เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน

[lex]

   

[เบิ้ม]

ไอ้เจ้าเหล็กแฟรชนี่ บางทีมันจะเด้งขึ้นนิดหน่อย ถ้าเกิดความชื้นสูง ไม้คอโรสวู๊ด มันจะบีบแฟรสเด้งขึ้นมาได้ ถ้าชื้นหนักๆแบบบ้านริมทะเล เก็บไว้ที่อับๆ ถึงกะคอบิดได้เลย

แฟลชเด้งนิดๆ ถ้าช่างมองอก ใช้ค้อนยางตอกเบาๆ ยกเล็ง ก็หายครับ ถ้ามันไม่หายก็วางใส่ที่รองคอ ใช้เครื่องมือแต่งให้เรียบเสมอกันครับ อันนี้ต้องใช้เวลาและสมาธิ

บางทีมันก็นิดเดียว ตะไบลงนิดนึงก็หายครับ ต้องดูอาการครับ 

[lex]

เตรียมพร้อม...

โดนจับติดแล้วหล่าวเหอ 

[samrit..]

   

ผมไม่ใช่เซียนพระ แต่ถ้าจำไม่ผิด

ห้าแฉะวัดศรีมหาโพธิ์ โคกโพธิ์ครับลุง

คู่เขยให้มาครับ

[หรอย]

ไอ้เจ้าเหล็กแฟรชนี่ บางทีมันจะเด้งขึ้นนิดหน่อย ถ้าเกิดความชื้นสูง ไม้คอโรสวู๊ด มันจะบีบแฟรสเด้งขึ้นมาได้ ถ้าชื้นหนักๆแบบบ้านริมทะเล เก็บไว้ที่อับๆ ถึงกะคอบิดได้เลย

แฟลชเด้งนิดๆ ถ้าช่างมองอก ใช้ค้อนยางตอกเบาๆ ยกเล็ง ก็หายครับ ถ้ามันไม่หายก็วางใส่ที่รองคอ ใช้เครื่องมือแต่งให้เรียบเสมอกันครับ อันนี้ต้องใช้เวลาและสมาธิ

บางทีมันก็นิดเดียว ตะไบลงนิดนึงก็หายครับ ต้องดูอาการครับ  

สวัสดีครับ  เดียวให้เพื่อนน้องชายเค้าคูให้ครับ ขอบคุณมากครับ เสี่ย

[samrit..]

เตรียมพร้อม...

โดนจับติดแล้วหล่าวเหอ 

ผมเป็นคนดีครับลุง...

[หรอย]

   

ผมไม่ใช่เซียนพระ แต่ถ้าจำไม่ผิด

ห้าแฉะวัดศรีมหาโพธิ์ โคกโพธิ์ครับลุง

คู่เขยให้มาครับ

สวัสดีครับ ผมก็ไม่ใช่เซียนพระ ท่านี้เหมือนพระทรงไรครับ ทีชูแขนขนึ้ คุ้นๆๆ....อิ อิ

[samrit..]

   

ผมไม่ใช่เซียนพระ แต่ถ้าจำไม่ผิด

ห้าแฉะวัดศรีมหาโพธิ์ โคกโพธิ์ครับลุง

คู่เขยให้มาครับ

สวัสดีครับ ผมก็ไม่ใช่เซียนพระ ท่านี้เหมือนพระทรงไรครับ ทีชูแขนขนึ้ คุ้นๆๆ....อิ อิ

ปางกลัวเมีย...ฟันธง   

[เบิ้ม]

 พี่นายช่างครับ ปณ.ส่งของถึงวันไหนหยุดครับ ปีนี้ยังไม่ได้ของฝันจากเจ้าใหญ่ๆเรยอ่ะคับ สั่งหนักกว่าเพื่อน ไหง๋ไม่เห็นมีไรมาให้เราบ้าง เจ้าอื่นสั่งน้อยๆยังส่งมาแล้ว 

[เบิ้ม]

วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:11:01 น. 
เปิดโบรชัวร์ รถใหม่ 2555 ปีแห่งการกอบกู้ "ยอดขาย..."
Share 





 

 
หลังจากปี 2554 ที่ผ่านมาต้องบอกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ชนิดที่ว่า ค่ายรถยนต์ต่างต้องชิงไหวชิงพริบกันสุดฤทธิ์สุดเดช ทั้งการทำตลาด การสร้างยอดขาย หรือแม้แต่การบริหารจัดการซัพพลายเชน ที่จะนำมาผลิตรถยนต์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดถล่มประเทศญี่ปุ่น ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์โลกต้องชะงักไปแล้วรอบหนึ่งและเมื่อช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กับเหตุการณ์มหาอุทกภัย ทำให้ อุตสาหกรรมยานยนต์โลกต้องสะเทือนไปอีกรอบ

ส่วนปี 2555 ว่ากันว่า จะเป็นปีแห่งการกอบกู้ "ยอดขาย ที่หายไป..." เห็นได้จากการส่งสัญญาณของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่พร้อมจะกลับทำการตลาดอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด

"ประชาชาติธุรกิจ" ได้รวบรวมรถยนต์รุ่นใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะออกสู่ในปี 2555 มานำเสนอ เริ่มต้นกันที่ ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง "โตโยต้า" ที่เริ่มเรียกบรรดาพนักงานขายจากโชว์รุม ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เข้า อบรมการขายรถยนต์เอ็มพีวี โตโยต้า อะแวนซ่าที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซียเข้ามาจำหน่ายภายใต้กรอบ เขตการค้าเสรี อาเซียน หรืออาฟต้า เพื่อเจาะตลาดลูกค้าในกลุ่มครอบครัว

ก่อนที่จะมีการส่ง "โตโยต้า คัมรี่" รุ่นใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้ารถยนต์ขนาดกลาง หลังจากก่อนนหน้านี้ได้มีการได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนลูกค้าชาวไทยคงต้องอดใจรออีกนิดหนึ่ง

มิตซูบิชิ -อีโคคาร์

เป็นที่แน่นอน สำหรับค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ยืนยันเสียงดังฟังชัดจากปากบอสใหญ่ "โนบุยูกิ มูราฮาชิ" ว่า ในปี 2555 มิตซูบิชิจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเพียง 1 รุ่นเท่านั้น คือรถยนต์ในโครงการ โกลล์บอล สมอลล์คาร์ หรือ อีโคคาร์ ที่ใช้ชื่อว่า "มิตซูบิชิ มิราจ" เป็นรถธงเท่านั้น ส่วนรถรุ่นอื่น ๆ ที่ทำตลาดอยู่ ก็คงจะมีการแต่งหน้าทาปาก เพื่อเพิ่มความสดใหม่และสีสันในการทำตลาดออกมาเป็นระยะ ๆ

มาสด้า ลุยปิกอัพ

ค่ายซูม ซูม มาสด้า เป็นที่แน่นอนหลังจากนำเอาปิกอัพ สายพันธุ์ใหม่ มาสด้า บีที-50 ตัวล่าสุดออกมาให้ลูกค้าชาวไทยได้ ยลโฉมกันในงานมหกรรมยานยนต์หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป แถมยังเปิดให้ลูกค้าที่สนใจจอง จนได้ยอดจองไปเป็นจำนวนมาก ก็คาดว่าจะมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการ เรียกว่า เปิดทำงานหลังปีใหม่ ไม่เท่าไหร่ มาสด้า จะจัดงานเปิดตัว รถยนต์ปิกอัพ มาสด้า บีที -50 ในวันที่ 24 ม.ค.อย่างเป็นทางการแน่นอน

ส่วนรถยนต์นั่ง มาสด้า 3 เมื่อปีที่ผ่านมาหลังจากการอุดช่องว่าง และเพิ่มโอกาสทางการด้วยการนำเข้ารถยนต์มาสด้า 3 โฉมใหม่เครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร ซึ่งนำเข้าทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่ายแล้ว ตัวเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรนั้น คงต้องรอดูว่า มาสด้าจะเลือกช่วงเวลาใด มาทำตลาดอีกระลอก

