บทความจาก EPA สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา
อ่านบทความภาษาอังกฤษได้ใน
http://www.epa.gov/iaq/pubs/ozonegen.html เรื่อง เครื่องฟอกอากาศโอโซน :การประเมินประสิทธิภาพและผลกระทบต่อสุขภาพ
มีเอกสารมากมาย ที่พูดถึงประโยชน์ของการใช้เครื่องฟอกอากาศโอโซนภายในอาคาร แต่อย่างไรก็ตามเอกสารส่วนใหญ่เหล่านี้มักจะอ้างอิงหรือมีข้อสรุปที่ไม่มีข้อพิสูจน์และไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ EPA หรือสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกาจึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับเรื่องเครื่องฟอกอากาศโอโซนรวมถึงข้อมูลที่จัดทำโดยบริษัทผู้ผลิตเครื่องโอโซน
การศึกษาของ EPA สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกาในเรื่องเครื่องฟอกอากาศโอโซนนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับและมีข้อสรุปซึ่งมีแหล่งที่มาที่ใช้ในทำการรวบรวมเป็นบทความนี้
มีเครื่องฟอกอากาศโอโซนหลายยี่ห้อที่ได้ประทับตรา (EPA establishment number) หมายถึงประทับตราเลขที่ของ EPA บนกล่อง ข้างกล่อง เครื่องหมายนี้เป็นเครื่องหมายที่ EPA ใช้ตรวจสอบแหล่งที่มาของการผลิต เครื่องหมายนี้ไม่ได้หมายความว่า EPA หรือสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา ยอมรับว่าผลิตภัณฑ์นี้ปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพแต่อย่างไร
หมายเหตุ EPA ไม่เคยให้การรับรองเครื่องฟอกอากาศชนิดใด EPA ไม่เคยแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศของบริษัทใด ๆ ถ้าต้องการข้อมูลจากผู้ผลิต ท่านสามารถหาได้จาก AHAM หรือสมาคมผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่
www.aham.org และหาข้อมูลเครื่องฟอกอากาศที่ AHAM รับรองได้ที่
www.crdr.org หรือหาข้อมูลเรื่องเครื่องฟอกอากาศจากสมาคมโรคปอดสหรัฐอเมริกาที่
www.lungusa.org/air/air00-aircleaners.html คำนำและวัตถุประสงค์
เครื่องฟอกอากาศโอโซน ผลิตขึ้นมาขายโดยการทำงานจากปฎิกิริยาของแก๊สโอโซน ผู้ผลิตเครื่องฟอกอากาศประเภทนี้ได้ออกเอกสารซึ่งชักจูงให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่าเครื่องนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมมลภาวะภายในอาคาร เกือบหนึ่งร้อยปีแล้วที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ปฏิเสธข้ออ้างเหล่านี้ ตั้งแต่ปี 1913 โดย Sawyer และพวก Salls ในปี 1927 Boeniger 1995 สมาคมโรคปอดแห่งสหรัฐอเมริกาปี 1997 Al-Ahmady ในปี 1997
เอกสารฉบับนี้จึงถูกเตรียมขึ้นมาเพื่อให้ท่านได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศโอโซนอย่างถูกต้อง ข้อมูลนี้มีรากฐานมาจากผลงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ผู้ผลิตบางรายได้โฆษณาว่า
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 1
เครื่องฟอกอากาศนี้รับการยอมรับจากองค์กรของรัฐบาลให้ใช้ภายในอาคารได้ แต่ในความเป็นจริงไม่
