ลูกต้นใบหม่อน
โชคดีที่ยังไม่ตั้งรางวัล .......... วิจัยพบ'ลูกหม่อน'ป้องกันอัลไซเมอร์
นักวิจัยพบผลหม่อนแห้ง มีสารออกฤทธิ์ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เตรียมทดลองใช้กับผู้ป่วยสมองเสื่อม คาดปีหน้าผลิตขายได้สำเร็จ
ต้นทุนเพียงเม็ดละ 2 บาท ถูกกว่ายาต่างประเทศหลายเท่า เล็งจดสิทธิบัตรเร็วๆ นี้
นายประทีป มีศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปิดเผยว่า
ที่ผ่านมาผลหม่อนได้รับการวิจัยและพัฒนาการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ อาทิ น้ำผลไม้ ไวน์ แยม เยลลี่ และลูกอม
เนื่องจากเป็นพืชผลที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคต่างๆ เช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน หลายประเทศทั่วโลกได้นำมา
ใช้ประโยชน์ในเชิงสุขภาพเป็นเวลานาน ทั้งนี้ จากผลงานวิจัยล่าสุดพบว่า ผลหม่อนอบแห้งมีสารออกฤทธิ์ป้องกันการตายของเซลล์ประสาท
ในภาวะต่างๆ เช่น โรคความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ยังไม่มีหน่วยงานใดๆ ทำได้มาก่อน
ผอ.สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ระบุว่า การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพด้านความจำจากผลหม่อน
ได้ลงนามความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเริ่มต้นศึกษาเมื่อปีที่แล้ว จนกระทั่งค้นพบว่าหากนำผลหม่อนสุก
ไปอบแห้งแล้วบดเป็นผงใส่แคปซูลมารับประทาน จะช่วยป้องกันรักษาโรคที่ผู้สูงอายุเป็นกันมากคือ สมองเสื่อม ความจำบกพร่อง
และอาการหลงลืมได้ อีกทั้งผลหม่อนในแต่ละช่วงระยะเวลา ก็มีคุณค่าทางสารอาหารแตกต่างกัน จึงต้องรู้วิธีเก็บเกี่ยวและกระบวนการแปรรูป
ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
เขาบอกว่า ขณะนี้ได้ทดสอบในห้องปฏิบัติการกับสัตว์ทดลอง และทราบขนาดยาที่จะนำไปใช้กับผู้ป่วย ซึ่งต้องทดสอบด้วยการตรวจวัด
คลื่นไฟฟ้าสมองที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และจดจำ โดยคาดว่าขั้นตอนทางคลินิกจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ ก่อนถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ภาคเอกชน
สามารถผลิตจำหน่ายได้ปีหน้า นอกจากนี้ ตนได้หารือกับนักวิจัยแล้ว คิดว่าจะต้องนำเทคนิคหรือกระบวนการวิจัยผลหม่อนมาทำเป็นผลิตภัณฑ์
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและป้องกันโรคความจำเสื่อม ไปจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาในเร็วๆ นี้
"จากตัวเลขของสาธารณสุข ปัจจุบันมีคนไทยป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ที่เข้ารับการรักษาประมาณ 720,000 คน จะต้องรับประทานยาที่นำเข้า
จากต่างประเทศวันละ 1 เม็ด ราคา 250 บาท แต่ผลิตภัณฑ์จากผลหม่อนมีต้นทุนอยู่ที่เม็ดละ 2 บาทเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าจะช่วยลดงบประมาณ
ที่ต้องซื้อยาต่างประเทศได้มหาศาล"
นายประทีปกล่าวอีกว่า ปริมาณผลหม่อนที่มีอยู่ในทุกวันนี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ที่ต้องการนำไปบริโภคและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
ต่างๆ พื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนมีประมาณ 500 ไร่ เราจึงต้องเร่งขยายพื้นที่ปลูกหม่อนเพิ่มมากขึ้นอีก 500 ไร่ รวมทั้งพยายาม
ศึกษาวิจัยให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการหาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตหม่อนให้ติดดอกออกผลได้ตลอดปี การหาวิธีป้องกันกำจัดโรคแมลง
ศัตรูหม่อน การเก็บรักษาผลหม่อนให้ได้เป็นระยะเวลานาน ราคาถูก สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ออกสู่ท้องตลาด และประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคยอมรับผลิตภัณฑ์จากผลหม่อนให้เป็นที่แพร่หลายอีกด้วย.
ที่มา .................
http://www.thaipost.net/x-cite/070709/7379