ย่องๆ เข้ามาแล กลัวอีถูกลูกหลง...
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน
กลับมาได้เจอกันอีกครั้งหลังจากชีวิตได้ผ่านพ้นความตายมาอย่างฉิวเฉียด (พูดจริงๆ กินกับข้าวได้ )
ด้านบนนั้นคือโพสท์สุดท้ายของผมเมื่อ 9 ม.ค.54
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 10 โมงกว่านิดๆ ผมถูกนำส่งห้องฉุกเฉิน ร.พ. ม.อ. (ที่รั้วติดกัน)
ด้วยอาการเจ็บแน่นบริเวณหน้าอก เจ็บราวไปถึงรักแร้ คอ และอ่อนเพลีย มีเหงือออก
จากที่ทำงานผมถึงห้องฉุกเฉิน ร.พ. ม.อ. ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที (เนื่องจากติดไฟแดงด้วย)
แพทย์/พยาบาล ได้สอบถามอาการ....เดี่ยวมาต่อ มาต่อครับ....
ถึงห้องฉุกเฉิน แพทย์/พยาบาลได้สอบถามอาการต่างๆ
พยาบาลได้ตรวจวัดความดัน ตรวจววัดคลื่นหัวใจ ให้ยาระงับความปวด และให้ยาอมใต้ลิ้น...ความปวดทุเลาลง
พักหนึ่งประมาณ 15 นาที แพทย์/พยาบาล แจ้งว่าผมป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
จะต้องส่งไปฉีดสีเพื่อหาเส้นเลือดหัวใจที่ตีบตัน และทำบอลลูนขยายเส้นเลือดกับแพทย์โรคหัวใจ
หรืออาจต้องทำการผ่าตัดเพื่อทำ บายพาสเส้นเลือดหัวใจ หากไม่สามารถรักษาด้วยการทำบอลลูนได้
มีพยาบาลนำเอกสารมาให้เซ็นต์ (น่าจะเป็นเอกสารยินยอมให้ทำการรักษา)
และก็มีเจ้าหน้าที่ขออนุญาตโกนขนตรงนั้น.... เดี่ยวมาต่อ
เดี๋ยวของแก นานแท้เหว้อ....
หา ฑ.มณโฑอยู่เหรอลุงสัมริด หรือตัว ฌ.กะเฌอ .....
จากนั้นผมถูกนำส่งห้องทำบอลลูน โดยความรีบเร่้งของเจ้าหน้าที่
แม้แต่ผู้โดยสารลิฟต์ เจ้าหน้าที่ก็ต้องขอก่อน " ขอก่อนนะครับคนไข้โรคหัวใจ"
ผมไม่รู้หร๊อกครับว่า การทำบอลลูนขยายเส้นเลือดหัวใจต้องทำยังไง มีอันตรายยังไงบ้าง
ผมเป็นผู้ป่วย มาถึงขั้นนี้แล้ว หมอจะทำยังไงกับผมๆ ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
คงต้องปล่อยให้อยู่ในดุลยพินิจของหมอผู้ทำการตรวจรักษาผม
ตั้งแต่มาถึงห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จนถึงขณะนี้ผมมีสติโดยตลอด
ความเ็จ็บที่หน้าอก จากตอนแรกที่มาถึงผมให้คะแนน 8 แต้ม หลังจากได้ยาขณะนี้เหลือเพียง 1-2 เท่านั้น
สมองคิดไปต่างๆ นาๆ ลูกตรูกำลังเรียนทั้งนั้น ผบ.ตรูไม่ได้ทำงานหนี้สินตรูมีพอควร
ทั้งสหกรณ์ ,ออมสิน ,ธนาวัฎ , ฉฉ. ,ผ่อนบ้านอีก .....