เคยมีองค์กรใดของรัฐบาลให้การรับรองเครื่องฟอกอากาศโอโซนนี้เลย เพราะว่าแก๊สโอโซนเป็นแก๊สพิษสามารถทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะเมื่อมีความเข้มข้นสูง หลายหน่วยงานของรัฐบาลได้รณรงค์ให้คำแนะนำและเผยแพร่ร่วมกับ EPA สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกานี้ ที่จะทำให้สาธารณชนทราบข้อมูลในเรื่องอันตรายจากโอโซน
โอโซน คืออะไร
โอโซน คือโมเลกุลของออกซิเจน 3 อะตอม ปกติออกซิเจนจะรวมกันเป็น 2 อะตอม (เป็นโมเลกุลของออกซิเจนปกติ) ออกซิเจนปกตินี้เราใช้ในการหายใจและเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ออกซิเจนอะตอมที่ 3 จะสามารถมาเกาะกับออกซิเจน 2 อะตอมนี้เพื่อฟอร์มเป็นโอโซนได้ และก็สามารถกระโดดไปเกาะกับโมเลกุลอื่นหรือสารอื่นได้แล้วแต่องค์ประกอบของสารนั้น คุณสมบัติที่มันสามารถไปทำปฏิกิริยากับสารอื่นบางชนิดได้ถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างถึงประโยชน์ของโอโซนจากผู้ผลิตโอโซนหลายๆ บริษัท
โอโซนเป็นอันตรายจริงหรือ
โอโซนโดยคุณสมบัติของมันโดยเฉพาะที่มีความเข้มข้นมาก สามารถทำปฏิกิริยากับร่างกายได้และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อหายใจเข้าไปโอโซนทำอันตรายต่อปอด แม้ว่าจะมีปริมาณเพียงเล็กน้อยโอโซนสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ไอ หายใจไม่ออก เจ็บคอ ระคายเคืองคอ โอโซนสามารถทำให้เกิดปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจอย่างเรื้อรัง อย่างเช่น โรคหอบ นอกจากนั้นโอโซนยังทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่จะต่อสู้กับโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจลดลง ผลกระทบต่อผู้ใช้ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคนและปริมาณโอโซนที่จะได้รับ ในคนที่แข็งแรงก็เช่นเดียวกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจสามารถมีปัญหาในการหายใจได้เมื่อได้รับโอโซนมากพอ การออกกำลังกายในบริเวณที่มีโอโซนมากสามารถทำให้ได้รับโอโซนมากเกินไปซึ่งจะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
การฟื้นตัวหายป่วยจากการได้รับโอโซนปริมาณน้อยมีความเป็นไปได้ แต่ในกรณีที่ได้รับโอโซนเป็นจำนวนมากและเป็นเวลายาวนานทำให้เกิดความเจ็บป่วยที่ฟื้นตัวได้ยาก ผู้ผลิตเครื่องโอโซนมักจะโฆษณาชวนเชื่อโดยใช้คำว่า Energized Oxygen คือออกซิเจนที่มีพลัง หรือ Pure Air คืออากาศที่บริสุทธิ์ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าออกซิเจนนี้เป็นออกซิเจนที่ดีต่อสุขภาพ จริง ๆ แล้วโอโซนคือแก๊สพิษ ซึ่งมีคุณสมบัติที่เป็นพิษมากมายแตกต่างกับออกซิเจนปกติ หลายหน่วยงานของรัฐบาลได้พยายามที่จะกำหนดค่าความปลอดภัยมาตรฐานที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับโอโซนมากเกินไป ค่าความปลอดภัยมาตรฐานนี้ได้ถูกกำหนดตามตารางที่ 1
