เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน

[เบิ้ม]

มันมี.50 ใช้ด้วยเหรอครับ หรือลักมาจากไหน 

http://www.thairath.co.th/content/region/151967

[Pandanus]

ว.๑ พระแสงงงงงงง



กันดารจิ๊บเลย  ประเทศไทยรึเปล่าฟระ

[lugkrod]

ว.๑ พระแสงงงงงงง



กันดารจิ๊บเลย  ประเทศไทยรึเปล่าฟระ

โย๋ไซ๊...

[Iron]

สวยจัง   

[pscn]

มันมี.50 ใช้ด้วยเหรอครับ หรือลักมาจากไหน  

http://www.thairath.co.th/content/region/151967

ฉามฉูนแปด รึเปล่า อีเอา่มาแต่ใหนตั้งห้าสิบ

[Iron]

กาลเวลาล่วง ณ.ปีเถาะ ตรงกับวันแรม๗ค่ำ เดือน๓(เมื่อวานนี้แหละ)  เพลาเช้า นาย บรรจง (หนองสังคะตังหัวพราน) ได้แจ้งมาว่า อันการที่จะคิดว่าจักนำปืนไฟยาว (ไรเฟิล)
ขึ้นเรือบินจากสนามเรือบินเมืองซัง เพื่อไปยังสนามฝึก ณ.หัวเมืองชลบุรีที่ได้จองไว้แล้ว การดังกล่าวก็ได้มีการยกเลิกแต่เพลานั้นเนื่องจากว่า เจ้าพนักการสนามเรือบินแจ้งว่า
มิอาจอนุญาติให้นำปืนไฟยาว อันเข้าข่ายอาวุธสงครามขึ้นเรือบินไปได้ นายหนองสังคะตังหัวพราน จึงได้เรียนปรึกษาท่านผู้การสุพิณ ว่าจักต้องทำฉันใด
 จึ่ง เพลานั้นได้รับคำตอบว่า จักต้องให้เจ้าพนักการสนามเรือบินแจ้งปฏิเสธการกระทำดังกล่าวมาเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับผู้ขอด้วยเถิด
 นาย บรรจง (หนองสังคะตังหัวพราน) จึ่งแจ้งมาว่าอันการดังกล่าวสำเร็จมิได้ก็เนื่องจากเหตผลดังกล่าว...แล



จบข่าว

ขอบคุณครับพี่ สำหรับรายงานข่าว

งานนี้เดินหน้าลูกเดียวครับ เสียใจ เสียความรู้สึกอย่างแรงครับ เตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเดือน แหลงพรือก้าไม่ควัง

แล้วเจอกันครับ ท่านครับ

ไหรหล่าวฮั้น 

[เบิ้ม]

หาซื้อที่ปลูกยางมั่งหว่า 

ชาวสวนยางอ่วม ต้นทุนผลิตขึ้นทั้งระบบ กล้าราคาจ่อ60-70บาท "ปุ๋ย-ค่าแรง"พุ่งกระฉูดShare 


 
ชาวสวนยางแจ็กพอต ต้นทุนผลิตปรับขึ้นทั้งระบบ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมปลูกยางพื้นที่แห่งใหม่ 8 แสนไร่ป่วน ต้นกล้าขาดตลาดหนัก นายหน้ากว้านซื้อส่งขายทำกำไรภาคเหนือ-อีสาน ดันราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จˆอทะลุ 60-70 บาท เจ้าของแปลงเพาะชำปิดรับจองล่วงหน้า ขณะที่เมล็ดพันธุ์ยาง-ค่าแรง-ปุ๋ย-ถุงพลาสติกพุ่งตาม


ราคายางพารายังคงปรับตัวสูงขึ้น ไม่หยุดและมีแนวโน้มว่าจะทะลุกิโลกรัมละ 200 บาท เร็ว ๆ นี้ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้ง ปริมาณผลผลิตจะลดน้อยลง ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมาราคายางแผ่นดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 180.09 บาท ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ราคา 185.88 บาท น้ำยางสด 170 บาท ส่วนราคา ณ ด่านศุลกากร ส่งออกไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่ง (FOB) ส่งมอบล่วงหน้า 1 เดือนอยู่ที่ 197.80 บาท กลายเป็นแรงจูงใจทำให้คนหันมาลงทุนปลูกยางเพิ่มมากขึ้น เกิดปัญหาขาดแคลนต้นกล้ายาง

ขณะเดียวกันราคาก็แพงขึ้นหลายเท่า ทั้ง ๆ ที่สวนยางปลูกใหม่ในปีนี้จะให้ผลผลิตในอีก 6-7 ปีข้างหน้า ส่งผลกระทบทั้งต่อเจ้าของสวนยางทั้งเก่าและใหม่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนภายใต้โครงการส่งเสริมการปลูกยางในพื้นที่แห่งใหม่ 800,000 ไร่ ของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.)