หากตรูต้องเป็นไหร่ไปตอนนี้ ลูกเมียตรูจะอยู่กันยังไง ....ต่างๆ นาๆที่คิดไป
น้ำใสๆ ออกมาจากตาใหลลงมาทางแก้ม ในลำคอมันจุกเสียดขึ้นมา...
ตรูไม่ได้ร้องนะเฟ๊ย...แต่น้ำตามันใหลออกมาเอง
ถึงห้องทำบอลลูน... เจอทีมแพทย์/พยาบาลชุดเขียวที่มองเห็นประมาณ 5-6 คน
ผมถูกย้ายจากเตียงลำเลียงผู้ป่วย ขึ้นเตียงห้องทำบอลลูน แขนถูกล็อค ขาถูกล็อคหว่างขาก็ถูกล็อค... สติยังมีอยู่ตลอด
ฉีดยาชาหน่อยนะครับ...หูได้ยินเสียง พร้อมกับเจ็บนิดๆ บริเวณขาหนีบด้านขวา
พักหนึ่งตาเหลือบไปเห็นจอมอนิเตอร์แขวนอยู่กับเพดานห้อง 3-4 จอติดๆ กัน
ผมนอนตาแป๊ว กล้ามองไปที่มอนิเตอร์บ้าง ไม่กล้ามองบ้าง... แพทย์/พยาบาลทำไหร่กับผมบ้าง
ผมไม่รู้ เพราะมันไม่เจ็บ ในใจคิดและกังวลไปต่างๆ นาๆ ...บางทีเผลอมองไปที่มอนิเตอร์
อ้าปากกินยาหน่อยนะครับ...หูผมได้ยินพยาบาลพูด อ้าปากรับยารับน้ำที่เข้าป้อนให้....เดี่ยวมาต่อ
มาต่อ....
เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที การทำบอลลูนเสร็จไปด้วยดี
หมอได้อธิบายให้ฟัง พร้อมเปิดมอนิเตอร์ให้ดู สภาพเส้นเลือดหัวใจ
ทั้งก่อนจะทำบอลลูน และหลังจากทำบอลลูนเสร็จ กับชี้ให้เห็นเส้นเลือดหัวใจที่ตีบตันซึ่งได้ทำบอลลูนเสร็จ
และหมอบอกว่ายังมีเส้นเลือดหัวใจทีีตีบอยู่อีกเส้นหนึ่ง (ตีบประมาณ 80%) ยังไม่ได้ทำบอลลูน แต่ให้กินยา
ออกจากห้องทำบอลลูนประมาณ 11 โมงครึ่ง ถูกส่งตัวไปอยู่ห้อง ไอ.ซี.ยู ที่ชั้น 4 ตึกอุบัติเหตุ เพื่อสังเกตุอาการ
มีการตรวจวัดความดัน ตรวจวัดคลื่นหัวใจ วัดไข้เป็นระยะๆ
โดยต้องนอนราบบนเตียงเหยียดขาข้างที่ทำบอลลูนให้ตรง งอไม่ได้
ประมาณ 1 ทุ่ม หมอได้ถอดปลอกสายสวน (เรียกไม่ค่อยถูก) ทำบอลลูนให้
นอนสังเกตุอาการที่ห้อง ไอ.ซี.ยู อยู่คืนหนึ่ง ประมาณ 10 โมงเช้าวันที่ 10 ม.ค.55 พยาบาลมาบอก
หมออนุญาตให้กลับบ้านได้.... กลับไปนอนพักฟื้นที่บ้านถึงวันที่ 15 ม.ค.55
ที่เล่ามาทั้งหมดก็เพื่อให้เห็นความจริงของชิวิต เกิด แก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ
ทุกคนต้องมี ทุกคนต้องเจอ ทุกคนต้องเป็น
ภายนอกเราอาจดูสบาย แข็งแรง โรคภัยไม่มี แต่ภายในเราไม่รู้
โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
สมกับที่เขาว่า มันคือมัจจุราชเงียบจริงๆ ครับ...