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 2
โอโซนสามารถแสดงบทบาททั้งเป็นพระเอกและเป็นผู้ร้ายได้หรือไม่
วลีว่า อยู่ข้างบนดี อยู่ใกล้ ๆ ร้าย ถูก EPA นำมาใช้เพื่ออ้างถึงโอโซน เพราะโอโซนเป็นพระเอกเมื่ออยู่ในชั้นบรรยากาศในชั้น Stratospheric Ozone (สูงจากพื้นโลก 15-50 กม.) จะมีประโยชน์มากเพราะโอโซนช่วยปกป้องโลกนี้จากรังสีอุลตร้าไวโอเลท แต่ถ้าโอโซนอยู่ในชั้นบรรยากาศพื้นโลกในระดับเดียวกับที่เราหายใจ โอโซนเป็นผู้ร้ายอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้โอโซนในระดับเดียวกับพื้นโลกสามารถทำปฏิกิริยากับแสงอาทิตย์ร่วมกับสารเคมีที่ถูกปล่อยออกมาจากรถยนต์หรือจากโรงงานอุตสาหกรรมมาทำอันตรายต่อเราได้ มีบ่อยครั้งที่โอโซนเหล่านี้ร่วมกับมลภาวะอื่น ๆ ได้แก่ ไนโตรเจนไดอ๊อกไซด์ ฝุ่น และฝุ่นของไฮโดรคาร์บอนด์ ทำให้เกิดสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเราได้
เครื่องโอโซนมีประสิทธิภาพในการควบคุมมลภาวะภายในอาคารหรือไม่
จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หาได้ในปัจจุบันพบว่าเครื่องฟอกอากาศที่ผลิตโอโซนไม่เกินค่าความปลอดภัยมาตรฐานนี้ สามารถฟอกอากาศได้น้อยมาก ผู้ผลิตเครื่องโอโซนบางรายแนะนำต่อสาธารณะชนว่าโอโซนจะทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่เราไม่ต้องการกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่อันตรายคือ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ออกซิเจน และน้ำ ซึ่งข้อความนี้เป็นข้อความที่ไม่จริง
ประการที่หนึ่ง จากการศึกษาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า โอโซนจะทำปฏิกิริยากับสารเคมีจนสมบูรณ์อาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี (ผลการวิจัยของ Boeniger, 1995) ในทางปฏิบัติโอโซนไม่สามารถทำปฏิกิริยากับสารเคมีบางอย่างตามที่ผู้ผลิตเครื่องโอโซนอ้างถึง และไม่สามารถกำจัดสารคาร์บอนโมนอกไซด์ (Sall, 1927 ; Shaughnessy et al., 1994)โอโซนไม่สามารถกำจัดน้ำยาดองศพหรือฟอร์มาดีไฮด์ได้ (Esswein และ Boeninger1994)
ประการที่สอง มีสารเคมีบางตัวเมื่อทำปฏิกิริยากับโอโซนแล้วสามารถทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นอันตรายมากขึ้น (Weschler et al., 1992) ยกตัวอย่างเช่นมีการทดลองในห้องปฏิบัติการทดสอบโอโซนกับพรมใหม่ โอโซนสามารถลดสารเคมีบางตัวลงได้และสามารถลดกลิ่นของพรมใหม่ลงได้ แต่อย่างไรก็ตามจากปฏิกิริยานี้โอโซนทำให้เกิดสารหลายรูปแบบของกลุ่มอัลดีไฮด์ซึ่งเป็นอันตรายมากขึ้นและยังทำให้ปริมาณของสารเคมีออแกนิคในอากาศเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก (Weschler, et al., 1992) และเมื่อโอโซนทำปฏิกิริยากับกลุ่มอัลดีไฮด์แล้ว โอโซนทำให้ปริมาณของกรดฟอร์มิคแอซิดเพิ่มขึ้น (Zhang , 1994) ซึ่งกรดนี้เป็นสารที่เป็นอันตรายต่อปอดอย่างมาก ผลพลอยได้จากโอโซนทำปฏิกิริยากับสารเคมีนี้ยังทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีต่อเนื่อง เกิดเป็นสารเคมีซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนระคายเคืองอย่างมาก (Weschler , 1996)นอกจากนั้นโอโซนยังทำปฏิกิริยาซับซ้อนกับสารอื่นๆ อีกซึ่งจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อจะศึกษาผลกระทบจากสารเหล่านี้และอันตรายของมัน