ฮอนด้าพร้อม 2 รุ่นใหม่

แม้ว่าปีที่ผ่านมา ฮอนด้า จะเจอ 2 เด้งจากภัยธรรมชาติ ทำให้แผนงาน ต่าง ๆ ของค่ายฮอนด้าต้องชะลอออกไป ซึ่งอาจหมายรวมถึงแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ว่ากันว่าน่าจะได้เห็นกันในช่วงครึ่งปีหลังปี 2555 หลังจากที่โรงงานผลิตรถยนต์ ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ กลับมาเดินเครื่องได้เต็ม 100% ว่ากันว่าเวลานั้น "ฮอนด้า" พร้อมเอาคืนทุกตลาด

เริ่มต้นที่รถยนต์นั่งขนาดกลาง ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน ดีทรอยต์ ออโต้ โชว์ ที่สหรัฐอเมริกา ไปเมื่อช่วงกลางปี 2554 ที่ผ่านมา ส่วนตลาดบ้านเรา เดิมลุ้นว่าจะมีการเปิดตัวกันในช่วงปลายปี 2554 แต่เนื่องเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหม่ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไป และคาดว่าน่าจะเป็นไม้เด็ดแรกที่ฮอนด้าจะงัดขึ้นมาใช้

จากนั้นจะเป็นการโชว์ตัวรถยนต์กลุ่มเอสยูวี ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน แอลเอ ออโต้โชว์ ในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ส่วนตลาดบ้านเราคาดว่าบรรดาแฟนพันธุ์แท้ และลูกค้าชาวไทยน่าจะได้ยลโฉมและตีตราจองกัน ซึ่งหลายคนยังประเมินว่าอาจจะได้ขับรถนอกนำเข้า เพราะไม่แน่ใจว่ามติ ครม.เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ให้สิทธิ์เสียภาษีนำเข้าในอัตรา 0%

ซูซูกิ - อีโคคาร์

แม้จะดูเงียบเชียบไปสักหน่อย สำหรับค่ายรถยนต์เจ้าตลาดรถเล็ก จากแดนซามูไรค่าย "ซูซูกิ" ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราได้ไม่นานนัก แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา อาจจะดูเงียบเชียบไปบ้าง แต่เชื่อว่าภายในงานมอเตอร์โชว์ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ค่ายซูซูกิน่าจะกลับมาคึกคัก และมีสีสันทางการตลาดออกมาอย่างเต็มรูปแบบ เพราะตามแผนค่ายซูซูกิจะต้องมีการเปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็กภายใต้โครงการ "อีโคคาร์" ที่ได้ลงทุนตามนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

จับตานิสสัน

สำหรับค่ายนิสสัน หลังจากในช่วงปล่ายปีได้ส่งรถยนต์อีโคคาร์ ซีดาน "นิสสัน อัลเมร่า" ออกสู่ตลาดบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในช่วงเดือนมีนาคมก็จะเป็นโอกาสฉลองครบรอบ 1 ปี อีโคคาร์ในประเทศไทย ซึ่งคงจะต้องรอดูกันว่านิสสันจะนำ "มาร์ช" อีโคคาร์รุ่นแรก มาแต่งหน้าทาปาก หรือทำเป็นรุ่นพิเศษฉลองครบรอบด้วยหรือไม่

แต่ที่แน่นอนคงต้องจับตากันให้ดีว่า นิสสันจะทำตลาด สำหรับกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางในบ้านเราอย่างไร หลังจากปัจจุบันยังไม่มีรถในตลาดประเทศไทย และรถยนต์นั่งขนาดกลางที่นิสสันซุ่มพัฒนา (ภายใต้รหัส L12S) ซึ่งในปี 2555 น่าจะเป็นระยะเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ ที่เชื่อว่าจะมีการแนะนำรถรุ่นนี้ออกสู่ตลาด ส่วนตลาดประเทศไทยนั้น คงต้องรอดูโอกาสและความ เป็นได้ รวมถึงโอกาสที่จะขึ้นไลน์ผลิตในบ้านเราด้วย