นายรังสรรค์ จังศิริพรปกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ความต้องการต้นกล้ายางพาราที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้มาจากราคายางในท้องตลาดสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก เพราะเกษตรกรและประชาชนหลากหลายอาชีพหันมาลงทุนปลูกสวนยางเพิ่มขึ้น กล้ายางจึงมีไม่เพียงพอ การผลิตต้นกล้ายางทำได้เพียงปีละครั้ง นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมยังทำให้อัตราการงอกของเมล็ดยางต่ำ กล้ายางจึงลดน้อยลงตามไปด้วย

นอกจากนี้สาเหตุที่ความต้องการ กล้ายางสูงขึ้นมาก เนื่องจากปีนี้มีพื้นที่ปลูกยางสงเคราะห์ของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำส่วนยาง (สกย.) อีก 350,000 ไร่ บวกกับนโยบายส่งเสริมการปลูกยางในพื้นที่แห่งใหม่อีก 800,000 ไร่ แยกเป็นส่งเสริมปลูกปีนี้ 200,000 ไร่ ไม่รวมเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปที่ปลูกยางด้วยเงินทุนของตัวเองอีกประมาณ 5-10% สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งมีพื้นที่ปลูกยางมากที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกทั้งสิ้น 1,900,000 ไร่ ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว 1,600,000-1,700,000 ไร่

นายสุวิทย์ ชัยยศ ผู้ผลิตต้นกล้ายางใน อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้นกล้ายางไม่เพียงพอต่อความต้องการเป็นเพราะมีการขยายพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ ทั้ง ๆ ที่การผลิต กล้ายางทำได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ปีนี้ยางตาเขียวราคา 18-20 บาท/ต้น ยางชำถุงราคา 40-45 บาท/ต้น แต่เมื่อนำไปขายในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือราคาพุ่งสูงถึง 70 บาท/ต้น ตอนนี้มีต้นกล้ายาง 3 แสนต้น จะเริ่มขายได้เดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งมีการสั่งซื้อล่วงหน้าจำนวนมาก ถ้ารับออร์เดอร์ทั้งหมดก็คงผลิตได้ไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้นเช่นกัน เช่น ราคาปุ๋ย การลงทุนระบบน้ำ ราคาเมล็ดยาง แรงงานตัดแต่งกิ่ง การกำจัดวัชพืชในแปลงเพาะ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ติดตายาง และมีการขโมยต้นยาง

ทั้งนี้ จากข้อมูลจากกรมวิชาการ เกษตรระบุว่า มีสถานที่ผลิตและจำหน่ายกิ่งตายาง และยางชำถุงกระจายอยู่ทั่วประเทศ สำหรับ จ.สุราษฎร์ธานีมี 476 ราย ส่วน จ.ตรัง 729 ราย และ หนองคาย 810 ราย

สอดคล้องกับที่นายวินัย สุทธิสถิตย์ หัวหน้าคนงานแปลงขายพันธุ์กล้ายางที่บ้านเขาระกำ อ.เมืองตราด จ.ตราด เปิดเผยว่า ราคากล้ายางสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยขยับขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 จากต้นละ 12-13 บาท ช่วงปลายปีราคา 30-35 บาท ล่าสุดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาราคาต้นละ 40 บาท ในส่วนของตนมียอดจองประมาณ 300,000 ต้น และขณะนี้ปิดรับจองแล้ว จะเปิดจองรอบใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ตอนนี้ใครมีกิ่งพันธุ์แบบไหนลูกค้าก็ซื้อหมด

ด้านนายจำลอง คลี่หมื่นไวย เจ้าของแผงกล้าพันธุ์ยาง "เนินดินแดงพันธุ์ยาง" อ.แหลมงอบ จ.ตราด กล่าวว่า เวลานี้ ขายกล้ายางต้นละ 30-35 บาท เกษตรกรที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสวนโดยตรง จะไม่ขายผ่านนายหน้า เพราะหากยางราคาไม่ดีกลุ่มนายหน้าก็จะหายตัวไป แต่ถ้าขายให้เกษตรกรจะมีการบอกต่อและเป็นลูกค้าต่อเนื่อง ปกติจะเรียกค่ามัดจำต้นละ 5 บาท แต่ช่วงนี้ลูกค้าบางรายโอนเงินมาให้ทั้งจำนวน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับพันธุ์ยาง โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้