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 4
ประการที่สาม เครื่องทำโอโซนไม่มีความสามารถที่จะกำจัดฝุ่นละอองในอากาศได้ โดยเฉพาะฝุ่นที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ แม้ว่าเครื่องทำโอโซนจะมีบางรุ่นซึ่งมีอิออนไนเซอร์อยู่ในเครื่องเดียวกัน (สร้างประจุลบประจุบวกอยู่ในเครื่องเดียวกัน ) จากผลการวิจัยล่าสุดพบว่าเครื่องยิงประจุประเภทนี้เป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดในการกำจัดฝุ่น ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้หรือสปอร์ของเชื้อรา (Shaughnessy , 1994) อย่างไรก็ตามในการทดลองอื่น ๆ พบว่าประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ตัวยิงประจุร่วมกับฟิวเตอร์อย่างอื่นก็ยังให้ผลต่างกันได้มาก (U.S.EPA , 1995)
พบว่าเมื่อความเข้มข้นของโอโซนไม่เกินค่าความปลอดภัยมาตรฐาน โอโซนไม่สามารถกำจัดกลิ่นสารเคมีบางชนิดได้
ในการทดลองทดสอบกับสารฟอร์มาดีไฮด์ พบว่าเมื่อใช้กลิ่นของฟอร์มาดีไฮด์ โอโซนไม่สามารถลดปริมาณฟอร์มาดีไฮดด์ลงได้ (Esswein and Boeniger, 1994) ในการทดลองกับกลิ่นอื่นพบว่า กลิ่นตัวหรือกลิ่นของร่างกายอาจถูกบดบังด้วยกลิ่นของโอโซน แต่โอโซนไม่สามารถกำจัดกลิ่นของร่างกายได้ (Witheridge And Yaglou., 1939) โอโซนถูกพบว่าไม่มีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นในระบบระบายอากาศของอาคาร (ASHRAE , 1989)
ในขณะเดียวกันหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าโอโซนสามารถกำจัดกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพแทบจะหาหาไม่ได้ มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์น้อยมากที่จะสนับสนุนว่าโอโซนสามารถกำจัดกลิ่นได้ มีบางการทดลองยืนยันเรื่องนี้อาจจะเป็นเพราะว่าโอโซนสามารถกำจัดกลิ่นจากสารเคมีซึ่งทำปฏิกิริยากับโอโซนเท่านั้น ตัวอย่างเช่น โอโซนสามารถทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่อยู่ในพรมใหม่ (Weschler , 1992) (Zhang & Lioy , 1994)เชื่อว่าโอโซนการทำปฏิกิริยากับสารอะโคลีน ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากบุหรี่ที่ใช้แล้ว (USEPA , 1995)
ในความเข้มข้นของโอโซนที่ไม่เกินค่ามาตราฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพ พบว่าโอโซนภายในอาคารไม่สามารถกำจัด ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายอื่น ๆ