ฮุนได อะแวนเต้

สำหรับค่ายรถยนต์จากแดนกิมจิ อย่าง ฮุนได ที่ยอดขายดีวันดีคืน ล่าสุดเตรียมส่งรถยนต์นั่ง เพิ่มเสริมทัพตลาดบ้านเรากับรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ "ฮุนได อะแวนเต้" เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ได้เปิดตัวที่งานปูซาน มอเตอร์โชว์ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

เชฟโรเลต เปิดเทรลเบลเซอร์

หลังจากเปิดตัว รถยนต์เอสยูวี เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ที่ได้รับการออกแบบมาจากพื้นฐานรถปิกอัพอย่างเชฟโรเลต โคโลราโด โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานดูไบ มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ส่วนบ้านเราคาดว่าในงานมอเตอร์โชว์น่าจะได้เห็น และเชื่อว่าน่าจะทำให้ตลาดพีพีวีบ้านเรามีความคึกคักมาขึ้น เนื่องจากจะเป็นอีกนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าได้

จากนั้นเชฟโรเลต ก็เตรียมส่งไม้ 2 ด้วยรถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่าง "เชฟโรเลต โซนิค" เอามาทำตลาดเพื่อเป็นการอุดช่องว่างในตลาดนี้ของตัวเองด้วย

ฟอร์ด ลุยโฟกัสใหม่

หลังจากกระแสตอบรับฟอร์ดดีวันดีคืน ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ กลายเป็นฟีเวอร์อยู่ในขณะนี้ "สาโรช เกียรติ เฟื่องฟู" รองประธานฟอร์ด บอกว่า ปี 2555 เรนเจอร์ยังจะทยอย ส่งรุ่นต่าง ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดปี แต่ที่เป็นไฮไลต์เด่นอีกตัว คือ ฟอร์ด โฟกัส ที่ได้เวลาเปลี่ยนโมเดล เดินเกมตลาดภายในแนวคิด "วัน-ฟอร์ด" ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่า เฟียสต้า และเรนเจอร์ อย่างแน่นอน

บีเอ็ม-มินิ

ค่ายตราใบพัดสีฟ้า อย่างบีเอ็มดับเบิลยู ไฮไลต์เด่นสำหรับปี 2555 เห็นจะเป็นซีดาน น้องเล็กอย่าง บีเอ็ม ฯ ซีรีส์ 3 เจเนอเรชั่น 6 ที่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วที่โรงงานในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ส่วนรถยนต์ "มินิ" นั้น คาดว่ารถที่จะเป็นดาวเด่น คือ มินิ โรดเตอร์

มาถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่า รถยนต์ข้างต้นนั้นถือว่าเป็นรถที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวและทำตลาดในบ้านเราเป็นที่แน่นอน กว่า 90% แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ การวางแผนการทำตลาดของแต่ละค่ายว่าจะมี กลเม็ดเด็ดพลายอะไรออกมาบ้าง ขณะที่ค่ายรถยนต์อื่น ๆ ที่ไม่กล่าวถึงข้างต้น ก็เชื่อว่าจะมีทีเด็ดออกมาไม่น้อยเหมือนกัน เท่ากับว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2555 จะน่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง

เพราะนักการตลาด และผู้คร่ำหวอดในแวดวงยานยนต์ต่างฟันธงกันสนั่นหวั่นไหวว่า สู้กัน "มันหยดติ๋ง ๆ" เลยละ เพราะยอดขายที่หายไปกว่า 1 แสนคันในช่วงน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา มีหรือที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะไม่รีบทวงพื้นที่กลับคืน

 
 

[เบิ้ม]

