร่ นครพนม 8,700 ไร่ สุรินทร์กับอุดรธานี 8,300 ไร่ และเลยกับยโสธรเท่ากันแห่งละ 8,200 ไร่ สำหรับเกษตรกรที่จะยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการส่งเสริมปลูกยางในพื้นที่ใหม่ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดคือ ต้องมีสัญชาติไทย มีที่ดินเป็นของตนเองตั้งแต่ 2-15 ไร่ ต้องไม่มีสวนยางมาก่อน และมีเอกสารสิทธิหรือเอกสารครอบครองที่ดินถูกต้อง โดยสามารถยื่นขอรับรองการสงเคราะห์ได้ที่ สกย.ทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 มีนาคม 2554
@ พันธุ์ยางขาด-ต้องจองคิวข้ามปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสบูมยางพาราที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ นอกจากจะทำให้การประกาศซื้อ-ขายที่ดินโดยเฉพาะในภาคเหนือ-อีสานคึกคักและราคาแพงขึ้นอย่างมากแล้ว วัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับยางพาราเกือบทุกรายการก็มีราคาแพงขึ้นแถมยังขาดแคลนในบางพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ยาง ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช
นายณัฐพงษ์ แก้วมณี เจ้าของสวนเกษตรแจ็ค จ.หนองคาย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการขยายพื้นที่ปลูกยางใน จ.หนองคาย เพิ่มขึ้น 20% ทำให้ความต้องการกล้าพันธุ์ยางมีเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้นด้วย ที่สำคัญผู้ผลิตต้นกล้าพันธุ์ก็ขาดแคลนต้นกล้าจะนำมาทำพันธุ์ เพราะต้องใช้เวลาเพาะ 8-12 เดือน ทำให้ผู้ซื้อต้องจองคิวซื้อล่วงหน้า ล่าสุดหากจองไว้ข้ามปี ราคาจะอยู่ที่ 35 บาท/ต้น แต่หากไม่มีการจองราคาจะสูงถึง 40 บาท/ต้น และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก ขณะที่พื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ต้นกล้าหรือพันธุ์ยางพร้อมปลูกราคาสูงถึง 40-45 บาท/ ต้น และต้องจองล่วงหน้าเช่นกัน เพราะสามารถปลูกได้ในช่วงเวลาจำกัดต้นฤดูฝนนี้เท่านั้น
แหล่งข่าวในวงการยางพาราเปิดเผยว่า การขาดแคลนพันธุ์ยางตอนนี้ นอกจากผลิตไม่ทันความต้องการที่เพิ่มขึ้นมากแล้ว ยังมีการนำพันธุ์ยางไปปลูกในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนหลายหมื่นไร่ด้วย
@ปุ๋ย-อุปกรณ์กรีดยางราคาพุ่ง/ขาดแคลนหนัก
ด้านนายเริงเกียรติ ชูคำ ผู้จัดการร้านจอมทองการเกษตร อ.เมือง จ.ตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ปุ๋ยเคมีเกือบทุกชนิดขาดแคลนอย่างหนัก และราคาก็ปรับขึ้นมาก ในส่วนของชาวสวนยางพารา นับตั้งแต่ราคาสูงขึ้น ชาวสวนได้หันมาซื้อปุ๋ยไปใส่แปลงยางมากขึ้น ทำให้ปุ๋ยแทบจะขาดตลาด นอกจากนี้อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการกรีดยาง เช่น จอกรองน้ำยางสด ลวดรัดต้นยาง ลูกค้าต้องรอคิวกันนานเพราะโรงงานผลิตไม่ทัน
ขณะที่ในจังหวัดสงขลา ปุ๋ยตราหัววัวคันไถ สูตร 16-8-4 สำหรับยางอ่อน 13,000 บาท/ตัน หรือกระสอบละ 680 บาท สูตร 15-7-8 สำหรับยางแก่ 17,000 บาท/ตัน ขณะนี้ขาดตลาดอย่างหนักและไม่สามารถหาซื้อได้ในราคาที่กำหนดไว้เช่นเดียวกัน หากลูกค้าต้องการซื้อก็จะต้องจ่ายราคาสูงขึ้น และมีการกักตุนไว้ล่วงหน้ารอให้ภาครัฐอนุญาตให้ปรับราคาขายขึ้น โดยร้านค้าอ้างว่าไม่มีสินค้า สาเหตุเป็นเพราะแม่ปุ๋ยขึ้นราคา แต่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการปรับราคาขายปุ๋ย เนื่องจากคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาปุ๋ยจะหยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือในการประชุมคณะอนุกรรมการช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
|