มีข้อมูลบางอย่างแสดงว่าในโอโซนปริมาณน้อย ๆ สามารถลดหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคขณะที่มีโอโซนอยู่ แต่ว่าความเข้มข้นของโอโซนนี้จะต้องสูงถึง 5 10 เท่าของค่าความปลอดภัยมาตรฐาน และยังต้องมีปริมาณโอโซนในอากาศเพียงพอที่จะทำให้เกิดเหตุปรากฏการนี้ได้ (Dyas,et al., 1983) (Foard e et al.,, 1997) แม้ว่าจะมีความเข้มข้นสูงโอโซนก็ไม่สามารถทำอันตรายกับเชื้อโรคที่แฝงตัวอยู่ในวัสดุที่มีลักษณะพรุนได้ (Foarde et al., 1997) โอโซนที่ผลิตจากพวกเครื่องฟอกอากาศจะหยุดยั้งเชื้อโรคบางชนิดขณะที่เปิดเครื่องอยู่ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถฆ่าเชื้อได้ทั้งหมด ถ้าความเข้มข้นของโอโซนมีไม่มากพอ และยังต้องคำนึงถึงว่ามีคนอยู่บริเวณนั้นหรือเปล่า อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีโอโซนในระดับที่เข้มข้นมาก เชื้อโรคที่อยู่ตามพื้นที่มีลักษณะพรุนก็ไม่ได้รับผลกระทบ
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 5
ถ้าปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้ผลิต เราสามารถได้รับอันตรายหรือไม่
จากผลการวิจัยพบว่า ความเข้มข้นของโอโซนที่ผลิตออกมามักจะสูงกว่าค่าความมาตรฐาน แม้ว่าผู้ใช้จะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ในท้องตลาดมีเครื่องผลิตโอโซนหรือเครื่องฟอกอากาศโอโซนหลายชนิดแตกต่างกันหลายรูปแบบ และยังแตกต่างกันในปริมาณของโอโซนที่ผลิตออกมาได้ แม้ว่าเครื่องฟอกอากาศชนิดนี้จะสร้างโอโซนไม่มากเกินกว่าค่าความปลอดภัยมาตรฐาน แต่เนื่องจากสภาวะที่เป็นห้องปิด สภาวะที่ใช้เป็นภายในอาคารและอาจจะทำให้ความเข้มข้นของโอโซนสูงกว่าค่าความปลอดภัยมาตรฐาน
ในการวิจัยงานหนึ่งโดย (Shaughnessy and Oatman, 1991) เครื่องผลิตโอโซนที่เหมาะสำหรับพื้นที่ 3,000 ตารางฟุต ถูกติดตั้งในพื้นที่ห้อง 350 ตารางฟุต พบว่าเมื่อเปิดเครื่องค่าความเข้มข้นของโอโซนในห้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากความเข้มข้นสูงถึง 0.50 0.80 ส่วนในล้านส่วนซึ่งมากกว่าค่าความปลอดภัยมาตราฐาน 5 10 เท่า
ในการทดลองของ EPA ซึ่งนำเครื่องฟอกชนิดโอโซนไปติดตั้งไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ในบ้าน เปิดประตูหรือปิดประตู ในระบบทางเดินอากาศ เปิดพัดลมหรือปิดพัดลมระบายอากาศ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเมื่อเปิดเครื่องฟอกอากาศโอโซนโดยเปิดเต็มที่บางทีความเข้มข้นของโอโซนจะขึ้นไปถึง 0.20 0.30 ส่วนในล้านส่วน และสูงถึง 0.12 0.20 ในห้องข้างเคียง และเมื่อไม่ได้เปิดเครื่องเต็มที่และเปิดประตูห้องนี้ไว้ความเข้มข้นของค่าโอโซนไม่เกินค่าที่กำหนด (US EPA, 1995)
ค่าความเข้มข้นของโอโซนในรายงานที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่ได้รวมค่าความเข้มข้นของโอโซนนอกอาคาร ซึ่งปกติจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 0.01-0.02 บางที่อาจจะสูงถึง 0.03-0.05 (Hayes, 1991U.S.EPA, 1996b, Weschler et al., 1989,1996,Zhang And Lioy.,1994. ถ้าเรานำความเข้มข้นของโอโซนจากภายนอกอาคารที่จะถ่ายเทเข้ามาภายในอาคารมานับรวมด้วย จะพบว่าความเข้มข้นภายในอาคารจะเพิ่มขึ้นและเป็นผลทำให้ความเสี่ยงต่อการที่ได้รับโอโซนมากเกินไปเพิ่มมากขึ้นด้วย
การศึกษาทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครทำการทดลอง ที่จะทดสอบโดยเปิดใช้เครื่องโอโซนมากกว่า 1 เครื่อง เชื่อว่าถ้าเราใช้เครื่องโอโซนในการทดสอบมากว่า 1 เครื่องจะทำให้ปริมาณของโอโซน เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และยิ่งทำให้เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการที่ได้รับโอโซนมากเกินไป
ทำไมการควบคุมปริมาณของโอโซนจากเครื่องผลิตโอโซนถึงเป็นเรื่องยาก
ความเข้มข้นของโอโซนที่ผลิตจากเครื่องผลิตโอโซนนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อย่างเช่นปริมาณความเข้มข้นที่ได้ อาจจะขึ้นอยู่กับกำลังของหัวผลิตโอโซน หรือบางทีก็ขึ้นกับปริมาณจำนวนของหัวผลิตโอโซน หรือพื้นที่ที่ใช้เครื่องนี้ภายในภายนอกอาคาร ระบบเป็นแบบเปิดหรือแบบปิด ในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จำนวนมากหรือน้อย หรือมีสิ่งที่จะดูดซับหรือทำปฏิกิริยากับโอโซน รวมถึงปริมาณของโอโซนจากภายนอกว่าสูงหรือต่ำ รวมถึงการระบายอากาศของห้องนั้น
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 6
โดยทั่วๆ ไปเมื่อเราเปิดเครื่องผลิตโอโซนความเข้มข้นจะอยู่สูงที่สุดอยู่ตรงในจุดที่เครื่องโอโซนอยู่แล้วค่อยๆ น้อยลงเมื่ออยู่ห่างออกมา ผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายเครื่องโอโซนมักจะแนะนำให้ผู้ซื้อวัดพื้นที่ที่จะใช้กับเครื่องนี้ แต่ในความเป็นจริงข้อแนะนำจากผู้ผลิตทั้งในเรื่องของขนาดของพื้นที่ที่จะใช้นี้ไม่เพียงพอ และไม่ละเอียดเพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าความเข้มข้นของโอโซนที่ได้จะไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้
นอกจากนี้บทความบางบทความที่ถูกเผยแพร่โดยผู้ขายแนะนำให้ผู้ซื้อเลือกใช้เครื่องโอโซนที่มีกำลังสูงกว่าพื้นที่ใช้จริงเพื่อให้เผื่อไว้สำหรับใช้งานในอนาคต หรือเพื่อเผื่อไว้ใช้พื้นที่ที่ใหญ่กว่า ยิ่งผู้ซื้อใช้เครื่องที่มีกำลังสูงมากเท่าไร ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับโอโซนมากเกินไปเท่านั้น
เครื่องผลิตโอโซน โดยทั่วไปจะมีปุ่มควบคุมปริมาณโอโซนซึ่งสามารถปรับได้ แต่ปริมาณโอโซนที่ได้จากเครื่องเหล่านี้ มักจะไม่เที่ยงตรงในการควบคุมเมื่อใช้งานจริง ตัวอย่างเช่นเมื่อเราตั้งเครื่องไว้ที่การทำงานปานกลาง ก็ไม่ได้หมายความว่าเครื่องนี้จะผลิตโอโซนในระดับที่ผลิตครึ่งหนึ่งของปริมาณสูงสุด หรือว่าเป็นเท่าตัวของปริมาณต่ำสุด และความสำคัญของปุ่มควบคุมต่อปริมาณของโอโซนที่ผลิตได้ ยังแตกต่างกันอย่างมากระหว่างเครื่องหลายๆยี่ห้อ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วปรากฏว่าปริมาณโอโซนที่ออกมามากกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด ถ้าเราปรับเครื่องตั้งแต่จุดต่ำสุด ไปหาจุดสูงสุด ในการทดลองพบว่าเมื่อตั้งเครื่องที่สูงสุดเครื่องนี้จะผลิตโอโซนได้เป็น 10 เท่าของเครื่องเมื่อตั้งเครื่องไว้ที่ค่าปานกลาง (US EPA,1995) และในคำแนะนำของผู้ผลิตก็ให้ตั้งปุ่มควบคุมให้สัมพันธ์กับพื้นที่ห้อง แต่จริงๆแล้วพื้นที่ห้องไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่มีผลกระทบต่อปริมาณความเข้มข้นของโอโซน
อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการปรับปุ่มควบคุมของเครื่อง ผู้ใช้จะถูกแนะนำให้ปรับในปุ่มที่ต่ำที่สุด เมื่อได้กลิ่นของโอโซน แต่จริงๆแล้วความสามารถในการเช็คกลิ่นของโอโซนแปรผันอย่างมากในแต่ละคน บางคนอาจจะได้รับกลิ่นเร็วมากเมื่อมีโอโซน และในความเป็นจริงเมื่อเราได้กลิ่นโอโซนนั้นมากความว่าความเข้มข้นของโอโซนนั้นสูงเกินไปแล้ว และเช่นเดียวกันการที่ไม่ได้กลิ่นก็ไม่ได้หมายความว่าระดับที่เราไม่ได้กลิ่นจะปลอดภัย
มีผู้ผลิตเครื่องทำโอโซนอย่างน้อย 1 รายที่ได้ติดตัวจับสัญญาณหรือเซ็นเซอร์ไว้คอยเปิดปิดเครื่องเพื่อให้ค่าความเข้มข้นของโอโซนต่ำกว่าค่าความปลอดภัยมาตรฐาน EPA กำลังตรวจสอบถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของตัวเซ็นเซอร์เหล่านี้และจะทำการวิจัยต่อไปเพื่อที่จะให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องของเครื่องทำโอโซนและ EPA จะรายงานผลที่ได้จากการวิจัยเมื่อข้อมูลครบถ้วน
เราสามารถใช้โอโซนในบริเวณไม่มีใครอยู่ได้หรือไม่
โอโซนถูกใช้อย่างมากในการฆ่าเชื้อในน้ำแต่ปฏิกิริยาเคมีในน้ำและในอากาศไม่เหมือนกัน ความเข้มข้นของโอโซนในอากาศ เมื่อไม่มีคนอยู่ บางทีอาจจะช่วยฆ่าเชื้อบางอย่างหรือช่วยกำจัดกลิ่นไหม้ อย่างไรก็ตามผลิตผลพลอยได้จากการทำปฎิกิริยาที่ตกค้างอยู่เรามีข้อมูลกันน้อยมาก (Dunston and Spivak, 1997). การใช้โอโซนฆ่าเชื้อในอากาศจะต้องควบคุมไม่ให้มีคนหรือสัตว์อยู่ในบริเวณนั้น
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 7
อย่างเด็ดขาด และโอโซนยังสามารถทำอันตรายต่อต้นไม้ที่ปลูกภายในอาคารและยังทำลายยาง ยางหุ้มสายไฟ,ผ้าต่าง ๆ ภาพวาด โดยเฉพาะสีสันของภาพวาดถูกทำลายได้โดยโอโซน
มีทางเลือกอื่นหรือไม่ในการควบคุมมลภาวะของอากาศภายในอาคาร
มีวิธีอยู่ 3 วิธีหลัก ๆ ในการลดปริมาณมลภาวะของอากาศภายในอาคาร ได้แก่ :
1. ควบคุมต้นตอ : พยายามที่จะกำจัดหรือควบคุมต้นตอของมลภาวะ
2. ถ่ายเทอากาศ : โดยการติดพัดลมระบายอากาศเพื่อลดมลภาวะจากภายในอาคาร
3. ฟอกอากาศ : โดยการใช้วิธีการฟอกอากาศที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล
จาก 3 ข้อใหญ่ ๆ ข้อแรก ที่เราจะกล่าวถึงคือ การควบคุมต้อตอ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด ควรจะพยายามที่จะลดมลภาวะโดยควบคุมการใช้สารที่จะเกิดมลภาวะภายในอาคาร การทำความ
สะอาดเพื่อลดจำนวนของเชื้อโรคและควบคุมฝุ่นที่เกิดขึ้นรวมถึงการควบคุมความชื้นหรือทำความสะอาดพื้นผิวที่เปียกอย่าให้หมักหมม