ค่ายอื่นทำไงอ่ะ ปล่อยให้เครื่องจิ๋ว บอดี้ใหญ่ ขายเอาๆ 

"นิสสัน"จี้รง.ส่งมอบรถลูกค้าเร็วขึ้น ปลื้ม"อัลเมร่า"ไม่กระทบมาร์ชยอดจองพุ่ง1.2หมื่น
Share27


"นิสสัน" โว ยอดขาย "อัลเมร่า" กระฉูดเพียง 3 เดือน ขายทะลุ 1.2 หมื่น เผย น้ำท่วมไม่มีผลกระทบ ลั่น ลูกค้ามั่นใจ จี้ รง.ลดระยะเวลารอรถไม่ให้เกิน 4 เดือน ปลื้มไม่กระทบ "มาร์ช" แบ็กออร์เดอร์ยัง 2 เดือน ลุ้นยอดขายกลับไปตามเป้าหมายเดิมที่ 7.65 หมื่นคัน อ้อนรัฐบาลพิจารณาสิทธิประโยชน์รถไฟฟ้า เล็งนำเข้า "ลิฟต์" ทำตลาดเมืองไทย


นายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์นิสสัน เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทพยายามเร่งสร้างยอดขายให้มีจำนวนเท่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ระดับ 76,500 คัน ตามปีงบประมาณให้ได้ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทตัดใจปรับลดเป้าหมายลงเหลือแค่ 70,000 คัน หลังต้องเผชิญปัญหาซัพพลายชิ้นส่วนในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่น และมหาอุทกภัยในประเทศไทย

โดยขณะนี้บริษัทได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นตามลำดับ และคาดว่าในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้กำลังการผลิตจะใกล้เคียง 100% และราวต้นเดือนมกราคม จะสามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิตที่ 100% อย่างแน่นอน

ที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามจัดหาชิ้นส่วนเพื่อนำมาประกอบรถยนต์นิสสัน จากแหล่งและฐานการผลิตทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น, เม็กซิโก, จีน, อินเดีย ฯลฯ เพื่อป้อนให้กับโรงงานผลิตในประเทศไทย ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศก็สามารถเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตได้แล้ว ซึ่งบริษัทจะพยายามอย่างเต็มความสามารถ เพื่อที่จะใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศเป็นหลัก

"หลังเปิดทำการช่วงหยุดยาวปีใหม่ กำลังการผลิตของเราจะเดินเครื่องเต็ม 100% อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา ซัพพลายเออร์ของเรามีบางรายเริ่มกลับมาผลิตชิ้นส่วนป้อนให้เราได้แล้ว บางบริษัทพยายามย้ายเครื่องจักรออกไปผลิตยังพื้นที่อื่น ส่วนบางรายก็กลับไปดำเนินการผลิตที่โรงงานเดิมได้แล้ว" นายประพัฒน์กล่าว

สำหรับกระแสการตอบรับอีโคคาร์ 4 ประตู นิสสัน อัลเมร่า ที่คลอดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ จนทำให้ไม่สามารถดำเนินการส่งมอบรถยนต์ขึ้นไปยังเขตพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ รวมถึงกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่ขณะนี้จะเห็นว่า นิสสัน อัลเมร่า ได้รับการตอบรับที่ดี โดยขณะนี้มียอดจองแล้วมากกว่า 12,000 คัน ภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 9,000 คัน ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวจนถึงสิ้นปี

โดยขณะนี้ได้ทยอยส่งมอบรถไปแล้วกว่า 2,000 คัน และในเดือนนี้จะส่งมอบอีก 5,000 คัน โดยยังมียอดค้างส่งมอบอยู่ถึง 7,000-8,000 คัน และยังมีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

บริษัทจะพยายามเร่งผลิตและส่งมอบให้เร็วที่สุด โดยจะพยายามไม่ให้ลูกค้ารอรถนานกว่า 2-3 เดือน เช่นเดียวกับนิสสัน มาร์ช กระแสความนิยมก็ยังคงมีความนิยมต่อเนื่อง โดยมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 3,000 คัน มีแบ็ก ออร์เดอร์ 5,000-6,000 คัน โดยลูกค้าต้องใช้เวลารอรับรถ 2-3 เดือนเช่นเดียวกัน