"พันธุ์ยางที่ได้รับความนิยมมากและขายดีที่สุดในขณะนี้คือพันธุ์ PRIM 600 เพราะเหมาะกับสภาพดิน อากาศทางภาคอีสาน และให้น้ำยางดี หากปริมาณฝนน้อยก็จะไม่มีปัญหาเชื้อรา รองลงมาเป็นพันธุ์ RRIT 251 ทรงต้นไม่ตรง แต่ให้น้ำยางดี"

ขณะที่นางเจียง เที่ยงธรรม เจ้าของแผงยางเนินดินแดงเปิดเผยว่า แม้ราคากล้ายางจะสูงถึงต้นละ 40 บาท แต่ตนก็ยังไม่มีต้นกล้าจำหน่าย เพราะอยู่ระหว่างปักชำในถุง ต้องรออีก 2 เดือน ตอนนี้รับจองกล้ายางไว้เพียง 30,000 ต้น ให้วางเงินมัดจำต้นละ 5-10 บาท และไม่รับจองแล้ว เพราะราคาตลาดเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คาดว่าช่วงฤดูปลูกยางเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ แนวโน้มกล้ายางจะแพงขึ้นไปถึงกิ่งละ 60 บาท ที่เห็นชัดเจนคือ ส่วนใหญ่นายหน้าจะซื้อไปขายที่ภาคอีสาน และภาคใต้

นอกจากนี้ราคาวัสดุแพงขึ้นทั้งระบบ เช่น ดินแดงที่ใช้เพาะชำ ปกติจะซื้อขายกันเที่ยวละ 2,500 บาท สูงขึ้นเป็น 3,000 บาท ค่าแรงใส่ดินทำถุงเพาะชำ เดิม 100 ถุง ค่าจ้าง 45 บาท เพิ่มเป็น 50 บาท ค่าพลาสติกใสพันตายาง จากราคากล่องละ 90 บาท เป็น 115 บาท ถุงพลาสติกเพาะชำ เดิมกระสอบละ 1,300 บาท เพิ่มเป็น 1,500 บาท ส่วนปุ๋ยเคมีก็ได้ทยอยขึ้นราคามาตั้งแต่ปลายปี 2553 ถึงปัจจุบัน 60-80 บาท เช่น ปุ๋ยสูตร 20-8-20 ราคากระสอบละ 920 บาท ขณะที่ปุ๋ยอินทรีย์ก็เตรียมปรับราคาขึ้นในเร็ว ๆ นี้อีกกระสอบละ 50 บาท จากราคาปัจจุบัน 450 บาท

 

[Pandanus]

ดูช่อง7

ปลาดุกร้า เมืองคอน เป็นไงไม่เคยกิน 

อยากรู้เหรอ  พีเอ็มที่อยู่มาสิ  ไม่เกินสามสี่วันก็ได้รู้

[Pandanus]

มาถึงนี่แล้ว เลยไปบ้านเพื่อนแถวไสดงหน่อยดีฝ่า

[เบิ้ม]

ตู้ยี่ห้อนี้แพงมั้ยครับจารตุ้ม 

http://www.phuketneophoto.com/forums/showthread.php?t=8170

[เบิ้ม]

ดูช่อง7

ปลาดุกร้า เมืองคอน เป็นไงไม่เคยกิน 

อยากรู้เหรอ  พีเอ็มที่อยู่มาสิ  ไม่เกินสามสี่วันก็ได้รู้

 ขอบคุณครับ ปกติกินแต่แซลมอนกะทูน่า ปลาแบบนี้ไม่กล้ากินครับ 

[PU45™]

                                         ขึ้นการแล้ว   .......................    กินข้าว

[PU45™]

วันอาทิตย์ ที่ 20 กรกฎาคม 2551
สาวเล่นพิลึก "แตงร้าน" หักคาช่องคลอด
Posted by บิ๊กกัน191 , ผู้อ่าน : 1509 , 22:17:48 น.  
หมวด : ตำรวจ-อาชญกรรม
 พิมพ์หน้านี้   โหวต 0 คน