หัวข้อต่อมาคือ การถ่ายเทอากาศออกไปก็เป็นวิธีที่ได้ผลและก็ใช้กันเป็นปกติอยู่แล้ว ควรจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศใกล้แหล่งที่ทำให้เกิดมลภาวะภายในอากาศ บางครั้งควรจะเปิดหน้าต่างร่วมด้วยโดยเฉพาะเมื่อจำเป็นที่จะต้องใช้สารที่ทำให้เกิดมลภาวะในอากาศภายในห้อง
หัวข้อสุดท้ายคือ การฟอกอากาศ หัวข้อนี้ไม่ถือว่ามีความสำคัญเพียงพอ แต่บางครั้งก็มีการใช้เพื่อเสริมการควบคุมต้นตอและร่วมกับการระบายอากาศ การใช้เครื่องฟอกอากาศแบบแผ่นกรองหรือการใช้เครื่องฟอกอากาศแบบประจุไฟฟ้าและอีออนไนเซอร์เพื่อที่จะกำจัดฝุ่นและบางทีก็ช่วยดูดซับสิ่งปนเปื้อนจากอากาศออกไปเมื่อทำหัวข้อที่ 1 และหัวข้อที่ 2 ได้ไม่ดีพอ
บทสรุป
โอโซนเป็นอันตรายต่อสุขภาพไม่ว่าจะอยู่ในรูปโอโซนบริสุทธิ์หรือทำปฏิกิริยากับสารอื่นแล้ว
เมื่อหายใจเข้าไปโอโซนสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก เจ็บคอ นอกจากนั้นยังสามารถทำให้โรคทางเดินหายใจเรื้อรังมีอาการมากขึ้นเช่น โรคหอบหืดแย่ลงและยังทำให้ภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้ต่อเชื้อในระบบทางเดินหายใจลดลง
จากการวิจัยพบว่าความเข้มข้นของโอโซนจากเครื่องโอโซนมักจะเกินค่าความปลอดภัยมาตรฐานแม้ว่าจะได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัดแล้ว
เครื่องฟอกอากาศโอโซน / US EPA 8
ผลกระทบที่ทำให้ความเข้มข้นของโอโซนเพิ่มขึ้นได้แก่ปริมาณจำนวนของหัวผลิตโอโซนในเครื่อง พื้นที่ห้อง ปริมาณของข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องซึ่งโอโซนทำปฎิกิริยา ด้วยความเข้มข้นของโอโซนนอกอาคาร การระบายอากาศของห้อง ๆ นั้น ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เป็นการยากที่จะควบคุมโอโซนให้มีค่าความปลอดภัยเพียงพอ
จากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ยืนยันว่าโอโซนไม่สามารถจำกัดมลภาวะในอากาศได้
ความเข้มข้นของโอโซนอาจจะต้องใช้ปริมาณที่เกินกว่าที่เป็นค่าความปลอดภัยมาตรฐานจึงจะสามารถกำจัดเชื้อโรคในอากาศได้นอกจากนั้น การที่โอโซนทำปฎิกิริยากับสารเคมีอื่น ๆ ภายในอาคาร อาจจะทำให้เกิดสารเคมีซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นอันตรายอย่างรุนแรง
ข้อแนะนำ ในการควบคุมลดมลภาวะในอากาศภายในอาคารประชาชนควรเลือกใช้วิธีที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผล วิธีเหล่านี้ตั้งแต่การพยายามที่จะควบคุมต้นตอของสาเหตุของมลภาวะภายในห้องนั้น การเพิ่มการระบายอากาศของห้องนั้น และควรเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ
แปลและเรียบเรียงบทความจาก
Ozone Generators that are Sold as Air Cleaners : An .sment of Effectiveness and Health Consequences
U.S. Environmental Protection Agency
โดย ทพ. จักรชัย สมพลพงษ์
บริษัท กู๊ดเฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด
http://www.goodhealth.co.th/new_page_17.htm