ลูกพี่ชายผม (พี่คนเดียวที่เป็นตำหรวจงั้น) อยู่ ม๔. รร.เมืองนครศรีธรรมราช ไม่ใกลจาก บม. ของน้าฉ็องเท่าใด
พ่อมันปล้ำอีให้สอบเข้า รร.นายร้อยให้ได้ เลยนำออกกำลังกายกับพ่อมัน วิ่งทุกวัน ว่ายน้ำมั่ง ร่างกายสูงใหญ่ แข็งแรง สมส่วน
เทห์จนได้เป็นดรัมเมเยอร์ถือธงตอนแข่งกีฬา
แม่มันเล่าว่า ทั้งตุ๊ด ทั้งชะนี มารุมกันกรี๊ด รุมกันตอม จนแม่มันไปต้องฝากกับตุ๊ดไว้ว่า ถ้านุ้ยเป็นลูกใภ้แม่จริงๆแล้ว (แกล้งเรียกตุ๊ดเอาใจมันนิ)
นุ้ยต้องคอยแลอย่าให้โหม๋ชะนีมันคาบไปกินเสียนะ เพราะแม่มัน(พี่ใภ้ผมนี่แหละ) กลัวลูกอีเสียคนกับชะนีมากหวาตุ๊ด
ปล.พวกตุ๊ดจะเรียกผู้หญิงแท้ๆ ว่าชะนี เพราะตุ๊ดหมั่นใส้ว่า สาวแท้ๆ พวกงั้นวันๆร้องหาแต่ผัวนิ
พอได้ปล้ำกันจริงแหละสมัยนี้ เด็กสมัครเป็นหมื่นๆคน ยอนให้เรียนวิศวะเสียนี่พี่ดุลย์
เม็คคาทรอนิคส์ครับ ตอนนี้มาแรง พอๆกับ ปิโตรเลียมครับ
สาขานี้น่าสนใจมากครับ...อยากจะเรียนเช่นกัน...
แต่ดันรีบเกิดซะก่อน... หลักสูตรเกิดตามไม่ทัน....
เลยได้แต่เรียนเครื่องส่ง เอเอ็ม ใช้หลอด...
ไม่เวิร์คครับ ทำงานเป็นเป็ดเลยครับ คือรู้ทั้งอีเลคทรอนิคส์ ไฟฟ้า และ เครื่องกล แต่เอาดีสุดๆสักอย่างไม่ได้เลยครับ ไม่สุดอะไรสักอย่าง
มันเป็นหลักสูตรที่ออกมาแก้ปัญหาค่าแรงงานแพงในยุโรปมากกว่าครับคือไม่ต้องจ้างคนทีเดียวพร้อมกันสองคนคือ
ไฟฟ้า 1 คน และ เครื่องกล 1 คน อาจคุ้มครับสำหรับบางประเทศเช่น เยอรมันเวลาส่งออกไปทำงานไปคนเดียวจบประหยัดได้มาก
แต่เมืองไทยไม่มีปัญหาค่าแรงแพง ถ้าผมเป็นเจ้าของกิจการ ผมยอมจ้าง แยกกันสองคน สองจุดประสงค์ดีกว่าครับ
ถ้าต้องการไฟฟ้าก็จ้างไฟฟ้าไปหนึ่งคนๆนี้สามารถไปได้ถึงขีดสุดของงานไฟฟ้าครับ ตั้งแต่ออกแบบ ติดตั้ง ทำซอฟท์แวร์ คอมมิชชั่นนิ่ง ถ้าเอาเม็คคาทรอนิคส์คมาทำ เขาอาจทำได้ดีที่สุดแค่งานหลังสุดนี่ แต่งานก่อนนั้น
อาจทำได้ แต่เทียบแล้ว ไม่สุดๆ เท่าวิดวะไฟฟ้าแท้ๆครับ
และเช่นเดียวกันในทางแมคคานิค เขาก็ทำได้ไม่สุดๆเหมือน วิดวะเครื่องกลแท้ๆเช่นเดียวกันครับ
เห็นบริษัทหรือนายจ้างเมืองไทยก็ไม่ค่อยนิยมมากมายเท่าไหร่กะพวก เม็คคาทรอนิคส์
อย่าลืมสภาพสังคมเราไม่เหมือนยุโรปนะครับ