กระแสดีเกินคาดแม้จะเจอปัญหาน้ำท่วม เดิมคิดว่ายอดขายน่าจะลดลง แต่ปรากฏว่าวันนี้ตัวเลขสวนทาง โดยเฉพาะกระแสตอบรับที่ดีจาก กลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมือง ใหญ่ ๆ และจากการสอบถามไปยังดีลเลอร์พบว่า กระแสความนิยมส่วนหนึ่ง เป็นผลมาจากนิสสัน มาร์ช ที่ให้ทั้งความประหยัดและเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม ทำให้เรามียอดขายสะสมมากกว่า 50,000 คัน

ส่วนความคืบหน้าของการตัดสินใจนำรถยนต์นั่งซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้า 100% นิสสัน ลีฟ เข้ามาศึกษาถึงโอกาสความเป็นไปได้ ที่จะทำตลาดในอนาคตนั้น นายประพัฒน์กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทยในลำดับต้น ๆ สำหรับโครงการริเริ่มพัฒนาหลังจากบริษัทแม่ได้ประกาศแผนปฏิบัติการภายใต้แผนสิ่งแวดล้อม "นิสสัน กรีนโปรแกรม 2016" ด้วยการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์ไร้มลพิษ ด้วยยอดขายรวมรถยนต์ไร้มลพิษ 1.5 ล้านคันในปีดังกล่าว

"โอกาสและความเป็นไปได้ที่ลูกค้าชาวไทยจะได้ใช้รถยนต์นิสสัน ลีฟนั้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง หากภาครัฐให้การสนับสนุนในเรื่องภาษีสรรพสามิต และเงินช่วยเหลือ สำหรับผู้มีใช้รถยนต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นทำ ซึ่งก็จะทำให้ราคาจำหน่ายสามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมทั้งผู้บริโภคก็มีโอกาสเป็นเจ้าของรถรุ่นดังกล่าวได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน"
 

[เบิ้ม]

ธนารักษ์ประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ 1 ม.ค.55 "สีลม" แชมป์ ฮือฮา! จ.อุทัยฯ-เชียงใหม่ วาละ10บาท
Share5


 
กรมธนารักษ์เตรียมประกาศราคาประเมินที่ดินรอบบัญชีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2555 เผยราคาที่ดินทั่วประเทศเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 21.34 กรุงเทพฯ ยังครองแชมป์ราคาสูงสุดในย่านสีลมจากแยกศาลาแดงถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ ตารางวาละ 850,000 บาท ต่างจังหวัดอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ ตารางวาละ 400,000 บาท


วันนี้ ( 28 ธันวาคม 2554) ณ กรมธนารักษ์ นายนริศ  ชัยสูตร  อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความพร้อมการประกาศราคาที่ดินรอบบัญชีใหม่ พ.ศ.2555-2558 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการประเมินราคา และจัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพร้อมจะประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2555 แน่นอน ซึ่งการประเมินราคาที่ดินจะยึดหลักการวิเคราะห์จากหลักเกณฑ์มาตรฐานสากล โดยใช้วิธีการเปรียบเทียบกับราคาซื้อขายที่ดินในตลาด รวมทั้งนำปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการประเมินราคาที่ดิน ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพ การใช้ประโยชน์ ทำเลที่ตั้ง การคมนาคม สาธารณูปโภค และคุณภาพสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังมีเรื่องของข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ การผังเมือง การควบคุมอาคาร เพื่อให้ได้ราคาประเมินที่ดินที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง เป็นธรรม เชื่อถือได้ โดยสามารถนำไปใช้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เกิดจากการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้ อีกทั้งนำไปใช้ประโยชน์ในการนำไปค้ำประกัน การลงทุน ธุรกรรมต่างๆ และเพื่อการเวนคืนที่ดิน รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายด้านภาษี และการกระจายถือครองทรัพย์สิน และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อีกด้วย
 

