การครองตัวเป็นโสด จะทำให้มวลมนุษยชาติ สูญพันธุ์
หากมีวิธีอันแยบยล เฉกเช่นนกกาเหว่า
สามารถทำให้แม่กาอุ้มชูทายาทสืบเผ่าพันธุ์กาเหว่าแทน....นับมาตั้งแต่บรรพบุรุษยันปัจจุบัน
มันเป็นเรื่องลึกซึ้งและละเอียดอ่อน เกินกว่าคนอยากกินนมงัวเลยต้องเลี้ยงแม่งัวจะเข้าใจได้คนเรา ได้ชื่อว่า "เป็นสัตว์อันประเสริฐ"
หากแต่กลัว และเอาเปรียบสรรพสัตว์ที่ได้ชื่อว่า"เดรฉาน"
ใยที่ต้องเอาตัวตนไปเปรียบเทียบสรรพสัตว์เหล่านั้น
คนย่อมสมควรละอายต่อเหล่าสรรพสัตว์ เช่นกา
เขาก็ยังบอกว่า ให้เอาอย่างกา แต่อย่าเอาเยี่ยงกา
ยิ่งไปเทียบกับ กาเเหว่า...ดูพฤติกรรมมันซิ...ผู้ร้ายชัดๆที่ไปขโมยของคนอื่น แล้วยังยัดเยียด ความไม่เหมาะสม อยุติธรรมใว้ให้คนอื่น
ท่านเปรียบเยี่ยงนี้...เป็นสิ่งประเสริฐที่สมควรจะยกย่อง หรือประณามดี?
อมิตพุทธ
อันไหน เป็นตัวกำหนด ว่าสิ่งใดดี หรือไม่ดี เราต่างกำหนดเอาเอง สร้างบรรทัดฐานเอาเอง
อันไหน คือความยุติธรรม หรือความไม่ยุติธรรม เราก็ต่้างกำหนดเอง และยอมรับมันเอง
ทุกสิ่งในโลก เราสมมุติขึ้นมาทั้งนั้น และเราก่าเป็นคนแบกมันไว้ หึหึหึ...
ยกอ้างมาเอง แล้วยังมา กล่าวเป็นเรื่องสมมุติ ทั้งพฤติกรรมและวิธีคิด ก็บ่งบอก หากในความเป็นจริง คนไม่เคารพกฎที่ตั้งวางกันใว้ ความเดือดร้อนวุ่นวาย ก็เป็นเฉกเช่นที่เห็น แล้วพอเกิดความอยุติธรรมขึ้นมา ทำไม คุณถึงเรียกหาความยุติธรรมละ?
อย่าวิ่งหนีความจริงเลยครับ วิ่งอย่างไรก็ไม่พ้น หนีเท่าไหร๋ก็ไม่หาย...........
อย่าแถมาก เปลืองยาแดงยาเหลือง เพิ่มโลกร้อนแท้ๆ...........
ทางที่ดีก็ทำสิ่งที่ชอบต่อไปเหอะ....มีคนชอบมากกว่าไม่ชอบเสียอีก
อะไรทำให้ความคิดมีอานุภาพต่อมนุษย์ปานนั้น เหตุผลสำคัญประการหนึ่งได้แก่ความยึดติดถือมั่นจนลืมตัว
ซึ่งพุทธศาสนาเรียกว่า อุปาทาน นั่นเอง การที่คนเราจะเห็นด้วยหรือสนับสนุนความคิดใดนั้น
เป็นเรื่องธรรมดาและเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งเสียหาย
แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเราเกิดยึดติดถือมั่นในความคิดนั้น ๆ (ทิฏฐุปาทาน) จนทนไม่ได้กับความคิดที่เห็นต่าง
จริงอยู่ตอนที่สมาทานความคิดนั้นใหม่ ๆ เราอาจเห็นว่าเป็นความคิดที่ดีและถูกต้อง
แต่ถ้าเผลอไปเมื่อไร ก็จะมีอัตตาหรือตัวตนเข้าไปผูกติดกับความคิดนั้น
เกิดความยึดมั่นสำคัญหมายในความคิดนั้นว่าเป็น ตัวกู ของกู
ถึงตรงนี้ก็จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของความคิดนั้น
(หรือพูดให้ถูกต้องกว่านั้นคือกลายเป็นทาสของความคิดนั้น....หึ หึ หึ....)