พระท่านว่าเรื่องนี้นั้นมันเรื่องของธรรมของการเลือกคู่
ศีล จาคะ ปัญญา ศรัทธา1. ศีล คือความเป็นปกติในการใช้ชีวิต เช่น บางคนมีศีล 5 อีกคนกลับไม่มีศีล 5 เลย ทำให้เกิดความอึดอัด
จนเกิดคำว่า ดีเกินไป ของอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นได้ เพราะทนรับกับสภาพของตัวเองที่ทำกับอีกฝ่ายไม่ได้นั่นเอง
2. จาคะ คือ นิสัยในการเป็นผู้ให้ และสละออกซึ่งสิ่งที่เป็นของเรา เช่น บางคนชอบทำบุญ ชอบช่วยคน แต่
อีกฝ่ายหนึ่งขี้งก ก็อยู่ด้วยกันลำบาก
3. ปัญญา คือ ความเข้าใจ ความคิดอ่าน การมองโลก ซึ่งแต่ละคนต้องมีขอบเขตความเข้าใจที่ใกล้เคียงกัน
คนหนึ่งชอบคุยเรื่องหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งไม่ชอบ มันก็อาจจะเซ็ง และคุยไม่เข้าคอกัน
4. ศรัทธา เป็นความเชื่อในเรื่องต่างๆ ที่ไม่เท่ากัน เช่น ความชอบไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดการแบ่งแยก และ
แบ่งพวก นำมาซึ่งการทะเลาะกันได้
อ้างอิงจาก
Clickที่นี่หากเมื่อผ่านการเลือกคู่มาแล้ว การอยู่ด้วยกัน การครองเรือนด้วยกัน
พระท่านให้ใช้ฆราวาสธรรม 4 (ธรรมสำหรับการครองเรือน)
สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ1.สัจจะ คือความจริง, ซื่อตรง, ซื่อสัตย์, จริงใจ, พูดจริง, ทำจริง
2.ทมะ คือการฝึกฝน, การข่มใจ, ฝึกนิสัย, ปรับตัว, รู้จักควบคุมจิตใจ, ฝึกหัดดัดนิสัย แก้ไขข้อบกพร่องปรับปรุงตน
ให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา
3.ขันติ คือความอดทน ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมายไม่ท้อถอย
4.จาคะ คือความเสียสละ, สละกิเลส สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้าง พร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ ความ
คิดเห็นและความต้องการของผู้อื่นพร้อมที่จะร่วมมือช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คับแคบเห็นแก่ตนหรือเอาแต่ใจตัว
ในธรรมหมวดนี้ ทมะท่านมุ่งเอาด้านปัญญา ขันติท่านเน้นแง่วิริยะ
อ้งอิงจาก
Clickที่นี่ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมและเจริญในการครองเรือน