เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน

[เบิ้ม]

ไปดูรถในวันทูคาร์ มีเต้นนึง โฆษณาเอาชื่อนักร้องมาอ้าง เลยไปดู อ๋อ.....อาเป็นเจ้าของเต้นท์

"การซื้อรถคือ เราต้องเป็นเจ้านายรถ ไม่ใช่รถเป็นเจ้านายเรา"
       
        ใครจะรู้บ้างไหมว่านักร้องสาวเสียงดีเจ้าของอัลบั้ม "หวานผ่าซาก" จากค่ายอาร์เอสฯ คนนี้ จะมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ชนิดหาตัวจับยาก
        ที่มาที่ทำให้ให้เธอพกพาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนตไว้เต็มสมองได้มาก ก็เนื่องมาจากที่มีอาเป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสองย่านปิ่นเกล้า ดังนั้นรถทุกคันที่เธอเลือกซื้อ จะต้องคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
        "ปานโชคดีที่มีคุณอาทำเต็นท์รถมือสองอยู่ ทำให้เรารู้แยะ และอาจะสอนตลอดเวลารถยี่ห้อไหนควรเล่น ไม่ควรเล่น เพราะอะไร และวิธีการเลือกซื้อรถ การใช้รถ"
        ดังนั้นรถทุกคันของเธอจึงเป็นรถมือสอง และเธอเองก็ไม่คิดจะซื้อรถใหม่ป้ายแดง เพราะมีอาคอยดูแล ไม่ว่าการซ่อม อะไหล่ หรือการขายรถ และประการสำคัญเธอบอกว่า "ใจไม่ถึง" เพราะรถใหม่ราคาแพงเหลือเกิน
        สำหรับรถคันแรกนั้น เธอบอกว่าเป็นโตโยต้า โคโรลล่า เพราะรถยี่ห้อดังกล่าวมีคุณสมบัติตามที่อาเคยบอกไว้คือ ซื้อง่าย ขายคล่อง และที่สำคัญค่าซ่อมบำรุงไม่แพงเหมือนกับรถยุโรป
        แต่ถ้าถามว่ารถคันแรกที่เธอซื้อหาด้วยเงินตัวเองจากการทำงานเบื้องหลังเพลง คือ โตโยต้า สตาร์เล็ต ด้วยเหตุผลว่า เป็นรถที่ชอบมากโดยส่วนตัว เป็นรถในฝัน มันน่ารัก และเหมาะกับปานที่ต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
        แน่นอนรถคันนี้ก็เป็นรถมือสอง ที่ซื้อมาจากเต็นท์ของอาในราคากันเองแค่ 1.5 แสนบาท สำหรับรถคันนี้เธอใช้อยู่หลายปี แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เธออยากจะเปลี่ยนไปใช้รถยี่ห้ออื่นบ้าง และเธอก็เลือกฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู โดยเอาสตาร์เล็ตไปแลกที่เต็นท์อา แต่พอใช้ฮอนด้า ซีวิค ปานบอกว่าไม่ประทับใจ เพราะค่าซ่อม ค่าอะไหล่ แพงมาก จึงกลับมาใช้รถในฝันเหมือนเดิม
        ปานใช้สตาร์เล็ตได้ไม่นานก็มีอันจำต้องขายไปอีก เนื่องจากว่าพี่สาวของเธอแต่งงานไป ทำให้รถโคโรลล่าเหลือหนึ่งคันไม่มีใครใช้ บวกกับรถของเธออีกหนึ่งคัน ซึ่งกลายเป็นว่าที่บ้านมีรถเกินความจำเป็น ทำให้เธอต้องตัดใจขายรถสตาร์เล็ตด้วยเหตุผลที่ว่า มันเล็กเกินไป ไม่เหมาะเป็นรถครอบครัวได้
        เธอใช้โคโรลล่ามาตลอดหลายปี จนเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา เธอก็ตัดสินใจเปลี่ยนรถอีกครั้งหนึ่ง และเธอยังคงเลือกใช้ยี่ห้อโตโยต้าเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมาเป็นรุ่นใหญ่กว่าเดิมคือ คัมรี่
        "สาเหตุที่เปลี่ยนมาเป็นคัมรี่ ปี 97 เครื่อง 2.2 ลิตร 4 สูบ ก็เพราะว่าปานมองว่ามันคุ้มราคา ถ้าคิดระยะยาว ซื้อง่ายขายคล่อง เพราะรถใช้ไปสัก 5-6 ปีก็เปลี่ยนและถ้าเป็นโยโต้าก็จะขายง่าย ราคาไม่ตกมาก อย่างคันนี้ปานซื้อมา 6.4 แสนบาท หากวันหนึ่งปานจะขายราคาก็จะอยู่ประมาณ 4 แสนบาท เราขาดทุนไปแค่ 2.4 แสนบาท ถือว่ามันคุ้ม สมน้ำสมเนื้อ ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นราคาอาจจะร่วงไปมากกว่านี้"
        แม้จะเปลี่ยนมาเป็นรถใหญ่ขึ้น กินน้ำมันมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม แต่เธอบอกว่าคุ้ม เพราะเวลาไปไหนมาไหน โดยเฉพาะพาครอบครัว(ตัวใหญ่)ของเธอไปด้วย ทุกคนจะนั่งสบายขึ้น เพราะรถมันใหญ่
        ช่วงเวลาที่ผ่านมาจะสังเกตว่าเธอใช้แต่รถเก๋งทั้งนั้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอชอบรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือโฟร์วีลไดรฟ์ เพราะเธอเป็นคนชอบอะไรลุยๆ ดังนั้นรถที่อยากจะได้ก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นที่ชอบรถโฟร์วีล คือ ฮอนด้า ซีอาร์วี
        แต่เมื่อเธอบวกลบคูณหารแล้ว ซื้อมือสองก็ราคาตั้ง 8 แสนบาท มันอาจจะทำให้เธอเป็นหนี้อีกนาน และอะไหล่ก็แพง ไม่คุ้ม เธอก็เลยเลิกคิด แต่อย่างไรเธอก็บอกว่ารถฮอนด้าเป็นรถที่ดี โดยเฉพาะช่วงล่างที่นั่งนุ่ม หนึบ ขณะที่โตโยต้าแข็ง และคอนโซลค่อนข้างหลวมหากใช้ไปนานๆ สิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์จากที่เคยใช้โตโยต้า และฮอนด้า
        สำหรับรถยุโรป เธอตอบปฏิเสธทันทีเพราะว่าไม่สันทัด บวกกับกำลังซื้อไม่มาก มันแพง รู้สึกเสียดายเงิน แต่ถามว่าดีไหม ยอมรับว่าดี อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ช่วงล่างรู้เลยว่าหนึบมาก ทุกอย่างดีหมดแต่เห็นค่าซ่อม จำนวนเงินที่จ่ายกับค่าน้ำมัน ไม่ไหว ใจไม่ถึงพอ ไม่กล้าที่จะเสี่ยง ใช้แล้วจนแน่
        "ปานมีความรู้สึกว่าการซื้อรถคือ เราต้องเป็นเจ้านายรถ ไม่ใช่รถเป็นเจ้านายเรา การใช้รถยุโรปบางครั้งอาจจะทำให้เขาเป็นเจ้านายเราโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนโน้น ซ่อมนี่ หลายคนเตือนว่าเวลาซ่อมรถยุโรปต้องกำเงินเป็นหมื่นในการซ่อม เลยยิ่งไม่อยากได้"
        ดังนั้นการซื้อรถเธอจะต้องคิดหลายอย่าง จะไม่คิดว่าซื้อรถเพียงเพื่อความโก้หรู แต่ซื้อเพื่อมาใช้งานมากกว่า เมื่อเธอมีเหตุผลว่าการซื้อรถก็เพื่อใช้งาน ทำให้เธอคิดเลยไปว่าถ้าวันหนึ่งเธอมีเงินเหลือเฟือ จะนำเงินนั้นไปซื้อรถสตาร์เล็ตกลับมาเก็บไว้ เพราะรถสตาร์เล็ตเป็นรถเล็กที่เหมาะกับขับในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันเครื่องยนต์แค่ 1.3 ลิตร ไม่กินน้ำมันด้วย
        ถ้าวันหนึ่งเราได้เห็นเธอขับโตโยต้า สตาร์เล็ต ก็คงไม่แปลก เพราะเธอก็ได้ใช้รถอย่างที่เธอต้องการแล้ว




credit - www.manager.co.th

[Udomkd]

ตกลงวันเสาร์นี้  จะเอากันตรงจุดไหนครับ

พี่เล็กนั่นแหละเป็นคนกำหนด....

ที่บริเวณทหารเรือน่าจะคนเยอะ...

ที่ผมดูๆแล้ว  มีอยู่ 3 ที่  จอดรถได้สะดวกสบาย
1. ตรงปลายแหลมสนอ่อน (บริเวณปากน้ำ)
2. ตรงสระบัว ( ลานปูน )
3. ตรงวงเวียนหลังโรงแรม BP ( ตรงนี้จอดรถแล้วเดินอีกนิดหน่อย )

ปล.ผมออกเวรบ่าย 3 แล้วจะตามไป

ผมว่าแหล่มสุด คนไม่มาก ไม่น้อย นั่งนานได้

ใกล้ทะเล

ใกล้ห้องน้ำ

ใกล้แหล่งอาหาร(เผื่อ ใครหาไรเพิ่ม) หึๆๆ

ความปลอดภัย ก็น่าจะดีกว่า ทางแหลมสน กะสระบัว พอเลยหัวค่ำ น่าจะเปลี่ยวกว่า

[Udomkd]

[lex]

ตกลงวันเสาร์นี้  จะเอากันตรงจุดไหนครับ

พี่เล็กนั่นแหละเป็นคนกำหนด....

ที่บริเวณทหารเรือน่าจะคนเยอะ...

ที่ผมดูๆแล้ว  มีอยู่ 3 ที่  จอดรถได้สะดวกสบาย
1. ตรงปลายแหลมสนอ่อน (บริเวณปากน้ำ)
2. ตรงสระบัว ( ลานปูน )
3. ตรงวงเวียนหลังโรงแรม BP ( ตรงนี้จอดรถแล้วเดินอีกนิดหน่อย )

ปล.ผมออกเวรบ่าย 3 แล้วจะตามไป

ผมว่าแหล่มสุด คนไม่มาก ไม่น้อย นั่งนานได้

ใกล้ทะเล

ใกล้ห้องน้ำ

ใกล้แหล่งอาหาร(เผื่อ ใครหาไรเพิ่ม) หึๆๆ

ความปลอดภัย ก็น่าจะดีกว่า ทางแหลมสน กะสระบัว พอเลยหัวค่ำ น่าจะเปลี่ยวกว่า

เยี่ยม  

[Sig228-kolok]

กลับมาจากระยองแล้วครับพี่น้อง .. ไปสวนสุภัทราแลนด์ มา เอาภาพมาทายว่าเรียกว่าลูกอะไร ... โชคดีร่ำรวย 

ปล. เสียดายช่วงเที่ยวที่สวนสุภัทราดันฝนตก ทำให้ถ่ายภาพได้ยาก และมีภาพน้อย 

[Sig228-kolok]

แวะกินข้าวเจอรถคันนี้ แถวคลองหลวง  ... โชคดีร่ำรวย 

[lex]

นอนแระ 

[Udomkd]

กลับมาจากระยองแล้วครับพี่น้อง .. ไปสวนสุภัทราแลนด์ มา เอาภาพมาทายว่าเรียกว่าลูกอะไร ... โชคดีร่ำรวย 

ปล. เสียดายช่วงเที่ยวที่สวนสุภัทราดันฝนตก ทำให้ถ่ายภาพได้ยาก และมีภาพน้อย 

ถ้ามีรางวัลจะทาย หึๆๆ

เขาเรียกว่า"ขี้พร้าไฟ"

[Udomkd]

นอนแระ ตามหลังลุงเล็กไปติดๆ

[makarms]

กลับมาจากระยองแล้วครับพี่น้อง .. ไปสวนสุภัทราแลนด์ มา เอาภาพมาทายว่าเรียกว่าลูกอะไร ... โชคดีร่ำรวย 

ปล. เสียดายช่วงเที่ยวที่สวนสุภัทราดันฝนตก ทำให้ถ่ายภาพได้ยาก และมีภาพน้อย 

ถ้ามีรางวัลจะทาย หึๆๆ

เขาเรียกว่า"ขี้พร้าไฟ"

สวัสดีพี่น้อง....

ตอบ.....

ฟักข้าวแม่นบ่ 

[Sig228-kolok]

เฉลย เขาเรียก "ฟักข้าว"  ... โ่ชคดีร่ำรวย  

http://doctor.or.th/node/1060
ฟักข้าว Momordica cochinchinnensis (Lour.) Spreng.
อยู่ในวงศ์แตงกวาและมะระคือวงศ์  Cucurbitaceae

ชื่อเรียกอื่น คือ ขี้กาเครือ (ปัตตานี) ผักข้าว (ตาก ภาคเหนือ) มะข้าว (แพร่) แก็ก (Gac  เวียดนาม) Baby Jackfruit, Spiny Bitter Gourd, Sweet Gourd,
และ Cochin-chin Gourd

ฟักข้าวมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พม่า ไทย ลาว บังกลาเทศ มาเลเซียและฟิลิปปินส์ เป็นพืชที่ชาวเวียดนามใช้ประกอบอาหารมาก ในชนบทมีปลูกกันเกือบทุกบ้านเรือน

ฟักข้าว เป็นไม้เถาเลื้อยพัน  มีมือเกาะ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงแบบสลับ ใบรูปหัวใจหรือรูปไข่ กว้างยาวเท่ากันประมาณ ๖-๑๕ เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก
๓-๕ แฉก ดอกเป็นดอกเดี่ยวพบที่ซอกใบ ต้นแยกเพศอยู่คนละต้น กลีบดอกสีขาวแกมเหลือง ตรงกลางมีสีน้ำตาลแกมม่วง ใบประดับมีขน ผลอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง
เจริญได้เองโดยไม่ต้อง ถูกผสม เมื่อผลสุกจะมีสีแดง ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดหรือแยกรากปลูก  

ฟักข้าวเริ่มมีดอกหลังแยกรากปลูกประมาณ ๒ เดือน เริ่มผลิดอกราวเดือนพฤษภาคมและให้ดอกจน  ถึงราวเดือนสิงหาคม  ผลสุกใช้เวลาประมาณ ๒๐ วัน
และใน ๑ ฤดูกาลจะเก็บเกี่ยวผลฟักข้าวได้ ๓๐-๖๐ ผล  โดยเก็บผลสุกได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์

ผลของฟักข้าวมี ๒ ชนิด ผลยาวมีขนาดยาว ๖-๑๐ เซนติเมตร ส่วนผลกลมยาว ๔-๖ เซนติเมตร เปลือกผลอ่อนสีเขียวมีหนามถี่ เปลี่ยนเป็นสีส้มแก่หรือแดงเมื่อผลสุก
แต่ละผลหนักตั้งแต่ ๐.๕-๒ กิโลกรัม

ที่ประเทศเวียดนามมักปลูกฟักข้าวพาดพันไม้ระแนงข้างบ้าน และเก็บเฉพาะผลสุกมาประกอบอาหาร แต่เนื่องจากฟักข้าวให้ผลดีที่สุดในช่วงฤดูหนาว ชาวเวียดนาม
จึงนิยมใช้ประกอบอาหารในเทศกาลปีใหม่และงานมงคลสมรสเท่านั้น