นายนริศ กล่าวต่อว่า จากการดำเนินการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศประมาณ 29.3 ล้านแปลง หรือคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 321 ล้านไร่ แบ่งเป็น ที่ดินรายแปลงประมาณ 6 ล้านแปลง และที่ดินรายบล็อกประมาณ 23.3 ล้านแปลง พบว่าราคาที่ดินทั่วประเทศเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 21.34 โดยที่ดินในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 21.40 ส่วนกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 17.13 บริเวณที่มีราคาประเมินที่ดินสูงสุดของประเทศอยู่ที่กรุงเทพฯ ยังคงเป็นถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดงไปจนถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ ตารางวาละ 850,000 บาท รองลงมาเป็นถนนราชดำริ จากแยกราชประสงค์ไปถึงคลองแสนแสบ และที่ถนนพระรามที่ 1 จากแยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์ และที่ถนนเพลินจิตตลอดสาย ตารางวาละ 800,000 บาท

 

 

ในขณะเดียวกันบริเวณดังกล่าวแม้จะมีราคาสูงกว่าบริเวณอื่นๆ แต่กลับพบว่าราคาประเมินที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดกลายเป็นพื้นที่เขตอื่น ได้แก่ พื้นที่เขตวัฒนา คลองเตย พระโขนง และบางนา ปรับตัวสูงขึ้นถึงโดยเฉลี่ยร้อยละ 39.20 โดยได้รับอิทธิพลจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส รองลงมาเป็นเขตบางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชัน และทวีวัฒนา เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 33.06 และเขตบางขุนเทียน จอมทอง บางบอน เฉลี่ยร้อยละ 29 ตามลำดับ ส่วนพื้นที่ที่คิดว่าน่าจะมีราคาเพิ่มขึ้นแต่หลังจากที่มีการลงพื้นที่สำรวจจริง ผลที่ได้มีอัตราเปลี่ยนแปลงราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด ได้แก่ เขตจตุจักร เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ลาดพร้าว ร้อยละ 0.7 และประเวศ ร้อยละ 1.5 เท่านั้น เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวกรมธนารักษ์ได้มีการปรับราคาประเมินไปแล้วในระหว่างรอบบัญชีราคาประเมินใกล้เคียงกับราคาตลาดอยู่แล้ว
 

สำหรับส่วนภูมิภาคมีพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นสูงที่สุดอย่างน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ในต่างจังหวัดทั่วประเทศ คือ จังหวัดนราธิวาส ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 141.09 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ค่อนข้างดียางพารามีราคาสูงส่งผลให้มีกำลังซื้อ ประกอบกับราคาประเมินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน 2 รอบบัญชีที่ผ่านมา รองลงมาเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ ร้อยละ 81.27 และตราด ร้อยละ 74.42


"ทั้งนี้ ในต่างจังหวัดที่มีราคาที่ดินสูงสุดกลับอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตารางวาละ 400,000 บาท ยังคงเป็นราคาเดิม ส่วนราคาที่ดินต่ำสุด เพียงตารางวาละ 10 บาท อยู่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และเชียงใหม่ในอำเภอดอยหล่อ แม่แจ่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมไม่มีทางเข้าออก" นายนริศ กล่าวในตอนท้าย
 

[samrit..]

พี่นายช่างครับ ปณ.ส่งของถึงวันไหนหยุดครับ ปีนี้ยังไม่ได้ของฝันจากเจ้าใหญ่ๆเรยอ่ะคับ สั่งหนักกว่าเพื่อน ไหง๋ไม่เห็นมีไรมาให้เราบ้าง เจ้าอื่นสั่งน้อยๆยังส่งมาแล้ว 

เริ่มหยุดตั้งแต่ 31 ครับ

มาทำงานอีกทีโน๊นนนนนนนนนนน   4 ม.ค.55

[Pandanus]

[Pandanus]

ไปนอนแระ