แตงร้านเจ้ากรรม ทำม่ายสาวอารมณ์เปลี่ยวเข้าโรงพยาบาลแพทย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เหตุระหว่างใช้ระบายความเครียด ดวงซวยสุด ๆ แตงเจ้ากรรมดันหักใน ค้างอยู่ 3-4 นิ้ว ดึงเท่าไรก็ไม่ออก จนอวัยวะเริ่มอักเสบจึงต้องบากหน้าพึ่งหมอรักษา แพทย์เตือนระวัง ใช้ผัก-ผลไม้ มีสารเคมีตกค้าง

แตงร้านเจ้ากรรมทำม่ายสาวเข้าโรงพยา บาลครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช รายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากที่เดินทางไปเฝ้าและเยี่ยมญาติ ๆ ที่ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เล่าลือกันอย่างกว้างขวาง กรณีผู้ป่วยสาวใหญ่คนหนึ่งเดินทางมารักษาตัวและขอให้แพทย์ช่วยนำสิ่งแปลกปลอม คือ ชิ้นส่วนแตงร้านลูกใหญ่ที่หักติดอยู่ในช่องคลอด โดยแพทย์ได้ทำการตรวจสอบ และพบว่ามีเศษแตงร้านขนาดยาว 3-4 นิ้ว หักติดในช่องคลอดของหญิงสาวคนดังกล่าวจริง จึงใช้เครื่องมือแพทย์ถ่างปากช่องคลอดออกก่อนจะค่อย ๆ ใช้คีมคีบแตงร้านในช่องคลอดดึงออกมาได้อย่างทุลักทุเล จากนั้นแพทย์ได้ให้ยาแก้อักเสบและให้สาวใหญ่รายนี้กลับบ้านไปรักษาตัว


สืบเนื่องจาก เมื่อเย็นวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีแม่ม่ายสาวใหญ่คนหนึ่ง นั่งรถโดย สารประจำทางเดินทางมาพบแพทย์ด้วยสภาพ อิดโรย เจ้าหน้าที่เข็นเปลคนไข้ต้องรีบออกไปประคองเพื่อนำมาทำบัตรคนไข้ โดยผู้ป่วยคนดังกล่าวอายุ 36 ปี เป็นแม่ม่ายเลิกรากับสามีมานาน 5-6 ปีแล้ว จากนั้นผู้ป่วยได้เข้าพบแพทย์ ระบุอาการ เจ็บป่วยว่า เมื่อช่วงวันที่ 16 ก.ค. เกิดอารมณ์เปลี่ยว จึงนำแตงร้านลูกขนาดเหมาะมือ เส้นรอบวงประมาณ 6 นิ้ว ยาวประมาณ 10 นิ้ว ใช้สำเร็จความใคร่ ระหว่างนั้น แตงร้านเจ้ากรรมเกิดหักติดอยู่ในช่องคลอด พยายามที่จะใช้มือล้วงเท่าไรก็ไม่ออก จนเวลาล่วงเลยไปอวัยวะเพศเกิดการอักเสบบวมเป่ง จึงตัดสินใจเข้าพบแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือดังกล่าว


ด้านแพทย์สูตินรีเวชนายหนึ่ง ฝากเตือนกรณีเดียวกันนี้ว่า ขอให้บรรดาผู้หญิงระมัดระวัง การนำสิ่งแปลกปลอมสอดใส่ใช้สำเร็จความใคร่ จะต้องทำด้วยความระมัดระวังทั้งในเรื่องของขนาดของสิ่งที่จะนำมาใช้ โดยเฉพาะพืชผัก ผลไม้ เนื่องจากในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะมีสารเคมีปนเปื้อนตกค้างที่ผิวผลผลิต หากทำความสะอาดไม่ดีและนำมาใช้ระบายอารมณ์ สารเคมีอาจจะออกฤทธิ์ทำให้ ช่องคลอดแสบร้อน คัน และอักเสบช้ำบวมจนเป็นหนองในที่สุด หากไม่ไปพบแพทย์อาจจะส่งผลกระทบรุนแรงไปถึงระบบสืบพันธุ์ได้.