ผลฟักข้าวมีเปลือกหนา ผลสุกเนื้อในหนามีสีส้ม ภายในมีเยื่อสีแดงให้เมล็ดเกาะ เนื้อผลสุกกินได้ ที่ประเทศเวียดนามใช้เยื่อสีแดงและเมล็ด (มีน้ำมัน) เป็นยา
ฟักข้าว ๑ ผลจะได้เยื่อสีแดงราว ๒๐๐ กรัม

ประโยชน์ทางโภชนาการ
ในประเทศไทยใช้ผลฟักข้าวอ่อนสีเขียวเป็นอาหาร รสชาติเนื้อฟักข้าวเหมือนมะละกอ ลวกหรือต้มให้สุกหรือ ต้มกะทิจิ้มน้ำพริกกะปิ หรือใส่แกง ยอดอ่อน
ใบอ่อนนำ มาเป็นผักได้ นำมานึ่งหรือลวกให้สุกกินกับน้ำพริก หรือนำไปปรุงเป็นแกง เช่น แกงแค

ประเทศเวียดนามกินข้าวเหนียวหุงกับเยื่อเมล็ดผลฟักข้าวสุก เนื่องจากชาวเวียดนามถือว่าสีขาวเป็น   สีแห่งความตาย ข้าวสีส้มแดงจึงจัดเป็นมงคลต่องานเทศกาลต่างๆ
ชาวเวียดนามเอาเยื่อสีแดงจากผลฟักข้าวสุกพร้อม เมล็ดมาหุงกับข้าวเหนียว ได้ข้าวสีส้มแดงมีกลิ่นหอม ต้องมีเมล็ดฟักข้าวติดมาในข้าวด้วยจึงว่าเป็นของแท้  
ถึงกับมีการหุงข้าวใส่สีผสมอาหารสีแดงเลียนแบบการใช้ฟักข้าวนอกฤดูกาลก็มี เชื่อว่าบำรุงสายตา

[manithatyai]

 

[babor]

ดู๊..............ดู ตั้งแต่เช้า โพสกันไม่ถึงหน้านึง ลบยูสไปเลย ถ้าไม่โพส  

มีปัญหาไอ้ไหร๋ แทงกับไอ้เชียงหว๋างไป

[babor]

เึีิ้ครื่องปรุง / ส่วนผสม


๑.หอมแดง
๒.พริกขี้หนูสด
๓.มะนาว
๔.น้ำมันพืช


ขั้นตอน / วิธีทำ
๑.นำปลาดุกร้ามาทอดในน้ำมันด้วยไฟอ่อน ๆ
๒.ซอยหอมแดง พริกสด
๓.นำปลาดุกร้าที่ทอดแล้วมาจัดใส่จาน โรยด้วยหอมแดง พริกสด
๔. บีบมะนาวสด ๆ ใส่ลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติ


เทคนิคการทำ / เคล็ดลับ
ปลาดุกที่ใช้ทำปลาร้า จะต้องเป็นปลาดุกที่มีตามธรรมชาติ จะให้ความนุ่ม
และไม่เปื่อยยุ่ยการทอดปลาใช้ไฟอ่อน ๆ ไม่ทอดนานเกินไป



http://thaifood.m-culture.go.th/food.php?id=2801&id_group=3

ไม่เห็นมีใบขี้หมิ้น 
ไฮโซนาโหนด เอามาจากไหน 

หึๆๆ ซ้อมจัง

[babor]

และช่วยเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังตามหาอีบุ๊ควรรณคดีด้วย..... หาให้เจอไวไว

    หายากจิงๆครับ ขนาดถามดู กูเกิ๊ล หลายรอบแล้ว เจอแต่ Collection-of-Playboy-ebooks