ที่มาจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  
 

[เบิ้ม]

วันอาทิตย์ ที่ 20 กรกฎาคม 2551
สาวเล่นพิลึก "แตงร้าน" หักคาช่องคลอด
Posted by บิ๊กกัน191 , ผู้อ่าน : 1509 , 22:17:48 น.   
หมวด : ตำรวจ-อาชญกรรม
 พิมพ์หน้านี้   โหวต 0 คน



แตงร้านเจ้ากรรม ทำม่ายสาวอารมณ์เปลี่ยวเข้าโรงพยาบาลแพทย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เหตุระหว่างใช้ระบายความเครียด ดวงซวยสุด ๆ แตงเจ้ากรรมดันหักใน ค้างอยู่ 3-4 นิ้ว ดึงเท่าไรก็ไม่ออก จนอวัยวะเริ่มอักเสบจึงต้องบากหน้าพึ่งหมอรักษา แพทย์เตือนระวัง ใช้ผัก-ผลไม้ มีสารเคมีตกค้าง

แตงร้านเจ้ากรรมทำม่ายสาวเข้าโรงพยา บาลครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช รายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากที่เดินทางไปเฝ้าและเยี่ยมญาติ ๆ ที่ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เล่าลือกันอย่างกว้างขวาง กรณีผู้ป่วยสาวใหญ่คนหนึ่งเดินทางมารักษาตัวและขอให้แพทย์ช่วยนำสิ่งแปลกปลอม คือ ชิ้นส่วนแตงร้านลูกใหญ่ที่หักติดอยู่ในช่องคลอด โดยแพทย์ได้ทำการตรวจสอบ และพบว่ามีเศษแตงร้านขนาดยาว 3-4 นิ้ว หักติดในช่องคลอดของหญิงสาวคนดังกล่าวจริง จึงใช้เครื่องมือแพทย์ถ่างปากช่องคลอดออกก่อนจะค่อย ๆ ใช้คีมคีบแตงร้านในช่องคลอดดึงออกมาได้อย่างทุลักทุเล จากนั้นแพทย์ได้ให้ยาแก้อักเสบและให้สาวใหญ่รายนี้กลับบ้านไปรักษาตัว


สืบเนื่องจาก เมื่อเย็นวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีแม่ม่ายสาวใหญ่คนหนึ่ง นั่งรถโดย สารประจำทางเดินทางมาพบแพทย์ด้วยสภาพ อิดโรย เจ้าหน้าที่เข็นเปลคนไข้ต้องรีบออกไปประคองเพื่อนำมาทำบัตรคนไข้ โดยผู้ป่วยคนดังกล่าวอายุ 36 ปี เป็นแม่ม่ายเลิกรากับสามีมานาน 5-6 ปีแล้ว จากนั้นผู้ป่วยได้เข้าพบแพทย์ ระบุอาการ เจ็บป่วยว่า เมื่อช่วงวันที่ 16 ก.ค. เกิดอารมณ์เปลี่ยว จึงนำแตงร้านลูกขนาดเหมาะมือ เส้นรอบวงประมาณ 6 นิ้ว ยาวประมาณ 10 นิ้ว ใช้สำเร็จความใคร่ ระหว่างนั้น แตงร้านเจ้ากรรมเกิดหักติดอยู่ในช่องคลอด พยายามที่จะใช้มือล้วงเท่าไรก็ไม่ออก จนเวลาล่วงเลยไปอวัยวะเพศเกิดการอักเสบบวมเป่ง จึงตัดสินใจเข้าพบแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือดังกล่าว


ด้านแพทย์สูตินรีเวชนายหนึ่ง ฝากเตือนกรณีเดียวกันนี้ว่า ขอให้บรรดาผู้หญิงระมัดระวัง การนำสิ่งแปลกปลอมสอดใส่ใช้สำเร็จความใคร่ จะต้องทำด้วยความระมัดระวังทั้งในเรื่องของขนาดของสิ่งที่จะนำมาใช้ โดยเฉพาะพืชผัก ผลไม้ เนื่องจากในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะมีสารเคมีปนเปื้อนตกค้างที่ผิวผลผลิต หากทำความสะอาดไม่ดีและนำมาใช้ระบายอารมณ์ สารเคมีอาจจะออกฤทธิ์ทำให้ ช่องคลอดแสบร้อน คัน และอักเสบช้ำบวมจนเป็นหนองในที่สุด หากไม่ไปพบแพทย์อาจจะส่งผลกระทบรุนแรงไปถึงระบบสืบพันธุ์ได้.


ที่มาจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์   
 

อ๋อ....แตงเหรอ เคยลองแระ ไม่หักนะครับ 

[Pandanus]

ดูช่อง7
ปลาดุกร้า เมืองคอน เป็นไงไม่เคยกิน 

อยากรู้เหรอ  พีเอ็มที่อยู่มาสิ  ไม่เกินสามสี่วันก็ได้รู้

ขอบคุณครับ ปกติกินแต่แซลมอนกะทูน่า ปลาแบบนี้ไม่กล้ากินครับ 

อืมมม ครับ....

หน้าม้านเลยตรู